เขาจะมองอะไรเรานักหนา ตอนที่เธอเล่านิทานจนจบเรื่อง สายตาของท่านรองประธานเอาแต่จับจ้องมาที่เธอ จนตอนนี้เขายังไม่ละสายตาไปจากใบหน้าของเธอเลย
"สิงห์คะ" เห็นสายตาของทั้งสองมองกันอัญญาก็รีบขัดจังหวะ "ฉันอยากให้คุณตรวจสอบให้ดีก่อน อย่าเพิ่งเชื่อคำพูดของพนักงานใหม่ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเป็นเธอเองหรือเปล่าที่เป็นหนอนบ่อนไส้"
"เชิญตรวจสอบเลยค่ะ ถ้าข้อมูลฉันหายากคุณถามจากท่านรองประธานได้เลยนะคะ" นอกจากจะไม่กลัวแล้วเธอยังท้าทายอีก
ผู้หญิงคนนี้ตอนอยู่บ้านกับอยู่ที่ทำงานคนละแบบกันเลย เธอเป็นคนที่มีสองบุคลิกหรือเปล่า ..เขาไม่ได้สงสัยเธอเรื่องข้อมูลที่หลุดออกไปเลย แต่เขาสงสัยว่าเธอเป็นคนยังไงกันแน่
"เธอหมายความว่ายังไง ทำไมข้อมูลของเธอต้องถามจากท่านรองด้วย"
"ก็ไม่รู้สิคะ พวกคุณยังอยากจะสอบสวนอะไรฉันอีกไหม"
"ออกไปก่อน" ได้ยินคำพูดประโยคนี้อิ่มเอมลุกก่อนใครเพื่อนเลย เพราะไม่อยากจะนั่งอยู่ในห้องนี้อีกแล้ว ..แต่ก็ถูกขวางไว้โดยหน่วยรักษาความปลอดภัย
"คนอื่นออกไปได้ยกเว้นเธอ"
"ท่านรองค่ะอิ่มทำงานกับท่านรองมาก็หลายปีแล้ว อิ่มไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลย"
"ถ้าทำไม่ได้ทำไมไม่บอก" หลังจากที่ทุกคนไปแล้วเขาถึงได้หันมาคุยกับเลขาส่วนตัว
"คืออิ่มอยากจะเป็นคนที่ทำงานเก่งในสายตาของท่านรองค่ะ"
"เธอน่าจะรู้นะว่าข้อมูลบริษัทห้ามนำออกไปภายนอกเด็ดขาด"
"อิ่มจะจำบทเรียนครั้งนี้ไว้ อภัยให้อิ่มด้วยนะคะ"
"แสดงว่าเธอยอมรับแล้ว..ว่าเป็นฝีมือของเธอที่ทำข้อมูลรั่วไหล"
หลังจากที่ทุกคนออกมาไม่นาน ตำรวจก็ขึ้นมาพาตัวอิ่มเอมออกไป ไม่ว่าจะพูดยังไงมันก็คือความผิด ต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย เพราะความผิดครั้งนี้ทำให้บริษัทสูญเสียไปไม่ใช่น้อย
"ไม่คิดเลยว่าคุณอิ่มจะทำเรื่องนี้ได้" หลายคนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กัน
"ใช่ไม่น่าพลาดเลย พวกเราก็ระวังให้ดีแล้วกัน"
ในห้องเครื่องดื่ม..
"พี่ดีใจนะที่เราไม่เกิดเรื่อง"
"ก็เกือบไปแล้วล่ะค่ะ"
"ทีหลังก็ระวังหน่อยนะ จำไว้ว่าถ้าใครใช้ให้ทำอะไรต้องคิดให้ดีก่อนว่ามันจะเข้าตัวเราไหม"
"พี่น่าจะทำอะไรได้มากกว่าจำเจอยู่แต่ในห้องนี้นะคะ"
"แบบพี่จะทำอะไรได้ล่ะ เรียนก็ไม่จบ"
"พี่เรียนอะไรมาคะ"
"ช่างมันเถอะ พี่พอใจกับงานที่ทำอยู่แล้วล่ะ"
"แม่สีทาบ้าน ไม่เห็นหรือไงว่าท่านรองออกมาจากห้องประชุมแล้ว ทำไมยังไม่ไปเก็บทำความสะอาดอีก มัวแต่คุยกันอยู่นั่นแหละ" คนที่มาตามสิธาชื่อกรกนกเป็นเลขาของผู้จัดการทั่วไป
เพล้ง!! เสียงแก้วกาแฟในมือกระทบกับซิงค์ล้างจานอย่างแรง จนคนที่ยืนคุยกันอยู่หน้าห้องท่านรองประธานหันมามองแทบจะทุกคน และหนึ่งในนั้นก็มีเจ้าของห้องอยู่ด้วย
"เป็นบ้าอะไรของเธอ" เป็นกรกนกอีกนั่นแหละที่ตะคอกให้ไอรีส เพราะเธอวางแก้วกาแฟเหมือนประชดประชัน
"สมองคุณมีปัญหาหรือเปล่า พี่เขาไม่ได้ชื่อสีทาบ้านเรียกกันอยู่ได้"
"เขาก็เรียกกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอเพิ่งเข้ามายังไม่รู้อะไรหรอก"
"แล้วคุณรู้ไหมว่าสิ่งที่คุณพูดมันคือการบูลลี่ ถ้าคุณไม่เข้าใจคำว่าบูลลี่ฉันจะบอกให้ มันเป็นการกลั่นแกล้งรังแกผู้อื่นทั้งทางวาจาและทางกาย"
"ฉันไปกลั่นแกล้งอะไรเธอแม่สี" เห็นว่าพูดสู้ไอรีสไม่ได้เลยหันไปใช้อำนาจกับแม่บ้าน
"สี? ฉันว่าสมองคุณคงสับสนแล้วล่ะ เป็นเลขาผู้จัดการได้ยังไง พี่เขาชื่อสิไม่ได้ชื่อสี" ขนาดเลี่ยงที่จะพูดกับไอรีสแล้วยังเจอเธอต่อว่าให้อีก
"เกิดอะไรขึ้น" อัญญาที่ยืนคุยอยู่หน้าห้องของท่านรองประธาน พร้อมกับผู้จัดการอีกหลายฝ่าย เพราะทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เรื่องในห้องเครื่องดื่มดึงความสนใจของทุกคนหมดเลย
"ก็แม่ผู้ช่วยนี่สิคะ ปากเก่งมากเลยค่ะ"
"เธอจะก่อเรื่องอะไรอีก ถ้าเธอยังก่อเรื่องอยู่อีกฉันคงให้เธออยู่ชั้นผู้บริหารไม่ได้แล้วนะ" อัญญาหันไปใช้อำนาจกับไอรีส
"ฉันก็ไม่อยากจะอยู่หรอกค่ะ ฝากคุณบอกท่านรองประธานด้วยนะคะว่ากรุณาย้ายฉันไปอยู่แผนกอื่นสักทีเถอะ" สายตาเธอตอนที่พูดประโยคนี้มองคนที่เธอกล่าวถึงโดยตรง
"สิงห์คะ"
"สิงห์คะแหวะ"
"หนูไอ" สิธาไม่อยากให้ไอรีสทำกิริยาแบบนี้กับผู้จัดการ แถมประโยคสุดท้ายยังพาดพิงไปถึงท่านรองประธานอีก
"อัญญาคิดว่าให้แม่นี่ลงไปทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ดีไหมคะ ปากดีนัก"
"ดีค่ะ ฉันก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่เหมือนกันแหละ"
"เก็บของของเธอ"
"ท่านรองประธานคะ สิขอโทษแทนหนูไอด้วยค่ะ เธอไม่ได้ตั้งใจ"
"พี่ไม่ต้องพูดหรอก" ไอรีสรีบห้ามสิธาไม่ให้ขอร้อง เพราะเธอก็ไม่อยากจะอยู่ชั้นนี้หรอก ไม่รู้อะไรเหมือนเล่นขายของกันเลย "ให้ฉันเก็บของไปอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ใช่ไหมคะ"
ดวงตาหลายคู่ ไม่สิ..ต้องเรียกว่าดวงตาทุกคู่เลยที่มองมาดูเหตุการณ์นี้ และต่างก็พึงพอใจมากที่เด็กใหม่จะถูกย้ายออกไป
"เก็บจากโต๊ะนั้นมานั่งโต๊ะนี้" สายตาคมมองต่ำลงไปดูโต๊ะหน้าห้องที่ตอนนี้มันว่างลงแล้ว