ตอนที่ 2 เคยเจ็บปวด
สองเดือนก่อน
มหาวิทยาลัยที
นิกซ์ นิพิชฌน์ อดีตเป็นหนุ่มน้อยมีนิสัยทะเล้นและเป็นผู้ชายที่แสนอบอุ่น ทว่าหลังจากผิดหวังกับความรักครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน กลับทำให้เขากลายเป็นคนเย็นชา นิ่ง และสุขุมต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
มือหนาคว้าซองบุหรี่และไฟแช็กขึ้นมาถือไว้ ก่อนที่ร่างสูงในชุดช็อปวิศวะจะย่างกรายลงจากรถหรูเฟอร์รารี่สีดำสนิทที่เพิ่งถอยออกมาจากโชว์รูมวีซีได้ไม่กี่สัปดาห์นี้เอง
ขายาวก้าวเดินด้วยท่าทางน่าเกรงขาม เขามุ่งหน้าไปยังโต๊ะม้าหินอ่อนหลังตึกคณะวิศวะ ซึ่งในตอนนี้มีเพื่อนสนิทเช่น ไปป์ ปกรณ์ กำลังนั่งไขว่ห้างสูบบุหรี่รออยู่ก่อนแล้ว
ไปป์เป็นถึงทายาทมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลอย่างคุณประพลที่ตอนนี้บินไปบริหารงานบ่อนกาสิโนที่มาเก๊า เนื่องจากไปป์ได้ย้ายเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เมื่อช่วงขึ้นปีสอง ด้วยบุคลิกนิสัยที่คล้ายกันทำให้ทั้งคู่เข้าขากันได้ดี จนกลายเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันไปโดยปริยาย
ร่างสูงของนิกซ์หย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามกับเพื่อนสนิท ก่อนที่นิ้วเรียวจะคีบบุหรี่ขึ้นสูบเพื่อผ่อนคลายความเครียดในหัวอย่างที่ชอบทำก่อนเข้าเรียนในช่วงเช้า
กลุ่มควันสีเทาถูกพ่นออกจากเรียวปากหยัก ลอยคละคลุ้งเจือปนไปกับอากาศอันแสนบริสุทธิ์
(ภาพเต็มอยู่บทที่ 12)
“มานานยังวะ”
“สักพัก”
Rrrrrr
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เครื่องหรูดังขึ้นเรียกให้มือหนาต้องล้วงออกจากกระเป๋ากางเกง สายตาคมเข้มไล่อ่านรายชื่อคนปลายสายก่อนที่เขาจะตัดสินใจกดรับแล้วยกขึ้นแนบหู
“ว่าไงพี่นัท”
(นิกซ์วันนี้มีเรียนถึงกี่โมง)
“เที่ยงครับ”
(พอดีเลย งั้นแวะรับพี่กลับบ้านด้วยนะ)
“ได้ครับ”
นิกซ์กดวางสายจากพี่สาวหลังคุยกันเสร็จสรรพ ส่วนมืออีกข้างที่คีบมวนบุหรี่อยู่ก็ยกขึ้นจ่อเรียวปากหยักอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะจัดการสูบมันและพ่นกลุ่มควันสีเทาออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเป็นที่พอใจ
นิ้วเรียวดีดบุหรี่มวนนั้นทิ้งลงสู่พื้นพลางใช้เท้าหนัก ๆ ที่สวมผ้าใบบดขยี้เพื่อดับเปลวไฟให้มอดสนิท
เขาหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วจัดแจงเสื้อช็อปให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนสาวเท้าเข้าตึกคณะวิศกรรมศาสตร์โดยมีเพื่อนสนิทเดินตามหลังไปติด ๆ
แล็บปฏิบัติการยานยนต์
นักศึกษาชั้นปีสามของสาขาวิชาวิศวกรรมยานยนต์กำลังง่วนอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อออกแบบชิ้นส่วนของยานยนต์ รวมถึงนิกซ์เองก็กำลังตั้งใจออกแบบอย่างขะมักเขม้นเช่นกัน จะมีก็แต่ไปป์ที่เอาแต่นั่งจิ้มหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนนิกซ์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ต้องขมวดคิ้วสงสัย
เพราะนี่เขากับมันจับคู่กันออกแบบแท้ ๆ แต่ดูเหมือนจะมีแค่นิกซ์คนเดียวเท่านั้นที่สนใจหน้าจอคอมตรงหน้า ส่วนไอ้เพื่อนแสนขี้เกียจก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์จนเขานึกโมโห
“ไอ้เวรไม่คิดจะช่วยกูเลยมั้ง”
“มึงเก่งอยู่แล้วทำคนเดียวก็ได้เหอะ”
“กูไม่ใส่ชื่อมึงก็ได้นะ”
ในเมื่อด่าไปแล้วคนหน้ามึนอย่างไปป์ยังไม่รู้สึกสะทกสะท้าน เขาจึงต้องงัดไม้แข็งออกมาใช้เพื่อขู่ลูกมาเฟียที่เกียจคร้านงานไม่สน การเรียนไม่เอา จะเอาก็แต่พวกอีหนู ๆ ที่คอยมาถ่างขาให้ในทุกค่ำคืน ซึ่งนั่นมันก็ไม่ต่างจากนิกซ์เลยสักนิด
แต่ช่วงหลัง ๆ มานี้พวกเขาเรียนค่อนข้างหนักบวกกับต้องช่วยดูแลธุรกิจของครอบครัว เพื่อนซี้ทั้งสองจึงไม่ค่อยมีเวลาออกไปหาความสุขใส่ตัวได้อย่างเคย
แต่ดูท่าในตอนนี้เพื่อนสนิทของเขาจะมีความสุขยิ่งกว่าได้ออกไปเที่ยวข้างนอกเสียด้วยซ้ำ ทั้งที่นิกซ์หยิบยกคำขู่ที่คิดว่าจะได้ผลมากที่สุดออกมาใช้ แต่ไปป์กลับไม่สนใจแถมยังฉีกยิ้มกว้างให้กับหน้าจอโทรศัพท์เหมือนคนบ้าไม่มีผิด
เขาเองก็เริ่มจะหมดความอดทนเข้าแล้วเหมือนกัน
“ไปนั่งยิ้มไกล ๆ ตีนกูไป”
“เอ้าไอ้นี่ เพื่อนกำลังมีความรักไม่ยินดีหน่อยหรอวะ”
“เอาไม่เลือกแบบมึงมีความรัก หึ”
เสียงทุ้มต่ำแค่นหัวเราะในลำคอพร้อมกับยกยิ้มมุมปากขณะที่สายตาคมกริบยังคงจับจ้องไปยังโปรแกรมออกแบบในจอคอมพิวเตอร์อยู่ไม่เลิก เขาไม่คิดเชื่อในสิ่งที่คนมักมากอย่างเพื่อนตัวเองพูด เพราะตั้งแต่คบกันมาจนเข้าปีที่สองยังไม่เคยเห็นเลยสักครั้งที่ไปป์จะจริงจังกับผู้หญิงคนไหน นอกเสียจากว่าจะเป็นเพียงแค่ความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น
ทว่าไปป์ยังคงยืนยันอย่างหนักแน่นพร้อมกับยักคิ้วยียวน
“ไว้จีบติดจะพามาแนะนำให้รู้จัก”
“ไม่อยากรู้”
“เรื่องของมึง”
น้ำเสียงติดจะหงุดหงิดเอ่ยตอบแบบไม่ต้องคิด ต่อให้มันมีแฟนอีกสักร้อยคนก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องให้ความสนใจ เพราะสิ่งที่ต้องโฟกัสในตอนนี้ก็คืองานที่อาจารย์สั่ง
ไม่ใช่มานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนไอ้ไปป์!
“จะช่วยกูได้ยัง”
“เออ ๆ เดี๋ยวบอกลาที่รักก่อนแป๊ปนึง”
“รำคาญ”
“มึงไม่เคยรักใครมึงไม่เข้าใจหรอกว่ะ”
ไปป์พลั้งปากพูดแทงใจดำทำเอาคนที่เคยผิดหวังกับรักครั้งแรกถึงกับชะงักนิ่งพูดไม่ออก แววตาดุดันวูบไหวไปเพียงครู่ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาเช่นเดิม
ไม่ใช่ว่ายังรู้สึกกับพี่สาวแต่เป็นเพราะความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อสองปีก่อนมันย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง ยังจำความผิดหวังในวั้นนั้นได้ดีว่าเป็นเช่นไร และแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองต้องกลับไปทรมานเหมือนในวันนั้นอีกอย่างแน่นอน
ร่างสูงของนิกซ์ผุดตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับผลักเก้าอี้ไปด้านหลังเสียงดังสนั่นด้วยความไม่พอใจ เรียกให้เพื่อนทั้งห้องที่กำลังตั้งอกตั้งใจออกแบบงานต้องหันขวับมองเขาเป็นตาเดียว
แต่คนที่ถูกความโมโหเข้าครอบงำกลับไม่คิดสนใจนิกซ์ย่างกรายออกจากแล็บปฏิบัติการด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ แต่มันกลับดูน่ากลัวเสียจนไปป์ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากห้าม ทำได้เพียงแค่มองตามแผ่นหลังของเพื่อนสนิทด้วยความรู้สึกผิดที่เผลอพูดไปเช่นนั้น
เขาพาตัวเองหนีออกมาจากห้องแล็บปล่อยให้เพื่อนสนิทนั่งออกแบบงานอยู่คนเดียวเสียให้เข็ด จะได้รู้ว่าไม่สมควรมาทำปากหมาใส่คนอย่างเขา
ร่างสูงในชุดช็อปสีแดงก้าวเดินลัดเลาะข้างตึกคณะออกไปเรื่อย ๆ จุดมุ่งหมายปลายทางในตอนนี้ก็คือห้องน้ำชายหลังตึก เขาอยากล้างหน้า อยากสูบบุหรี่เพราะในหัวมันมีแต่เรื่องให้เครียดวนเวียนเต็มไปหมด
ขายาวเดินมาหยุดยืนอยู่หน้ากระจกบานใสหน้าห้องน้ำ ก่อนที่ใบหน้าคมคายจะโน้มลงพร้อมกับเปิดน้ำในอ่าง แล้วจัดการกวักขึ้นเพื่อชะล้างใบหน้าให้สดชื่น
ใบหน้าหล่อที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำค่อย ๆ เงยขึ้นมองเงาตัวเองในกระจกด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์
ถ้ามึงไม่อยากเจ็บปวดเหมือนเมื่อสองปีที่แล้ว มึงก็อย่าไปให้ใจใครอีกไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหน้าไหนก็ตาม....