ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"เข้ามา"ทำทีเมื่อเสียงอันทรงพลังดังขึ้น ประตูห้องทำงานบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของลูกน้องคนสนิท ดวงตาคมกริบแอบแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกทำให้ไม่มีใครคิดอยากจะเข้าใกล้ถ้าหากไม่จำเป็นที่จะต้องเจรจาหรือพูดคุยกับคนอย่าง'ขุนพล'จริง ๆ
"มีอะไร"น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่กลับแฝงไปด้วยความดุดันเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ด้วยท่าทีนอบน้อมต่อผู้เป็นเจ้านาย
"พวกมันต้องการกู้เงินเพิ่มครับนาย"
"ใคร"
"ไอ้มาโนชกับเมียของมันครับ"
"บอกมันไปว่ากูไม่ให้กู้เพิ่ม ถ้าอยากจะได้ของใหม่ให้เอาของเก่ามาจ่ายให้ครบเสียก่อน ถ้ายังไม่มีปัญญาหาเงินมาคืนกู ก็ไม่ต้องเสนอหน้าเข้ามาในกาสิโนของกูอีก"ผู้เป็นนายตอบด้วยน้ำเสียงชัดเจนไม่คิดจะใจอ่อนยอมปล่อยให้สาวสามีภรรยาคู่นั้นมากู้เงินเขาเพิ่มอีก
'เพราะเท่าที่เป็นหนี้ของเก่า ก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินมาคืนได้ไหม'
"บอกมันด้วยว่าของใหม่กูไม่ให้กู้เพิ่ม ส่วนของเก่า กูให้เวลาอีกสามเดือน หาเงินมาคืนกูให้ครบทั้งต้นทั้งดอก ไม่เช่นนั้นก็จะส่งไปเฝ้ายมบาลให้หมดทั้งโคตร"
"ได้ครับนาย"ลูกน้องคนสนิทรับคำสั่งก่อนจะเดินออกไปหาชายหญิงวัยกลางคนที่กำลังยืนรอฟังคำตอบอย่างมีความหวัง
"อะไรนะ ไม่ให้กู้เพิ่ม"
"ใช่ คุณขุนพลสั่งว่า นับตั้งแต่นี้ห้ามพวกแกเข้ามาเล่นที่นี่อีก และก็ยื่นคำขาดมาแล้วว่าต้องหาเงินที่ติดหนี้ไว้มาคืนให้ได้ภายในสามเดือน ไม่เช่นนั้น"ลูกน้องคนสนิทของขุนพลขยับเสื้อเปิดให้เห็นปลายกระบอกปืนที่เหน็บอยู่ตรงบริเวณเอวเอาชายหญิงวัยกลางคนต่างหวาดผวาพุ่งเข้ากอดกันด้วยความหวาดกลัว
"ดะ...ได้ พวกเราสองคนจะรีบหาเงินมาคืนให้ อย่าพึ่งทำอะไรเราเลยนะ"
"ชะ...ใช่ พวกเราสองคนไม่คิดจะโกงคุณขุนพลอยู่แล้ว ไปกันเถอะคุณฉันกลัว"สองสามีภรรยาเดือนกุมมือออกมาจากตรงนั้นด้วยอาการสั่นหวาดผวา และมีสีหน้าลำบากใจเมื่อเจ้าหนี้รายใหญ่ยื่นคำขาดว่าจะต้องหาเงินทั้งหมดมาคืนให้ได้ภายในสามเดือน
'แล้วพวกเขาจะไปหาเงินจำนวนยี่สิบล้านจากที่ไหนมาคืน'
บริษัทที่เอาไปแอบอ้างใครต่อใครว่าเป็นของตน อันที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เลยสักนิด เพราะบริษัทที่ว่านั้นเจ้าของที่แท้จริงคือญาติห่าง ๆ ของพวกเขาต่างหาก พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในบริษัทนั้นเลย
ทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่เปลือกนอกที่พวกเขาใช้เอาไว้โกหกผู้หญิงหน้าโง่คนนั้นให้ตายใจก็เท่านั้น
"เราต้องรับบอกให้ดนัยรีบจัดการเมียของมัน ไม่อย่างนั้นพวกเราได้ตายทั้งหมดแน่"
"ถ้าอย่างนั้นเราจะทำยังไงดี คราวที่แล้วมันก็ไม่ตาย"
"เราต้องหาวิธีที่มันแยบยล วางยาเป็นไง"สองสามีภรรยายืนปรึกษาด้วยท่าทีเคร่งเครียดโดยไม่รู้ว่ามีใครบางคนกำลังยืนแอบฟังอยู่ไม่ไกล ซึ่งบทสนทนาของทั้งสองนั้นถูกอีกฝ่ายได้ยินทั้งหมด
"เท่าที่ผมได้ยินมาก็มีเท่านี้ครับนาย"ภายในห้องทำงานของขุนพลตกอยู่ในความเงียบหลังจากได้ยินในสิ่งที่ลูกน้องรายงานออกมา
ดวงตาคมกริบมองออกไปด้านนอกกระจกใสซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบได้
"ฉันอยากได้ประวัติของผู้หญิงคนนั้น ภายในวันนี้"
"ผมจะรีบจัดหามาให้ครับนาย"
"อืม"
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ฝ่าเท้ามั่นคงก้าวขาไปหยุดยืนอยู่ตรงแผ่นกระจกใส ดวงตาคมกริบมองทิวทัศน์ด้านนอกด้วยความสงบอย่างคนกำลังตกอยู่ในความคิดที่แสนจะยากเข้าถึงได้
'ขุนพล วิรัตน์สิริวิโรจน์'
อายุ สามสิบปี
สถานะ โสด
นิสัย เย็นชา เข้าถึงยาก กล้าได้กล้าเสีย ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับ
คิ้วสวยของผ้าแพรเผลอขมวดเข้าหาเมื่อเธอไล่สายตาอ่านข้อมูลของชายหนุ่มจนมาถึงประโยคนี้
"ทุกอย่างจะต้องขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับ"ริมฝีปากขยับพูดทวนตรงประโยคนี้ ก่อนที่ริมฝีปากของผ้าแพรจะคลี่ยิ้มออกมากับความท้าทายแปลกใหม่ที่เธอจะต้องเผชิญถ้าหากเธอจะต้องเข้าใกล้ผู้ชายตรงหน้า
'หึ กล้าได้กล้าเสีย อย่างนั้นเหรอ'
หญิงสาวก้มอ่านประวัติส่วนตัวของชายหนุ่มต่อจนครบทุกหน้า สายตาวาววับราวกับใบมีดคมกริบของผ้าแพรเป็นสิ่งที่แน่ชัดแล้วว่า ต่อจากนี้เธอจะไม่สนใจศีลธรรมอันดีงามอะไรทั้งนั้น ในเมื่อคนพวกนี้ไร้สามัญสำนึกกับเธอก่อน ทั้งนอกกาย ทั้งพยายามฆ่า และฆ่าพ่อแม่ของเธอโดยเจตนา เธอก็จะขอจัดการคนพวกนี้โดยไม่สนว่าตัวเองจะต้องใช้วิธีไหน
ในเมื่อร้ายมา เธอก็จะขอร้ายกลับเป็นสิบเท่า
'จัดการตามเก็บรูปถ่ายของผู้ชายคนนี้มาให้ฉัน ไม่ว่าเขาจะทำอะไรกับใครก็ตาม ส่วนเรื่องค่าจ้างไม่มีปัญหา'
'ได้ครับคุณผ้าแพร'ชายสวมหมวกสีดำรับรูปถ่ายพร้อมกับเงินมัดจำก่อนจะเดินออกไปทำตามหน้าที่ของคนเอง
'ส่วนเธอ รู้ใช่ไหมว่าควรจะหาแขกแบบไหนให้ผู้หญิงคนนั้น'ผ้าแพรจัดการวางเงินก้อนใหญ่เอาไว้ตรงหน้าของผู้จัดการร้านที่'ผู้หญิง'ลับ ๆ ของสามีแอบไปทำงานอยู่ไม่ให้สามีของเธอได้รู้
'ฉันจะให้เธอมากกว่านี้ ถ้าเธอทำให้แผนทุกอย่างของฉันสำเร็จ'
'เจ๊จะไม่ทำให้คุณผ้าแพรผิดหวังค่ะ'หญิงร่างสวยวัยสามสิบปลาย ๆ ยิ้มออกมาด้วยความดีใจก่อนจะหยิบเงินแล้วเดินยิ้มออกไปเพื่อทำตามคำสั่งของหญิงสาวที่ได้สั่งกำชับเอาไว้
คราวนี้ก็ถึงเป้าหมายของคนถัดไป อย่างผู้ชายที่เธอได้อ่านประวัติเมื่อครู่ ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกก็ไม่ต้องบอกว่าเขาเป็นคนประเภทไหน
ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย ใช้ใจแลกใจนั่นคือสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างต้องการ
หญิงสาวก้มหน้าอ่านข้อมูลของชายหนุ่มอย่างขุนพลอีกครั้ง สถานบันเทิงที่เขามักจะไปดื่มสังสรรค์หลังเลิกงานนั่นก็คือ ไนต์คลับที่อยู่ภายในกาสิโนของเขานั่นเอง
ทันทีเมื่อได้อ่านมาถึงตรงจุดนี้ ผ้าแพรก็ไม่รอช้า ต่อสายหาสามีสุดที่จะแสนเลวของตัวเองโดยทันที
"คะ...ครับแพร"
"ดนัยเหรอคะ ว่างหรือเปล่า แพรโทรไปรบกวนคุณหรือเปล่าคะ"
"วะ...ว่างครับ ผมว่าง อึก"เสียงหายใจหอบลึกดังผ่านเข้ามาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่กับใคร
"คือแพรอยากจะโทรมาบอกว่า วันนี้แพรต้องอยู่เคลียร์งานที่บริษัทจนดึก แพรอาจจะนอนค้างที่นี่เลยคืนนี้ไม่กลับบ้านนะคะ"
"เหรอครับ อึก"
"คุณอยู่กับคุณพ่อกับคุณแม่ได้ใช่ไหมคะ"
"ดะ...ได้ครับ ไม่มีปัญหา"ชายหนุ่มตอบเธอกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าฟังขาด ๆ หายหาย
"แพรจะโทรมาบอกคุณแค่นี้นะคะ แพรรักคุณนะคะดนัย"
"ครับ ผมก็รักคุณนะครับแพร"
ติ๊ด
"หึ รักเหรอ"ดวงตาของผ้าแพรแดงก่ำด้วยความคับแค้นใจกับสิ่งที่ผู้ชายสารเลวคนนั้นทำเอาไว้กับเธอ
"ฉันจะตอบแทนความรักของคุณให้อย่างสาสมเลยค่ะ ดนัย"