ตอนที่ 6 ที่ลี้ภัย

2095 คำ
เดวาอ้าปากค้าง “ยังไงนะคะ ไม่มีสัญญาณ แถมไม่มีเรือออกไป แล้วคุณอยู่ที่นี่ยังไงคะ กินอยู่ยังไง เวลาเจ็บป่วยอีกล่ะ” “ที่นี่มีทุกอย่างพร้อมตามที่ต้องการค่ะ ทั้งอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ” โซเฟียตอบยิ้ม ๆ “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันหมายถึงแล้วเวลาที่เรามีธุระหรือว่าต้องการซื้อหาอะไรล่ะคะ ไหนจะตอนเจ็บป่วยหนัก ๆ อีก ทำยังไง” “ทุกหนึ่งเดือนจะมีคนจากทางฝั่งมาที่นี่ค่ะ เพื่อเช็คดูว่าเราต้องการอะไรบ้าง รวมทั้งจะมีหมอและอุปกรณ์การแพทย์มาด้วย ถ้าเราต้องการอะไรเราก็แค่แจ้งไป ทางนั้นก็จะจัดหาและส่งมาให้ค่ะ” บ้าไปแล้ว นี่มันเกาะส่วนตัวหรือว่าคุกส่วนตัวกันแน่? “แล้วถ้าฉันต้องการไปจากที่นี่ล่ะคะ คือฉันก็แค่บังเอิญช่วยชีวิตนายของพวกคุณมา ฉันไม่ได้ต้องการจะอยู่ที่นี่ค่ะ” “ก็ต้องอยู่รอไปอีกหนึ่งเดือนค่ะจนกว่าจะมีคนบนฝั่งมาที่นี่อีกครั้ง” โซเฟียตอบหญิงสาวราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดา “ถ้ายังไงเดี๋ยวดิฉันจะไปจัดการเตรียมเสื้อผ้าและอาหารให้นะคะ คุณคงจะหิว” เดวาถอนหายใจ เป็นแบบนี้เธอเองก็คงจะทำอะไรไม่ได้แล้ว และตอนนี้เธอเองก็ทั้งหิวทั้งเหนื่อยมากจริง ๆ พักก่อนแล้วกัน จากนั้นค่อยคิดหาทางไปจากเกาะนี้ทีหลัง “ค่ะ ถ้าจะให้ดีก็ช่วยเตรียมห้องพักให้ฉันด้วยเลยนะคะ” “สองสามวันนี้อาจจะต้องรบกวนให้คุณช่วยพักอยู่ที่ห้องนี้เพื่อดูแลคุณดาร์เรนไปก่อนค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะเตรียมพวกหมอนกับผ้าห่มมาให้” ยังไม่ทันที่เดวาจะได้ตอบตกลงหรือว่าปฏิเสธกลับไป หญิงชราก็เดินหันหลังออกไปจากห้องเรียบร้อยแล้ว โอ๊ย! คนตระกูลนี้มันเป็นยังไงนะ เอาแต่ใจทั้งเจ้านายและลูกน้อง เผด็จการสุด ๆ “เฮ้อ ช่างเถอะ อาบน้ำก่อนล่ะกัน เหนียวตัวจะตายอยู่แล้ว” เดวาบ่นงึมงัมกับตัวเองอีกสักพัก จากนั้นแม่บ้านชราก็นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ เธอกล่าวขอบคุณเล็กน้อยก่อนจะนำร่างสะโหลสะเหลเดินเข้าห้องน้ำไป เป็นไปตามคาด... ดาร์เรนมีอาการไข้ขึ้นสูงแถมยังตัวร้อนราวกับไฟ เดวาจำได้ว่าเธอนั้นเพิ่งจะข่มตาหลับลงไปได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง และเหมือนว่าฟ้าก็ใกล้จะสว่างแล้ว ที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือการเช็ดตัวบ่อย ๆ และให้ยาลดปวดลดอักเสบและยาฆ่าเชื้อ “อุตส่าห์รอดมาได้ตั้งขนาดนี้แล้วอย่ามาตายเพราะเพียงแค่แผลติดเชื้อนะ” มือเล็กยังคงใช้ผ้าขนหนูลูบไล้ไปตามข้างแก้มและหน้าผาก มืออีกข้างก็คอยจับวัดอุณหภูมิดูว่าความร้อนลดลงไปบ้างไหม แอบหงุดหงิดเล็กน้อยไม่ได้ว่านอกจากจะช่วยชีวิตแล้วยังต้องมาคอยเป็นพยาบาลส่วนตัวให้อีกเหรอเนี่ย คืนนั้นเดวาแทบจะไม่ได้นอนอีกเลยเพราะต้องคอยลุกมาเช็ดตัวและวัดไข้ให้ชายหนุ่มตลอด และกว่าอุณหภูมิร่างกายจะลดลงได้ก็เล่นเอาฟ้าสว่างคาตา พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าพร้อมกับแสงแดดที่รับวันใหม่ เปลือกตาหนาของคนที่นอนไม่ได้สติมาทั้งคืนเปิดขึ้นช้า ๆ สิ่งแรกที่เห็นก็คือเพดานห้องกับบรรยากาศที่คุ้นเคย ที่นี่มัน... เกาะส่วนตัวของตระกูลบาร์เนทท์ เมื่อปรับโฟกัสสายตาได้ดาร์เรนก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมานั่ง ความรู้สึกเจ็บที่สีข้างทำให้เขาถึงกับต้องนิ่วหน้า และก็จำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเพิ่งถูกยิง ใช่... เขาถูกลอบสังหารที่ตึกเอมไพร์สเตท เพราะความประมาทและละหลวมเลยทำให้เขาต้องหนีตายลงมายังชั้นล่าง จากนั้นก็เจอกับหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ในลิฟต์ ผู้หญิงคนนั้น!? แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับตัวลุกออกไปไหน นัยน์ตาสีเปลือกไม้ก็หันไปเห็นร่างเล็กของใครคนหนึ่งที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ข้างเตียง แต่จะให้เรียกว่านอนหลับสนิทก็คงจะไม่ถูกนัก ต้องเรียกว่านั่งหลับสนิทอยู่ที่ข้างเตียงมากกว่า และดาร์เรนก็จำได้ทันทีว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นคือใคร... ผู้หญิงในลิฟต์คนที่ช่วยเขาเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองสำรวจบาดแผลของตัวเองที่ตอนนี้มันถูกพันไว้ด้วยผ้าก๊อซสีขาวสะอาดเรียบร้อยแล้ว ถัดไปที่อยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงคือกะละมังใบเล็กที่มีน้ำและผ้าขนหนูผืนเล็กคาอยู่... นี่คงจะคอยอยู่ดูแลเขามาทั้งคืนสินะ ดาร์เรนถอนหายใจออกมาเบา ๆ แววตาที่ใช้มองคนที่กำลังหลับสนิทอยู่ตรงหน้าก็อ่อนลง เขาลุกออกจากที่นอนแล้วจัดการหาเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้เรียบร้อย จากนั้นก็ค่อย ๆ อุ้มช้อนร่างของหญิงสาวขึ้นมานอนบนเตียงแทน “อื้อ” เดวาส่งเสียงพึมพำในลำคอเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ยอมตื่นขึ้นมา เพราะความอ่อนเพลียและเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งคืนทำให้หลับเป็นตาย “คุณดาร์เรน คุณฟื้นแล้ว” เสียงของโซเฟียเอ่ยขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าผู้เป็นเจ้านายของตัวเองนั้นฟื้นขึ้นมาแล้ว เธอกำลังจะเข้ามาตามเดวาให้ออกไปทานอาหารเช้าพอดี “ครับ” ดาร์เรนตอบรับสั้น ๆ พร้อมกับเดินออกไปยังด้านนอก โซเฟียเมื่อเห็นว่าเดวายังคงนอนหลับสบายอยู่ก็ไม่ได้คิดจะปลุก เธอจึงเดินตามชายหนุ่มออกไปด้วย “เกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วผมหมดสติไปนานแค่ไหน” มาเฟียหนุ่มไม่รอช้ารีบถามไถ่ถึงสถานการณ์ทันที “คุณหมดสติไปตั้งแต่เมื่อคืนวานที่มาถึงค่ะ” และหญิงชราก็รีบเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงเกาะนี้ให้ฟัง เล่าแม้กระทั่งเรื่องที่เดวาแบกชายหนุ่มขึ้นหลังแล้วพาเข้ามานอนในห้องรวมถึงเรื่องที่หญิงสาวนั้นคอยดูแลเขาทั้งคืนด้วย “ชื่อเดวางั้นเหรอ” ดาร์เรนพึมพำคล้ายพูดกับตัวเองมากกว่า “ค่ะ เธอบอกว่าเป็นคนช่วยชีวิตคุณไว้” “ครับ... ฝากดูแลเธอด้วยแล้วกัน เธออยากได้อะไรก็ช่วยอำนวยความสะดวกและจัดหามาให้เธอด้วย” ดาร์เรนเอ่ยสั่งกับผู้ดูแลบ้านวัยชราเพียงแค่นั้นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก “ค่ะ” เดวาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงบ่ายแก่ เพราะว่าได้นอนเต็มอิ่มร่างกายจึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่า เธอบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะมองไปรอบ ๆ ห้องที่มีเพียงแสงสลัว ๆ ทอลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา “อ้าว แล้วนี่ฉันมานอนบนเตียงได้ไงเนี่ย” เมื่อสำรวจมองให้ชัดอีกครั้งก็เห็นว่าตัวของเธอเองนั้นขึ้นมานอนอยู่บนเตียงนุ่มหลังใหญ่แล้ว แถมภายในห้องนี้ก็ยังมีเธออยู่เพียงแค่คนเดียว แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ? เดวาลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินออกไปจากห้อง ภายในตัวบ้านนั้นเงียบสนิทราวกับไม่มีใครอยู่เลยสักคน ก็แหงล่ะ ก็คุณโซเฟียอะไรนั่นบอกเองนิว่าที่นี่ไม่มีใครอื่นอยู่เลย มันจะเงียบวังเวงราวกับป่าช้าแบบนี้ก็ไม่แปลก และในขณะที่ร่างเล็กกำลังด้อม ๆ มอง ๆ สำรวจไปทั่วบ้านอยู่นั้น แผ่นหลังบางก็ชนเข้ากับอกแกร่งของใครคนหนึ่งที่มาหยุดยืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ “อะ!” “กำลังหาอะไรอยู่” เดวาสะดุ้งตกใจก่อนจะหันกลับไปมอง คนที่มายืนอยู่ด้านหลังนั้นคือชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำยำสมส่วน ใบหน้าหล่อเหลาเข้มสันกรามคมชัด แววตาเย็นชาไร้อารมณ์กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน “คุณ! คุณฟื้นแล้วเหรอ” ดาร์เรนไม่ได้ตอบอะไรทำเพียงเดินผ่านเลยไปนั่งลงที่โซฟา มือหนาจัดการรินน้ำชาที่ตั้งอยู่ตรงหน้าขึ้นมาจิบเบา ๆ เดวาไม่รอช้าเดินตามเข้าไปนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามทันที ใบหน้าสวยหวานดูหงุดหงิดเล็กน้อยที่ประโยคคำถามของเธอเมื่อครู่นี้กลับถูกเมิน... อะไรกัน ไอ้หมอนี่ นี่เธอเป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้นะ จะขอบคุณสักคำก็ไม่มีเลยเหรอ “นี่ ฉันถามคุณอยู่นะ ไม่ได้ยินหรือไง” เดวาถามซ้ำ “ถ้ายังไม่ฟื้นจะเห็นฉันลุกมานั่งอยู่ตรงนี้ไหม” อ้าว~ นี่ถามดี ๆ นะเนี่ย เดวาชักสีหน้าใส่ทันที “นี่! ฉันถามดี ๆ นะคุณ คนอุตส่าห์เป็นห่วง!” “แล้วฉันตอบไม่ดีตรงไหน?” คิ้วเข้มของดาร์เรนเลิกขึ้นเล็กน้อย เดวาเม้มปากแน่นอย่างพยายามข่มอารมณ์ โอเค! เมื่อวานนี้เธอน่าจะปล่อยให้หมอนี่เน่าตายคาลิฟต์ไปเลย “เธอต้องการอะไรเป็นการตอบแทนก็ว่ามาเลย เท่าไรฉันก็จ่ายได้” แต่แล้วคำพูดประโยคถัดมากลับทำให้เดวานั้นโมโหหนักยิ่งกว่าเดิม “นี่คุณ ฉันว่าคุณคงเข้าใจอะไรผิดไปแล้วมั้ง ที่ฉันช่วยคุณเนี่ยก็เพราะว่าฉันเห็นแก่มนุษยธรรมและฉันก็เป็นคนดีที่เห็นใครตายต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ฉันไม่ได้ช่วยเพราะหวังค่าตอบแทนอะไรนั่น” “งั้นเหรอ” นัยน์ตาสีเปลือกไม้ยังคงจ้องมองคนตรงหน้านิ่ง และนั่นมันก็ทำให้เดวาถึงกับหมดความอดทน “คนอย่างคุณเนี่ยนะ! ฉันไม่น่าช่วยไว้ให้เปลืองพลังงานชีวิตเลย” ใช่! และก็ไม่น่าแบกขึ้นหลังจนกระดูกแทบหักด้วย “แต่ถ้าคุณถามว่าฉันต้องการอะไรตอนนี้ล่ะก็ ฉันต้องการไปจากที่นี่ รบกวนคุณช่วยจัดการให้ฉันด้วย” “คุณโซเฟียไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่สามารถออกไปจากเกาะแห่งนี้ได้จนกว่าจะมีคนบนฝั่งมารับไป” ใบหน้าคมยังคงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบปกติ เอาจริง ๆ แล้วตอนที่หญิงชรานั่นบอกเดวาเองก็ไม่เชื่อ ทีแรกคิดว่าคุณโซเฟียคงแกล้งขู่เธอเล่นซะมากกว่า “หมายความว่ากว่าฉันจะออกไปจากที่นี่ได้ก็ต้องรอไปอีกตั้งสองอาทิตย์เลยเหรอ” “ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น” มือเล็กยกขึ้นมาตบที่หน้าผากของตัวเองเบา ๆ ให้ตายเถอะ แล้วจะให้เธอมาอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าในบ้านหลังใหญ่กลางเกาะโดดเดี่ยวแบบนี้เนี่ยนะ “แล้วมันไม่มีทางอื่นเลยเหรอคุณ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีเรือสำรองบ้าง” ไอ้เรื่องสัญญาณก็พอจะเข้าใจ แต่ไอ้เรื่องที่ตระกูลบาร์เนทท์ตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ไม่มีแม้กระทั่งเรือสำรองเลยก็ออกจะเว่อร์ไปหน่อยไหม “ไม่มี เพราะที่เกาะแห่งนี้นอกจากคนนอกจะเข้ามาไม่ได้ คนในก็ยังออกไม่ได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาต และเกาะแห่งนี้ก็อยู่ในทำเลที่ซับซ้อนมาก ถ้าไม่มีแผนที่นำทางหรือชำนาญในเส้นทางจริง ๆ ก็ไม่มีทางหาเจอ” เพราะแบบนั้นมันถึงเรียกว่าที่ลี้ภัย “ฉันว่าเธอทำใจอยู่ที่นี่ไปก่อนเถอะนะ ยังไงก็คงไม่ลำบากนัก ที่นี่มีทุกสิ่งที่เธอต้องการ แล้วอีกสองอาทิตย์เธอก็จะได้ออกไปจากที่นี่สมใจเอง” ดาร์เรนยังคงพูดต่อเสียงเรียบ มือก็ยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบไปด้วย เมื่อไม่เห็นว่ามีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ตรงนี้ต่อเดวาจึงสะบัดหน้าหนีแล้วหันหลังเพื่อที่จะก้าวออกไป แต่ทว่าเสียงนุ่มทุ้มที่ถูกส่งตามหลังมาก็ทำให้เธอถึงกับหยุดชะงัก “ขอบคุณ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม