ตอนที่ 13

3864 คำ
ส่วนพลอยขวัญที่ถือถุงอาหารกลางวันเข้ามาในห้องนั้น เมื่อเปิดดูก็พบว่ามันคือเมนูโปรดของเธอย่างกุ้งผัดพริกเกลือและคะน้าหมูกรอบที่ถูกบรรจุไว้ในกล่องพลาสติกอย่างดี พร้อมข้าวหอมมะลิร้อนๆ แค่ได้กลิ่นท้องเธอก็ส่งสัญญานทันที ขณะที่แกะกล่องอาหารหญิงสาวก็แอบย่นจมูกใส่คนในโทรศัพท์อย่างหมั่นไส้ที่เจ้ากี้เจ้าการส่งอาหารมาให้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ตอนที่เธอพักรักษาตัวอยู่ที่คอนโด เขาก็คอยไลน์มาถามและส่งอาหารดีๆ มาให้ทุกวัน เพียงแต่เธอไม่คิดว่าหลังจากเธอบอกว่าจะมาทำงานในวันนี้ เขายังส่งของกินตามมาให้ถึงที่ร้านอีก แต่ก็ดีของฟรีใครจะไม่ชอบล่ะ และเมื่อตักข้าวเข้าปากได้หนึ่งคำเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอีกครั้ง ‘สรุปว่าพลอยชอบอาหารที่ผมส่งให้ไหมครับ ไม่ตอบผมเลย(สติ๊กเกอร์การ์ตูนน้ำตาคลอ)’ ‘ขอบคุณนะคะ ที่ส่งอาหารกลางวันมาให้ แต่พลอยยังไม่ได้ทาน จะตอบได้ไงคะว่าชอบหรือไม่ชอบ’ ‘อ้าว เหรอครับ งั้นรีบทานนะ นี่เที่ยงแล้วทานอาหารไม่ตรงเวลา เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะนะ’ ‘กำลังจะทานค่ะ แต่มีคนส่งไลน์มาไม่หยุด พลอยต้องคอยตอบก็เลยยังไม่ได้ทานสักที’ ‘อ้าว ขอโทษครับ งั้นคุยไปทานไปได้ไหมครับ ผมก็ทานข้าวอยู่ที่อู่คนเดียว เหงาจะตาย’ ชิส์! อย่างเขาน่ะเหรอจะขาดเพื่อนไปทานข้าวเป็นเพื่อน เธอไม่เชื่อหรอก พลอยขวัญแอบคิดในใจแต่มือก็พิมพ์ตอบเขาไม่หยุด ‘แต่ว่าผมชอบจัง’ ‘ชอบอะไรคะ’ ‘ชอบที่พลอยแทนตัวเองว่าพลอยกับผมไงครับ น่ารักกว่าฉันอย่างนั้นอย่างนี้ตั้งเยอะ ต่อไปนี้พลอยพูดแบบนี้นะ ผมชอบ’ พลอยขวัญอึ้งเพราะเธอเผลอแทนตัวเองกับเขาอย่างสนิทสนม “ไม่ดีมั้งคะ อันที่จริงต้องแทนตัวเองว่าพี่สิถึงจะถูก’ ‘ไม่เอา (สติ๊กเกอร์หน้าบึ้ง) ห้ามแทนตัวเองว่าพี่กับผมเด็ดขาด ห่างกันแค่สามปีพลอยลืมๆ มันไปเถอะ ผมไม่ได้อยากเป็นพี่น้องกับพลอยสักหน่อย’ พลอยขวัญต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้พิมพ์ถามไปว่าแล้วอยากเป็นอะไร เพราะกลัวว่าคำตอบจะเข้าตัวเสียเปล่าๆ แม้จะรู้จักกันได้ไม่กี่วัน เธอก็รู้ว่าเมฆานั้นเป็นผู้ชายอันตรายแค่ไหน อันตรายตรงหน้าตาหล่อเกินพิกัดและเสน่ห์อันล้นเหลือของเขา เพราะเธอเองยังรู้สึกใจเต้นแรงแปลกๆ เวลาที่อยู่ใกล้เขา ‘ผมไปหาได้ไหม’ ‘จะมาทำไมคะ คุณไม่มีงานทำหรือไง’ ‘งานน่ะมีครับ แต่ผมมีลูกน้องเยอะแยะ จะอู้แอบทำตามใจตัวเองบ้างก็ไม่เห็นเป็นไร นะครับ ให้ผมไปหานะ’ พลอยขวัญยิ้มกับโทรศัพท์ รู้ตัวอีกทีเธอก็เผลอตอบอนุญาตไปแล้ว ‘เดี๋ยวเจอกันนะครับ’ หลังจากนั้นเขาก็หายเงียบไป เดาว่าน่าจะกำลังขับรถอยู่ พลอยขวัญหยิบกระจกมาเช็กความเรียบร้อยของตัวเอง ก่อนจะเติมแป้งและลิปสติกอีกนิดหน่อยจนพอใจ หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองแอบมองนาฬิกาบ่อยๆ ระหว่างรอคอยใครบางคน ผ่านไปครู่ใหญ่เสียงเคาะประตูทำให้พลอยขวัญรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว “คุณพลอยคะ มีคนมา…” “ทราบแล้วค่ะ พลอยจะไปเดี๋ยวนี้” พลอยขวัญตอบแล้วเดินนำหน้าสรัยฉัตรออกไปทันที จนผู้จัดการสาวไม่ทันได้บอกว่าใครคือคนที่มาขอพบเจ้านายของเธอ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของพลอยขวัญต้องชะงัก เมื่อพบว่าแขกที่มาหาเธอนั้นไม่ใช่คนที่เธอรอคอย “พี่กำลังจะบอกคุณพลอย แต่ว่าคุณพลอยเดินออกมาก่อน พี่ก็เลย…” สรัยฉัตรที่เดินตามมาพูดเสียงอ่อยเพราะเกรงว่าจะถูกดุที่ไม่ทันได้แจ้งให้เจ้านายสาวทราบว่า คนที่มาขอพบคืออดีตแฟนหนุ่มของเจ้านายสาวนั่นเอง “ไม่เป็นไรค่ะ พลอยผิดเองที่ไม่ฟังพี่ส้มพูดให้จบก่อน พลอยคิดว่าคนที่มาคือ…” “คือใครเหรอพลอย ถ้าเป็นพี่มันทำไมเหรอ” กษิดิศถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้พลอยขวัญจึงได้กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ทำให้เธอต้องถอยหลังหนี แต่นั่นทำให้กษิดิศเข้าใจผิดว่าอดีตคนรักแสดงอาการรังเกียจ “รังเกียจพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” “เชิญข้างนอกร้านดีกว่าค่ะ ในนี้มีลูกค้าคงไม่เหมาะเท่าไหร่” พลอยขวัญบอกและเดินนำออกไปนอกร้านที่มีลานเล็กๆ อยู่ข้างตัวตึกซึ่งเธอใช้เป็นที่จอดรถของตัวเองและลูกค้า “คุณมาที่นี่ ต้องการอะไรคะ” พลอยขวัญเลือกที่จะใช้สรรพนามที่แสดงความห่างเหิน เพื่อตอกย้ำให้อดีตคนรักรู้ว่าเขาและเธออยู่ในสถานไหน และเขาไม่ควรมาวุ่นวายกับเธอที่นี่อีก “คุณเหรอ นี่ถึงขนาดเรียพี่ว่าคุณเลยเหรอ ห่างเหินจังเลยนะ” กษิดิศพูดด้วยน้ำเสียงประชด “พลอยไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไรที่จะต้องเรียกกันสนิทสนม เพราะพลอยไม่ได้อยากสนิทกับคุณอีกแล้ว อันที่จริงคุณไม่ควรมาวุ่นวายที่นี่นะ” “พี่อยากมา พี่ก็จะมา” “งั้นก็คงเป็นสิทธิ์ของพลอยที่จะแจ้งตำรวจจับคุณข้อห้าก่อกวน” พลอยขวัญโต้กลับอย่างไม่เหลือเยื่อใยใดๆ ทั้งสิ้น เธออยากรู้เหลือเกินว่าอะไรทำให้ผู้ชายที่เธอเคยรัก และคิดอยากฝากอนาคตไว้ด้วยเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ เขาเหมือนคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน ผู้ชายสุภาพและแสนดีกับเธอในวันวานหายไปไหนกัน “พลอย” “พูดธุระของคุณมาดีกว่าค่ะ ฉันมีงานต้องทำ ไม่ได้มีเวลาว่างสำหรับเรื่องไร้สาระ” พลอยขวัญใช้สรรพนามที่ห่างเหินกว่าเดิมเพราะความรู้สึกไม่พอใจคนตรงหน้าที่มาก่อกวน เธอรู้สึกสังหรณ์ใจว่าเขาจะนำความเดือดเนื้อร้อนใจมาให้ถ้าหากยังปล่อยให้เขามาวุ่นวายที่นี่ เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือยอีกต่อไปแล้ว เขามีทั้งภรรยาและลูกที่กำลังจะเกิดมา เธอไม่ควรให้เขาเข้ามาใกล้เพื่อเลี่ยงคำครหาต่างๆ “การคุยกับพี่นี่กลายเป็นเรื่องไร้สาระแล้วเหรอ ใช่สิ พี่ไม่ได้หล่อไม่ได้รวยเป็นลูกมหาเศรษฐีเหมือนไอ้เมฆาอะไรนั่นนี่ เลิกกับพี่ไม่ทันไร ก็มีผู้ชายมาประกาศว่าพลอยเป็นคนสำคัญของมัน แบบนี้จะให้พี่คิดยังไง เอาแต่ว่าพี่ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ จริงๆ พลอยเองก็สวมเขาให้พี่มานานแล้วใช่ไหม พอพี่พลาดถึงได้ประกาศเปิดตัวเร็วขนาดนี้” พลอยขวัญกำมือแน่นด้วยความโกรธที่กษิดิศดูถูกและกล่าวหาเธออย่างร้ายแรงในสิ่งที่เธอไม่เคยคิดจะทำ หญิงสาวพยายามระงับใจไม่ให้กระโจนเข้าไปตะกุยหน้าเขาให้สาสมกับความคิดเลวๆ ที่บังอาจมากล่าวหาเธอ “ฉันไม่เคยคิดจะทำอะไรเลวๆ แบบนั้น อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะเป็นเหมือนคุณ และฉันขอบอกเลยนะ ว่านับจากนี้ไป แม้แต่ความเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักฉันก็ไม่มีให้คุณ มาทางไหนเชิญกลับไปทางนั้น และอย่าได้คิดจะกลับมาที่นี่อีก ไม่อย่างนั้น ฉันเอาเรื่องคุณแน่” “คำก็ไล่สองคำก็ไล่ ทำไม รังเกียจพี่นักเหรอ” “ใช่ ฉันรังเกียจ คุณรู้อะไรไหม ตอนที่ฉันรู้ว่าถูกคุณทรยศอย่างเจ็บแสบ ฉันเสียใจและเจ็บปวดแค่ไหน แต่พอฉันทำใจได้ ฉันก็คิดจะอภัยให้คุณเพราะเห็นแก่ความดีที่คุณเคยทำให้ฉัน แต่มาวันนี้ฉันรู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด คนอย่างคุณมันไม่สมควรจะได้รับการให้อภัยอะไรทั้งนั้น เพราะแทนที่จะสำนึกผิด คุณกลับมากล่าวหาว่าฉันจะทำเลวๆ แบบที่คุณทำ ฉันเพิ่งรู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมาที่สุดก็วันนี้เอง เชิญคุณกลับไปได้แล้ว แล้วอย่ามาที่นี่อีก” พลอยขวัญไล่และหันหลังเดินกลับเข้าร้าน แต่หญิงสาวก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อถูกกระชากจากด้านหลัง “เดี๋ยวก่อนพลอย อย่าเพิ่งไป พี่ขอโทษ พี่ขอโทษที่ปากไม่ดี พลอยอย่าโกรธพี่เลยนะ พี่มาวันนี้เพราะพี่คิดถึงพลอย พี่อยากเห็นหน้าพลอย แล้วพี่ก็อยากมาบอกพลอยให้รู้ว่าพี่จะเลิกกับมะปราง ที่พี่ต้องแต่งเพราะทางบ้านมะปรางจะเอาเรื่องพี่” “ปล่อย หยุดโทษคนอื่นสักที ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะความไม่รู้จักหักห้ามใจของคุณเองทั้งนั้น” พลอยขวัญพยายามดิ้นออกจากกษิดิศที่พยายามจะดึงเธอไปกอด ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าร่างของเขาลอยออกไปจากเธอ เมื่อหันไปมองก็เห็นเพียงฝุ่นตลบอบอวลเพราะร่างของเขาถูกเหวี่ยงไปกองบนพื้นด้วยฝีมือของคนที่เธอไม่คาดคิด “คุณมาร์ค” “พลอยเป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหมครับ” ขณะที่ถามเมฆาก็มองสำรวจพลอยขวัญตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เมื่อไม่พบว่ามีร่องรอยถูกทำร้ายก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “พลอยไม่เป็นไรค่ะ” “อ้อ ที่ทำท่ารังเกียจพี่ขนาดนี้ เพราะมีที่หมายใหม่แล้วนี่เอง” ได้ยินดังนั้นเมฆาก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ในทันทีว่าผู้ชายคนนี้คืออดีตคนรักของพลอยขวัญนั่นเอง “ไปซะ ฉันบอกให้คุณไปซะ” พลอยขวัญเอ่ยปากไล่อดีตคนรักอีกรอบ “พี่ไม่ไป พลอยบอกพี่มาสิว่าพลอยไม่เหลือเยื่อใยให้พี่แล้ว พี่รู้ว่าพลอยยังรักพี่อยู่” “หยุดพูดอะไรที่มันสะอิดสะเอียนอย่างนั้นเสียทีเถอะ ฉันไม่เหลือเยื่อใยใดๆ ให้คนอย่างคุณอีกต่อไปแล้ว ยิ่งคุณทำพฤติกรรมแบบนี้ แม้แต่ความเป็นเพื่อนฉันก็ไม่มีให้คุณ ไปซะก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจ” “คุณกลับไปเถอะ ไม่ได้ยินที่พลอยพูดเหรอ ที่นี่ไม่มีใครต้องการคุณ” เมฆาออกปากไล่เมื่อแน่ใจว่าพลอยขวัญไม่เหลือเยื่อใยให้อีกฝ่ายแล้วจริงๆ “มึงอย่ามายุ่ง นี่มันเรื่องของกูกับพลอย” กษิดิศมองเมฆาตาขวาง แต่นอกจากเมฆาจะไม่เกรงกลัวแล้วเขายังจ้องกลับแบบไม่สะทกสะท้านเช่นกัน และยิ่งเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ความอยากเอาชนะยิ่งแล่นพล่าน ดังนั้นเขาจึงยกมือขึ้นโอบไหล่ของพลอยขวัญ พร้อมส่งรอยยิ้มเยาะเย้ยไปให้กษิดิศ “ไม่ยุ่งคงไม่ได้ เพราะพลอยคือคนสำคัญของผม ผมคงไม่ยอมให้อันธพาลที่ไหนมารังแกเธอแน่” “มึงว่าใครอันธพาล” “แล้วแถวนี้มันมีใครไหมล่ะ” เมฆายักคิ้วกวนๆ ทำให้กษิดิศที่อยู่ในอาการมึนเมานิดๆ จากแอลกอฮอลคุมสติตัวเองไม่อยู่พุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มทันที เมฆาตั้งท่ารอยอยู่แล้วจึงดันพลอยขวัญไปด้านหลังแล้วรับหมัดกษิดิศได้ทัน ก่อนจะซัดกลับจนอีกฝ่ายล้มไม่เป็นท่า “กรี๊ด หยุดนะ อย่าทำอะไรพี่กันต์นะ” เสียงนั้นมาจากมะปรางอดีตเด็กในร้านที่พลอยขวัญให้ความช่วยเหลือ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในฐานะภรรยาของกษิดิศที่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่กี่เดือน หลังกลับมาบ้านแล้วไม่พบสามีอยู่ที่บ้าน มะปรางสังหรณ์ใจว่าสามีจะกลับมาหาอดีตคนรัก ซึ่งเป็นอดีตเจ้านายของเธอด้วยจึงรีบตามมาแล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ “นี่มันอะไรกันคะ” “เธอมาก็ดีแล้วมะปราง พาสามีของเธอกลับบ้านไปแล้วอย่าให้เขามาวุ่นวายที่นี่อีก” มะปรางมองหน้าอดีตเจ้านายสาวและสามีสลับกันพลางข่มอารมณ์โกรธและหึงหวง เมื่อรู้ว่าสามีของตนเองยังอาลัยอาวรณ์คนรักเก่าอยู่ ยิ่งเห็นว่าพนักงานในร้านออกมามุงดูเหตุการณ์แล้วพากันมองมายังเธออย่างเกลียดชังก็ยิ่งรู้สึกเสียหน้า หญิงสาวจึงพูดออกไปเพื่อกู้หน้าตัวเอง “พี่กันต์มาเองหรือคุณพลอยให้มาคะ” คำถามของมะปรางทำให้พลอยขวัญอึ้งอย่างคาดไม่ถึงว่าเด็กที่เธอเคยเมตตาให้ความช่วยเหลือจะร้ายกาจได้ขนาดนี้ “มะปราง ฉันจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งนะ ผู้ชายเลวๆ แบบนี้ ฉันไม่คิดจะเสียเวลาด้วยอีกต่อไปหรอก ฉันไม่เคยคิดอยากจะให้เขามาวุ่นวายกับชีวิตฉันอีก ถ้าเป็นไปได้ให้ทำเหมือนตายจากกันไปเลยดีกว่า เธอมาก็ดี ต่อไปนี้ดูแลสามีของเธอให้ดี ถ้าขืนยังมาก่อกวนที่นี่อีก ฉันจะแจ้งตำรวจจับ” เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของพลอยขวัญ มะปรางก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ทำได้แค่ประคองสามีที่ปากแตกแล้วล้มอยู่กับพื้นลุกขึ้น “พี่กันต์ เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ” “อ้อ ผมขอเตือนคุณไว้อย่างนะ ต่อไปนี้อย่าได้คิดมายุ่งกับพลอยอีก ไม่อย่างนั้นผมไม่เอาคุณไว้แน่” ก่อนที่มะปรางจะทั้งลากทั้งจูงกษิดิศออกไป เมฆาก็ย้ำกับฝ่ายนั้นอีกรอบ กษิดิศมีท่าทีฮึดฮัดไม่พอใจ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะมีมะปรางอยู่ด้วย ทำได้แค่ส่งสายตาเกลียดชังไปให้เมฆาที่ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด หลังสองสามีภรรยากลับไป สรัยฉัตรก็เข้ามาขอโทษเจ้านายสาวที่ปล่อยให้กษิดิศเข้าไปในร้าน “พี่ขอโทษนะคะคุณพลอย พี่ไม่น่าปล่อยให้คุณกันต์เข้ามาในร้านเลย พี่ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้” “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่ความผิดของพี่ส้มหรอก แต่พลอยรบกวนพี่ส้มแจ้งพนักงานทุกคนด้วยว่าต่อไปนี้ ถ้าผู้ชายคนนั้นมาที่นี่อีกให้เรียกตำรวจได้เลย” “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปทำงานก่อนนะคะ” หลังพนักงานแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ พลอยขวัญก็ได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งเงียบเพราะรู้สึกอับอายที่เมฆาต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ “เอ…ผมอุตส่าห์มาหา ไม่คิดจะมองหน้ากันหน่อยเหรอครับ” เมฆาแกล้งแหย่แต่คนตรงหน้ายังก้มหน้านิ่ง เขาเลยถือวิสาสะเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้นแล้วก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น “พลอย ร้องไห้ทำไมครับ” พลอยขวัญรีบเช็ดน้ำตาเพราะไม่อยากเผยความอ่อนแอให้คนอื่นเห็น ความรู้สึกของเธอมันปนเปไปหมด ทั้งรู้สึกอับอายที่เมฆามาเจอเธอและอดีตคนรักและเสียใจแค้นใจกับข้อกล่าวหาที่กษิดิศได้กล่าวหาเธอ “ไม่มีอะไรค่ะ คุณกลับไปก่อนเถอะนะคะ ตอนนี้พลอยไม่พร้อมรับแขก” พลอยขวัญบอกและเตรียมจะเดินหนีกลับเข้าในร้านแต่เมฆาไม่ยอม ชายหนุ่มจับแขนเรียวเอาไว้ “เดี๋ยวครับ ผมคงทิ้งคุณไว้แบบนี้ไม่ได้ ไปกับผมนะ” พลอยขวัญไม่ทันได้ถามว่าเขาจะพาเธอไปไหน ได้แต่ปล่อยให้เขาจูงมือเธอไปที่รถยนต์คันหรู พลอยขวัญนั่งมองวิวสองข้างทางโดยไม่พูดอะไร ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับความคิดต่างๆ ในหัว ส่วนเมฆาคอยเหลือบมองคนข้างๆ เป็นระยะ แต่ก็ไม่เอ่ยถามอะไรเช่นกัน เขาปล่อยให้เธอได้อยู่กับตัวเองเงียบๆ จนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทาง “วัด คุณพาพลอยมาที่วัดทำไมคะ” พลอยขวัญถามอย่างงงๆ เพราะดูจากบุคลิกและไลฟ์สไตล์ของคนข้างๆ แล้วเขาไม่เหมาะกับที่นี่เลยสักนิด พูดตามตรงก็คือเธอไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะเข้าวัดทำบุญด้วยซ้ำไป “ผมคิดว่าคุณคงต้องการที่สงบๆ และที่นี่ก็เหมาะมาก อย่ามองผมแบบนั้นสิครับ เห็นแบบนี้ผมก็เข้าวัดเป็นนะ” คำแก้ตัวกับอาการตัดพ้อของเมฆาทำให้พลอยขวัญหลุดยิ้ม “นั่นไง แค่เข้ามาในวัดคุณก็ยิ้มได้แล้ว เราลงไปกันดีกว่าครับ ผมจะพาคุณไปที่ที่หนึ่ง” เมฆาลงจากรถและกุลีกุจอมาเปิดประตูให้เธอด้วย “เชิญครับ คุณผู้หญิง” “ขอบคุณค่ะ คุณเคยมาที่นี่เหรอคะ” พลอยขวัญอดถามอย่างสงสัยไม่ได้ ขณะเดินตามเขาไปยังศาลาริมน้ำซึ่งมองจากตรงนี้สามารถเห็นวิวสะพานพระรามแปดได้อย่างชัดเจน บริเวณข้างศาลามีซุ้มเล็กๆ วางขนมปังและอาหารปลาเอาไว้ โดยมีตู้สำหรับหยอดเงินค่าอาหารปลาแล้วแต่ผู้มีจิตศรัทธาจะบริจาค เธอเดาว่าคงจะมีคนนิยมมาให้อาหารปลาบริเวณนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากวิวสวยแล้วยังอากาศดีอีกด้วย เพราะมีลมพัดเอื่อยๆ มาปะทะผิวกายให้ความรู้สึกสดชื่นตลอดเวลา พลอยขวัญรับเอาขนมปังจากเมฆาแล้วฉีกเป็นชิ้นโยนให้ปลาในแม่น้ำ “ที่นี่เป็นวัดประจำของคุณแม่กับคุณย่าผมน่ะครับ ท่านเคยพาผมมาทำบุญที่นี่ตอนเด็กๆ ตอนบวชผมก็มาจำพรรษาที่วัดนี้ แล้วคุณเป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นหรือยังครับ” “ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ที่พาพลอยมาที่นี่” เมฆายิ้มรับอย่างดีใจที่เขาทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นได้สำเร็จ แต่คำพูดต่อมาของพลอยขวัญก็ทำเอาเขาหุบยิ้มแทบไม่ทัน “ปกติคุณปลอบใจผู้หญิงเก่งแบบนี้ตลอดเลยเหรอคะ” “เอ่อ…ทำไมถามแบบนั้นล่ะครับ พลอยจะเชื่อไหมถ้าผมบอกว่าตั้งแต่เกิดมาพลอยเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมทำอะไรแบบนี้ และเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมพามาที่นี่ด้วย ถ้าไม่รวมคุณแม่กับคุณย่า” “เชื่อยากอยู่นะคะ” “โถ่ พลอยครับ” พลอยขวัญหลุดขำเมื่อเห็นสีหน้างอง้ำของเมฆา คนหล่อทำอะไรก็ดูดีไปหมดแบบนี้นี่เอง แม้กระทั่งการทำท่างอแงแบบเด็กๆ ก็ยังดู ‘น่ารัก’ พลอยขวัญรีบดึงความคิดที่ออกนอกลู่นอกทางของเธอกลับมาทันที เพราะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้จะเป็นอันตรายต่อหัวใจตัวเองในภายภาคหน้า เธอเพิ่งจะได้รับพิษร้ายจากความรักจึงยังไม่คิดที่จะไขว่คว้าหามันอีกครั้งในตอนนี้ “หัวเราะแบบนี้แกล้งผมเหรอ” “เปล่าสักหน่อย ก็มันเชื่อยากจริงๆ นี่คะ” เมฆาไม่กล้าเถียงว่าเขาไม่เคยปลอบใจผู้หญิงที่ไหนเลยจริงๆ เพราะเวลาเขาสลัดทิ้งเพราะเบื่อ คำโอดครวญหรือน้ำตาของเจ้าหล่อนทั้งหลายไม่เคยมีความหมายกับเขาเลยสักนิด “โอเค ไม่เชื่อก็ได้ แต่ผมจะทำให้พลอยเห็นว่าพลอยพิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่น” “เอ่อ…” เมื่อถูกจู่โจมตรงๆ พลอยขวัญก็ถึงกับอึ้งไปเช่นกัน “ผมรู้ว่ามันอาจจะเร็วไป แต่มันยากนะครับกว่าเราจะเจอคนที่ถูกใจ ในเมื่อผมเจอแล้ว ผมจึงไม่อยากปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป พลอยให้โอกาสผมได้ไหมครับ” “คุณมาร์ค” พลอยขวัญกลัวเหลือเกินว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอที่กำลังเต้นระรัวอยู่ในอก ทั้งที่เธอเพิ่งเจ็บปางตายจากพิษรัก แต่ทำไมกันนะหัวใจของเธอถึงไม่เข็ดหลาบ ยังรู้สึกตื่นเต้นหวิวไหวเมื่อมีชายหนุ่มมาสารภาพว่ารู้สึกดีๆ กับเธอ “เรียกผมมาร์คเฉยๆ ก็พอครับ ว่าไงครับ พลอยจะให้โอกาสผมได้ไหม” “ขอบคุณนะคะ ที่คุณมีความรู้สึกดีๆ ให้พลอย แต่พลอย…” “ผมรู้ครับว่าพลอยเจอเรื่องร้ายๆ อะไรมา” พลอยขวัญเงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยสายตาเป็นคำถามอย่างไม่ปิดบัง “ทุกเรื่องของคนที่ผมสนใจ ผมมีวิธีที่จะรู้ครับ” พลอยขวัญไม่ได้ถามต่อ เพราะมันไม่จำเป็นว่าเขาจะรู้เรื่องของเธอได้ยังไง เพราะมันไม่ได้เป็นความลับอะไรอยู่แล้ว “ขอโทษนะคะ พลอยคิดว่าพลอยยังไม่พร้อมที่จะมีความรักอีกครั้งในตอนนี้” “ผมเข้าใจครับ ผมไม่คิดจะเร่งรัดอะไรคุณเลย ขอแค่คุณไม่รังเกียจรับผมไว้พิจารณา ถ้าคุณพร้อมจะเปิดใจเมื่อไหร่ ขอให้คุณพิจารณาผมเป็นคนแรก ได้ไหมครับ” “พลอยคงรับปากไม่ได้หรอกค่ะ เรื่องของอนาคตไม่มีใครรู้ได้ พลอยเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พลอยจะพร้อมเปิดใจรับใครอีกครั้ง พลอยไม่อยากให้คุณเสียเวลา” “ไม่เป็นไรครับ เมื่อไหร่ผมก็จะรอ” “คุณคิดดีแล้วเหรอคะ ผู้ชายแบบคุณไม่จำเป็นต้องมารอใครเลยสักนิด อีกอย่างยิ่งเวลานานไปอายุก็มากขึ้น คุณรู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าเราอายุต่างกัน” “ผมรู้และไม่สนใจสักนิด อายุมันก็แค่ตัวเลขชี้วัดอะไรไม่ได้หรอก ตอนนี้คุณยังไม่พร้อมผมเข้าใจดี ขอแค่คุณไม่รังเกียจ ผมพร้อมที่จะทำทุกอย่างให้คุณใจอ่อน” พลอยขวัญยิ้มกับคำตอบนั้น ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลยสักนิด เธอรู้ดีเชียวล่ะว่าหัวใจกำลังหวั่นไหว ใจเธอไม่ใช่หินถึงจะได้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับผู้ชายที่หล่อและมีเสน่ห์เหลือร้ายอย่างเขา ตรงกันข้ามเธอต้องพยายามหักห้ามใจด้วยซ้ำไป ด้วยประสบการณ์ความรักที่เลวร้ายและอายุที่มากขึ้น ทำให้เธอไม่อยากใจร้อนกับเรื่องความรักอีก เธอตั้งใจไว้ว่าถ้าจะมีความรักอีกครั้ง นั่นหมายถึงต้องเป็นความรักที่ดีและจริงจังไปถึงขั้นแต่งงานมีครอบครัว ไม่ใช่ความรักฉาบฉวยแบบหนุ่มสาวอีกแล้ว เธออยากให้เวลาหัวใจตัวเองได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าเธอสมควรเปิดรับเขาเข้ามาในหัวใจหรือไม่ เธอยอมรับว่าความรักครั้งเก่าทำให้เธอรู้สึกกลัวที่จะผิดหวังอีกครั้ง แต่อีกใจก็บอกตัวเองว่าผู้ชายไม่ได้เหมือนกันทุกคน เธอไม่ควรเอาผู้ชายเลวๆ เพียงคนเดียวมาตัดสินผู้ชายทั้งโลก ดังนั้นเธอจึงขอใช้เวลาเพื่อให้โอกาสตัวเองอีกครั้ง แม้จะไม่ได้รับปากอย่างที่เขาขอ แต่เธอรู้ดีว่าหากหัวใจเธอพร้อมจะเปิดรับใครอีกครั้ง เขาจะเป็นคนแรกที่เธอนึกถึงอย่างแน่นอน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม