CHAPTER 04 นายท่านเจ้าขา II

3624 คำ
CHAPTER 04 นายท่านเจ้าขา II ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล เมื่อตื่นมาเห็นกองงานผมว่าผมคงได้โต้รุ่งอีกแน่ สองแขนยกขึ้นบิดขี้เกียจไปมาพลางเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาสองทุ่มครึ่ง อ่า นี่ผมหลับไปแค่สองชั่วโมงเองเหรอ ถึงว่าไอ้ไม้ไม่มาปลุก ผมลุกเดินไปยังโต๊ะทำงานพร้อมเปิดโน้ตบุ๊คทิ้งไว้ก่อนจะโทรลงไปยังโทรศัพท์ บ้านชั้นล่างเพื่อสั่งอะไรขึ้นมากินสักหน่อย “เอาข้าวขึ้นมาให้บนห้องหน่อย กาแฟด้วย แล้วก็บอกไอ้ไม้กลับบ้านได้แล้ว นี่ใครรับสาย?” ทันทีที่มีคนรับสายผมก็ร่ายคำสั่งทันทีจนลืมสนใจว่าผมคุยกับใครอยู่ “ป้าพรเองค่ะนายท่าน” “อ่อ ยัยแม่บ้านคนใหม่นั่นเป็นไงบ้าง สั่งสอนหรือยัง” อดที่จะถามหาไม่ได้ ยังไงก่อนที่ผมจะหลับไปยัยนั่นดันเข้าใจผมผิดแล้วก็วิ่งหนีผมไปด้วยความคิดที่ว่าผมกับไอ้ไม้เป็นคู่เกย์กัน อยากจะถามลองเชิงสักหน่อย ว่ายัยนั่นปากมากเอาเรื่องบ้าบอนี่แพร่งพรายออกไปให้ใครได้รู้หรือเปล่า “ป้าก็กำลังพยายามบอกในสิ่งที่ควรทำน่ะค่ะ แต่ก็ต้องรอดูว่ายัยหนูมันจะทำตามมากน้อยแค่ไหน แต่ป้าสั่งให้อดข้าวตามที่นายท่านบอกแล้วนะคะ ตอนนี้บ่นปวดท้องหิวข้าวอยู่แต่เดี๋ยวคงง่วงหลับไปก็เลิกบ่นเอง” “เธอนอนกับป้าเหรอ?” “เปล่าค่ะ ป้าเข้าไปดูที่ห้องมาเมื่อกี้” “อย่าให้ได้พักสบายนักเลย บอกให้เธอเอาข้าวขึ้นมาให้ผมด้วยล่ะ” “ค่ะๆ เดี๋ยวป้าจะให้ยัยหนูเอาขึ้นไปให้นะคะ” ที่จริงผมลืมไปแล้วว่าสั่งให้เธอกินข้าวได้วันละมื้อ ตอนนั้นโมโหเลยพูดออกไปอย่างนั้นเอง แต่ก็นะ ถือว่าเป็นการทำโทษดัดนิสัย จะได้จำว่าไม่ควรมาต่อปากต่อคำกับเจ้าของบ้านอย่างผมอีก แฟ้มเอกสารตรงหน้าถูกกางออกโดยมีกระดาษปึกใหญ่อยู่ในนั้นซึ่งเป็นรายละเอียดโครงการบ้านจัดสรรโครงการใหม่ที่ผมกำลังจะให้น้องชายผมทำ สายตากวาดอ่านไปทุกตัวอักษรที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งใจ งานนี้จะเป็นงานแรกของภภีมน้องชายคนเดียวของผมที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับตระกูลเราเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ผมจึงคาดหวังกับโครงการนี้และน้องชายผมมาก แม้ว่าตอนนี้มันจะไม่ได้อยู่กับผมที่นี่เพราะติดผัวก็เถอะ เออ ฟังไม่ผิดหรอก น้องผมเป็นผู้ชายที่มีผัวเป็นผู้ชายอีกทีน่ะ โน่น พอคบหากันกับไอ้เมฆเพื่อนของผมอย่างเปิดเผยมันก็พากันไปซื้อคอนโดอยู่เป็นรังรักกันสองคน น่าหมั่นไส้จริงๆ!! อ่า ลืมไปเลยว่ายัยนั่นกำลังจะเข้ามาในนี้ เมื่อนึกได้ผมจึงรีบลุกขึ้นไปล็อคตู้เอกสารทั้งหมดและเก็บอาวุธภายในห้องให้พ้นมือและพ้นสายตาของเธอ เดี๋ยวจะมือบอนหยิบปืนมายิงผมขึ้นมาล่ะยุ่งเลย คนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วันอย่างเธอควรจะรู้แค่ว่าผมเป็นนักธุรกิจก็พอ เบื้องลึกเบื้องหลังชีวิตของผม ความเป็นมาเฟีย เป็นผู้มีอิทธิพลต่อธุรกิจมืด เป็นตระกูลมาเฟียเก่าแก่ที่ขยายอำนาจกว้างขวางทั้งที่ไทยและจีน อะไรก็ตามที่ไม่ดีเธอจะไม่มีวันได้รู้ จนกว่าผมจะไว้ใจให้เธอรู้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เข้ามา” อืม เคาะประตูสามครั้งหมายถึงเอาอาหารมาส่ง ถือว่าป้าพรอบรมยัยนี่ใช้ได้ หรือไม่สมองอันน้อยนิดของเธอก็ยังพอจดจำรายละเอียดเหล่านี้ได้บ้าง ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยแป้งพม่าสีเหลืองที่แก้มหงิกงอ ตาหวานค้อนมองผมแว่บหนึ่งก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินถือมาหารมาวางให้บนโต๊ะว่างข้างๆโต๊ะทำงานที่ผมนั่งด้วยท่าทีอ่อนน้อมขึ้น อืม ป้าพรคงบอกสินะว่าผมจะนั่งกินข้าวที่ตรงไหนของห้องนี้ ก็โอเค้ ถือว่าใช้ได้ “อาหารที่นายท่านสั่งนะเจ้านะ แล้วก็กาแฟดำด้วยค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” “เดี๋ยวก่อน ทำไมต้องพูดจาย้อนยุคแบบนั้น พูดคะขาปกติไม่เป็นเหรอ?” เธอแอบถอนหายใจเล็กน้อยแต่ยังคงกักเก็บอารมณ์ได้ดี ไม่ระเบิดออกมาเหมือนครั้งก่อนๆที่เราเจอกัน “ก็ไม่รู้ว่าต้องพูดจาแบบไหนถึงจะถูกใจน่ะค่ะ กลัวจะไม่ถูกใจแล้วโดนถีบอีก” “หึ พูดแบบนี้แหละ แค่อย่าเถียงฉันก็พอ” ดูออกนะว่าเธอไม่ค่อยพอใจอะไรบางอย่าง อาจจะหงุดหงิดที่ต้องนำอาหารมาให้ผม หรือต้องฝืนใจพูดเพราะกับผม แต่จะว่าไปแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาเหยียบห้องนอนผมแล้วได้ยืนสนทนากันนานขนาดนี้ จุ๊ๆ เด็กสาวในชุดเมดแบบนี้ก็น่าสนใจไม่เบาแฮะ ผมเหลือบตามองเธอสลับกับเตียงนอนกว้างที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าอย่างครุ่นคิด “เห้ย อย่าคิดอะไรทะลึ่งกับฉันนะโว้ย เอ๊ย นะคะ” แล้วเหมือนเธอจะจับสังเกตผมได้จึงทำท่าลุกลี้ลุกลนจนพูดผิดพูดถูกออกมา “ฉันให้เงินเธอไปทำนมเธอจะเอาไหม? ถ้านมเธอใหญ่กว่านี้ฉันว่าน่าจะดี” “ไม่เอาหรอกค่ะ” เธอขมวดคิ้วมองหน้าผมแล้วทำท่าจะเดินออกไปผมจึงรีบลุกขึ้นไปคว้าแขนเธอเอาไว้ก่อนจะพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกมา “ถ้าเธอมีอะไรดึงดูดฉันมากกว่านี้ บางทีร่างกายเธออาจจะแลกด้วยการทำงานที่เบาลงได้นะ” ผมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มเนียนพร้อมหยิบยื่นข้อเสนอให้เธอ เหมือนโยนหินถามทางออกไป หากเธอสนใจผมก็ได้ทั้งขึ้นทั้งร่อง ได้ตัวเธอมาเป็นเครื่องรับอารมณ์บนเตียงเพิ่มมาอีกคน ได้แม่บ้านที่หน้าอกสะบึ้มชวนมอง “ถ้าแบบนั้นก็ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันยอมทำงานหนักดีกว่าเอาตัวเองมาบำเรอความใคร่ใคร” ก็ยังคงปากเก่งไม่ลดละเลยนะ... “ก็ตามใจ งั้นก็นั่งลง คืนนี้คอยรับใช้ฉันจนกว่าฉันจะเข้านอน” “แต่นี่มันเลยเวลางานแล้วนะคะ ฉันต้องพักผ่อน” “นี่คำสั่งฉัน เธอมีสิทธิปฏิเสธด้วยเหรอ?” “เอ่อ จะว่าไปแล้วอยู่ที่นี่คอยรับใช้ก็ได้ค่ะ ถือว่าไถ่โทษที่เคยพูดไม่ดีกับนายท่านด้วย” จู่ๆเธอก็มองไปรอบห้องผมแล้วหันมายิ้มหวานหยดย้อยจนผมขนลุก ยัยนี่สติดีอยู่ใช่ไหม เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเป็นอะไรของเธอ ผมมองเธอนั่งพับเพียบลงกับพื้นแล้วจึงหันมาง่วนกับเอกสารโครงการต่อจากเมื่อกี้ทันที ในห้องดำเนินไปด้วยความเงียบ เธอนั่งสงบปากสงบคำอยู่มุมห้องตรงนั้น ส่วนผมนั่งทำงานอยู่ตรงนี้ คิดไปคิดมามีแม่บ้านที่อายุยังน้อยแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ เป็นเมื่อก่อนผมจะให้ป้าพรมาคอยรับใช้แต่จะให้มาทำงานจนดึกดื่นก็สงสารป้าแก แม่บ้านคนอื่นๆก็เหมือนกัน อายุก็ปาไปครึ่งค่อนชีวิตแล้ว ให้ทำงานหนักมากผมก็สงสาร คิดถูกแล้วที่ตัดสินใจรับยัยนี่เข้ามาทำงาน อย่างน้อยก็อยู่รับใช้ผมจนดึกได้โดยที่ผมไม่ต้องมานั่งสงสาร สายตายังคงกวาดอ่านเอกสารตรงหน้าพร้อมทั้งใช้ดินสอขีดเขียนแก้ไขสิ่งที่คิดลงไปคร่าวๆ “อืม ตัดตรงนี้ออกดีกว่า เปลืองงบประมาณ” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง “ตัดอะไรเหรอคะ” ไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรต่อ ยัยแม่บ้านนี่ก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามายืนอ่านเอกสารที่ผมถืออย่างหน้าตาเฉย เห้ย อะไรของเธอ!! “ฉันพูดของฉันคนเดียว สาระแนจริงๆ ไปนั่ง!!” “อ่อ โครงการบ้านจัดสรรแถวสมุทรปราการ” ยัง ยังจะมาแอบอ่านเอกสารในมือผมอีก! “เสือกไรด้วย เรื่องของเธอเหรอ? นี่งานฉัน” “อย่าโมโหไปเลยค่ะนายท่านเจ้าขา ทานข้าวก่อนดีกว่าค่ะ เย็นชืดหมดแล้ว” เธอเดินกลับไปนั่งที่เดิมก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผมเหมือนว่าเมื่อกี้ไม่ได้ทำตัวจุ้นจ้านอะไรให้ผมหงุดหงิด ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเธอกำลังกวนตีนผมอยู่วะ มันมีอะไรสักอย่างที่ผมรู้สึกขัดใจแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร “อาหารเย็นก็เอาไปอุ่นมาสิ” “เอ้า แล้วไม่กินตอนร้อนๆล่ะ” นั่นไง!! เธอหลุดพูดจาห้วนๆใส่ผมอีกแล้ว ผมขมวดคิ้วหันไปจ้องหน้าเธออย่างเอาเรื่อง “ฉันชักจะหมดความอดทนกับเธอแล้วนะ เบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม?” “ขอโทษค่ะ จะเอาไปอุ่นให้เดี๋ยวนี้ค่ะนายท่าน ฉันพูดไม่ดีออกไปอีกแล้ว ขอโทษค่ะ” เธอแอบยิ้มแล้วยกมือขึ้นตีปากตัวเองอยู่สี่ห้าทีทำเหมือนเป็นการลงโทษตัวเอง เหอะ ผมว่าแบบนั้นมันเบาไปหน่อย ผลัวะ!! ผมปล่อยหมัดเข้าที่ริมฝีปากของเธอทว่าเธอกลับเอี้ยวตัวหลบได้ทันแถมยังคว้ากำปั้นผมเอาไว้ได้อีก อดแปลกใจไม่ได้ที่มีคนสามารถหลบหลีกการต่อสู้ของผมได้ ยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีกที่คนคนนั้นเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ เป็นแม่บ้านของผม “เธอหลบทันได้ยังไง!!” ยัยแม่บ้านรีบปล่อยมือจากผมแล้วหัวเราะหึๆอยู่ในลำคอ “ฉันดูหนังจีนบ่อยน่ะค่ะ พวกเทพเซียนที่ใช้วรยุทธ์ต่อสู้กันเลยแอบมาฝึกทำบ้าง” “เพ้อเจ้อ เอาอาหารลงไปอุ่นให้ฉันได้แล้ว” “รับทราบค่ะนายท่าน” ร่างเล็กถือถาดอาหารเดินออกไปจากห้องโดยมีผมมองตามแผ่นหลังของเธอไปอย่างไม่วางตา ทำไมถึงรู้สึกคุ้นกับท่าทางเมื่อกี้จังวะ สังหรณ์ใจผมมันบอกว่ายัยนี่ไม่ธรรมดา เป็นแม่บ้านที่น่าสนใจเลยทีเดียว สามสิบนาทีผ่านไป จ๊อก... เมื่อเวลาล่วงเลยไปกว่าครึ่งชั่วโมงที่ยัยนั่นหายพร้อมกับอาหารของผม ทำให้ท้องผมร้องระงมหลายครั้งแล้ว เหลียวมองไปที่ประตูไม่ต่ำกว่าสิบครั้งหวังเพียงว่าจะเห็นเธอถือถาดอาหารมาให้ผมสักที แต่ก็ไร้วี่แวว ผมตัดสินใจวางแฟ้มลงบนโต๊ะแล้วเดินออกจากห้องออกไปชะเง้อมองจากราวระเบียงที่หน้าห้อง ก้มลงมองไปยังชั้นล่างเห็นว่าไฟในห้องครัวเปิดอยู่ผมจึงก้าวเท้าลงบันไดและตรงดิ่งไปยังห้องครัวทันที ทว่าไม่ทันที่จะได้เดินถึงห้องครัวดีก็ได้ยินเสียงเล็กพูดอะไรอยู่คนเดียว [พี่กวินคะ วันอังคารมัดหยุดเดี๋ยวเจอกันนะคะ] กวิน ใครวะ? ยัยนี่แอบมาอ้อร้อกับผู้ชายที่ไหนในห้องครัวบ้านผมเนี่ย [ถ้าพี่อยากรู้มัดก็จะบอกค่ะ] พยายามเงี่ยหูฟังแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงผู้ชายที่ไหนเลย ได้ยินแต่เสียงเธอเท่านั้น สองเท้ารีบสาวเดินไปยังห้องครัวโดยไวด้วยความสงสัย “เธอทำอะไรอยู่! ข้าวฉันเสร็จหรือยัง?” เธอตกใจรีบเก็บมือถือใส่กระเป๋าชุดเมดของเธอแล้วลุกขึ้นยืนโค้งคำนับให้ผม บนโต๊ะอาหารมีจานข้าวโปะไข่ดาวหนึ่งฟองวางอยู่ สภาพข้าวบนจานพร่องไปเยอะพอสมควร “กำลังจะเอาขึ้นไปให้เลยค่ะ” “เหอะ ฉันหิวข้าวรอเธอ แต่เธอกลับแอบมากินข้าวก่อนฉันงั้นเหรอ?” ความโมโหแล่นปรี่ทำให้ผมต้องพุ่งตัวเข้าไปคว้าคอเสื้อของเธอแล้วกระชากเข้าหาตัวอย่างหาเรื่อง วันนี้ผมทำแบบนี้กับเธอสองครั้งแล้วนะ แม่งเอ๊ย น่าโมโห “ก็ฉันหิวนี่ คำสั่งที่ให้ฉันกินข้าวได้วันละมื้อฉันทำไม่ได้หรอกนะคะในเมื่อแต่ละวันก็ต้องทำงานหนัก” “แล้วฉันต้องทนหิวเพื่อรอเธอกินข้าวหรือไง?” ใบหน้าเธอดูอ่อนล้าเต็มที เธอถอนหายใจยาวพรืดก่อนจะปิดเปลือกตาลงแล้วเชิดหน้าให้ผมเล็กน้อย “เอาเลยค่ะ อยากทำอะไรก็ทำเลย อยากต่อยก็ต่อยมาเลย ถ้าทำแล้วสบายใจก็ทำเถอะ แต่ทำแล้วก็ปล่อยให้ฉันไปพักผ่อนซะนะคะ” อุ๊บ อย่างเธอบางทีใช้กำลังอย่างเดียวคงไม่พอ... ผมโน้มหน้าลงไปบดจูบริมฝีปากเล็กของเธอ ดูดกลืนเสียงท้ายประโยคลงคอ ผมเอาความโกรธ ความโมโหที่มีมาระบายลงที่ปลายลิ้นของตัวเอง เรียวปากของ เราสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว เธอไม่ได้ปฏิเสธสัมผัสของผมทว่าก็ไม่ได้ตอบรับเช่นกัน แบบนี้เขาเรียกว่าตกอยู่ในสภาวะจำยอม มือทั้งสองข้างเลื่อนลงไปบีบคลึงสะโพกบางและออกแรงอุ้มเธอให้ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะอาหาร แม้ว่าเธอมีท่าทีขัดขืนเล็กน้อยที่ผมชักจะรุกล้ำร่างกายเธอมากขึ้นทุกที แต่แรงผู้หญิงมันจะสู้แรงผู้ชายอย่างผมไปได้ยังไง ไม่มีทาง กระดุมชุดเมดถูกปลดออกตามมาด้วยการรูดซิปลงมาจนถึงบั้นเอว ทำให้ผมได้ลูบไล้ผิวเนียนของเธอจากทางด้านหลังด้วยความจาบจ้วง ทันใดนั้นเธอจึงใช้มือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับมือที่ผมกำลังจะปลดตะขอชุดชั้นในของเธอได้ทันควัน “อยู่เฉยๆ!!” ผมผละออกจากริมฝีปากที่เริ่มบวมแดงของเธอแล้วตะคอกเสียงดัง ตาสวยค้อนมองผมอย่างไม่พอใจ “เลิกทำกับฉันแบบนี้สักที” “ไม่ชอบให้ฉันจูบเหรอ?” “ก็ไม่ชอบน่ะสิ” “ดี ยิ่งเธอไม่ชอบฉันก็จะยิ่งทำบ่อยๆ” อุ๊บ เป็นอีกครั้งที่ผมโน้มหน้าลงไปบดจูบริมฝีปากบางอย่างหนักหน่วงก่อนจะออกแรงผลักให้ตัวเธอนอนราบบนโต๊ะแล้วมีผมตามขึ้นไปคร่อมอยู่ด้านบนโดยที่ ริมฝีปากของเราไม่ห่างกันแม้แต่องศาเดียว ผมยังคงส่งลิ้นหยอกล้อไม่เลิกราจนใบหน้าเธอบิดงอ อยากจะหันหนีก็หันไปไหนไม่ได้เพราะผมใช้มือข้างหนึ่งบีบเข้าที่แก้มของเธอทั้งสองข้างไม่ให้เธอหันหนี และให้เธอเปิดปากรับสัมผัสของผมอย่างจำยอม มือเล็กเริ่มออกแรงทุบตีผมหนักขึ้นเรื่อยๆ สองขาพยายามถีบตัวผมให้ออกห่างจากเธอ จากที่ผมไม่รู้สึกอะไรต่อแรงอันน้อยนิดของเธอแต่เวลาผ่านไปผมชักจะรำคาญซะแล้วสิ “โถ่โว้ย จะทุบอะไรนักหนาวะ ก็แค่ยอมมันจะตายเหรอ!” ซ่า! ผมหยัดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเอื้อมมือหยิบถ้วยแกงเขียว-หวานที่สั่งให้เธออุ่นราดเข้าที่ตัวเธออย่างบันดาลโทสะ “นาย!! เฮ้อ..ช่วยลุกออกไปจากตัวฉันด้วยค่ะนายท่าน” เธอนิ่งผิดปกติ ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลย ผมมองสภาพชุด เมดที่มีน้ำแกงเขียวหวานเปียกเลอะจนชุ่มด้วยความขยะแขยง “เตรียมกับข้าวสำรับใหม่ให้ฉันด้วย” ผมสั่งออกไปพร้อมทั้งลุกออกมาจากตัวเธอแล้วมายืนกอดอกมองยัยแม่บ้านนี่ด้วยหางตา คิดไปคิดมา ถ้าเมื่อกี้เธอไม่เอาแต่ทุบตีผมจนน่ารำคาญมันอาจจะจบลงสวยกว่านี้ก็ได้นะ ร่างบางหยัดตัวลุกขึ้นนั่งโดยไม่ลืมที่จะเอื้อมไปรูดซิปชุดเมดจากด้านหลัง เธอไม่ห่วงเลยว่าบริเวณด้านหน้าจะเลอะเทอะขนาดไหน ไม่มีแม้แต่ปฏิกิริยาก้มมองสภาพตัวเอง แต่เธอกลับเดินไปเปิดแก๊สอุ่นแกงเขียวหวานในหม้อตามที่ผมสั่ง เหอะ ดูท่าการจูบจะเป็นการสั่งสอนที่ดีเหมือนกัน เพราะเธอไม่หันมาเถียงตอบโต้ผมแม้แต่คำเดียว คงจะกลัวผมจะจูบเธออีกล่ะสิ “จะเอาอะไรเพิ่มอีกไหมคะนายท่าน” แม้น้ำเสียงจะเย็นยะเยือกผิดปกติ แต่ผมก็เข้าใจได้ว่าเธอคงโกรธ “ไม่ล่ะ ฉันเปลี่ยนใจละ ฉันจะกินข้าวที่นี่” ผมทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้เล็กๆที่แม่บ้านใช้นั่งกันในครัว บนโต๊ะยังคงเลอะไปด้วยน้ำแกงเขียวหวานที่ผมเพิ่งเทราดตัวเธอ “โต๊ะอาหารใหญ่อยู่ข้างนอกโน่น จะมานั่งกินโต๊ะอาหารเล็กๆของแม่บ้านทำไมคะ ถ้าป้าพรรู้เข้าได้ด่าฉันแย่” “ทำไม โต๊ะนี่ฉันก็เป็นคนซื้อ ฉันจะนั่งไม่ได้เหรอ?” เธอถอนหายใจแล้วเดินมาเช็ดโต๊ะเบื้องหน้าให้สะอาดก่อนจะกลับไปยืนเฝ้าที่หน้าเตาแก๊สต่อ จ๊อก อ่า นี่ไม่ใช่เสียงท้องผมร้องนะ เสียงท้องเธอต่างหาก กลิ่นหอมของแกงเขียวหวานในหม้อคงโชยเตะจมูกสินะ ไม่นานเธอก็ตักแกงเขียวหวานใส่ถ้วยมาให้ผมพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆที่เพิ่งอุ่น ไม่รีรออะไรทั้งนั้น ผมรีบตักข้าวเข้าปากด้วยความหิวโหยหลังจากต้องสู้รบปรบมือกับยัยนี่มาครึ่งค่อนวันโดยที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย จ๊อก “ฉันขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องไปที่เรือนกล้วยไม้แต่เช้า” เสียงเธอดูอ่อนโยนขึ้นจนผมประหลาดใจ “ทำไมเธอไม่เถียงอะไรฉันกลับหน่อยล่ะ ฉันทำกับเธอขนาดนั้น” “ที่ฉันไม่พูดไม่เถียงไม่ได้แปลว่าฉันยอมนะคะ แต่ฉันเหนื่อย” “เหนื่อย? เป็นแม่บ้านนี่ทำอะไรบ้าง เหนื่อยอะไรนักหนา ฉันนี่ต้องทำงานงกๆๆหาเงินมาจุนเจือปากท้องของทุกคน ทำงานไม่ได้พักสักวันตั้งแต่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ” “วันนี้ฉันซักผ้า ตากผ้า รีดผ้า รดน้ำกล้วยไม้ได้ครึ่งเรือน กวาดบ้าน ล้างจาน แล้วก็คอยรับใช้อยู่นี่ไง แบบนี้เยอะพอไหมคะ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นคำสั่งของนายท่านไม่ใช่หรือเจ้าคะ” ก็...อยากขัดใจผมทำไมวะ แค่ลงโทษให้ทำงานหนัก ให้อดข้าวแค่นี้ทำบ่น “อย่าเพิ่งไป เอาชามไปเติมแกงเขียวหวานมาอีกชามนึง” ผมไม่ได้เงยหน้ามองเธอหรอกนะว่าเธอทำหน้าแบบไหนใส่ผมอยู่ แต่แล้วถ้วยแกงที่ถูกยกไปก็กลับมาวางที่เดิมด้วยปริมาณอาหารที่มากขึ้น จ๊อก โว้ะ ท้องยัยนี่จะร้องอะไรนักหนาวะ น่ารำคาญฉิบหาย จับคว้านท้องซะดี มั้งจะได้เงียบๆ “ฉันไปได้หรือยังคะ” “ยัง ตักข้าวมาให้ฉันอีกจานนึง” ไม่นานข้าวสวยสีขาวก็ถูกเสิร์ฟตามคำสั่ง ผมตักแกงเขียวหวานจากชามใส่จานข้าว ก่อนจะราดด้วยน้ำแกงในปริมาณที่ถ้าคลุกเคล้าแล้วรสชาติจะกลมกล่อมพอดี “ขอตัวนะคะ” “เดี๋ยว!!” “เฮ้อ..อะไรอีกคะ สั่งมาให้ครบรอบเดียวเลย” “จานนี้ของเธอ” ผมใช้ปลายช้อนชี้ไปที่จานข้าวที่ผมเพิ่งตักแกงเขียวหวานราดลงไปเมื่อครู่ ทว่าเธอกลับยืนนิ่งทำตาโตตกใจอยู่ได้ ทำไม ผมเอาข้าวให้กินมันน่าตกใจอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ แม่ง ชอบทำให้หงุดหงิดแบบนี้แหละ “ให้ฉันเหรอ?” “ก็เออสิ ท้องเสือกร้องเสียงดัง น่ารำคาญ!!” “เอ่อ งั้นก็ขอบคุณค่ะ” ร่างบางเดินมาคว้าจานข้าวแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน “นี่ กล้านั่งเสมอนายได้ยังไง ไปนั่งกินที่พื้นโน่น!!” “มากไปมั้ง หิวแล้วอะนั่งกินตรงนี้ไม่ได้เหรอ” “พูดใหม่ พูดเพราะๆ” ริมฝีปากบางเม้มตึงก่อนจะขยับพูดเสียงลอดไรฟัน “ฉันขอนั่งตรงนี้ได้ไหมคะ ฉันไม่อยากนั่งกับพื้นกระเบื้องเย็นๆนั่น” “คำตอบของฉันคือไม่ได้ หึ” ผมยื่นมือไปคว้าจานข้าวของเธอมาวางไว้ที่พื้นเหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้เจ้าตัวลงมานั่งกินตามคำสั่งของผม ร่างบางกัดฟันกรอดลุกขึ้นยืนแล้วก้าวออกมายืนใกล้จานข้าวของตัวเอง ผมนั่งกอดอกมองเธออย่างไม่วางตาเลยแหละ ที่จริงอยู่กับยัยนี่ก็สนุกดีนะ เหมือนเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวเลยแฮะ “อายุตั้งเท่าไหร่แล้ว ทำตัวเป็นเด็กไปได้ หัดโตเหมือนหน้าตาบ้างนะคะนายท่านเจ้าขา” ตึก ตึก ตึก ปลายเท้าเรียวก้าวข้ามจานข้าวบนพื้นก่อนที่ร่างของเธอจะหายออกไปจากห้องครัวปล่อยให้ผมนั่งกำหมัดแน่นอยู่กับที่ สิ่งที่เธอพูดทิ้งท้ายเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไง? อะไรคือผมทำตัวเป็นเด็ก แล้วอะไรคือโตเหมือนหน้าตา ตกลงเธอด่าผมทำตัวปัญญาอ่อนหรือด่าผมหน้าแก่กันแน่!! หน็อย ยัยเด็กเมื่อวานซืน!!! END TALK
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม