บนโต๊ะอาหารมื้อเย็นของคฤหาสน์หลังใหญ่ ทิศเหนือเอาแต่คอยเหลือบมองใบหน้าสวยหวานของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างคาดโทษในใจ
กลางดึกคืนนั้น เขานอนพลิกกายไปมาบนเตียง หันมองไม้หมอนที่หลับสนิทไม่รู้เรื่องแล้วถอนหายใจ ก่อนค่อย ๆ ย่องออกมาจากห้อง
ประตูห้องที่อยู่อีกฝั่งคือเป้าหมาย แต่เมื่อคว้าลูกบิดกลับต้องหงุดหงิดเมื่อมันถูกล็อก จึงรีบกดโทรหาเจ้าของห้องทันที
มุกไหมลืมตาขึ้นมาเมื่อโทรศัพท์มือถือสั่นรบกวนการนอน เธอกดรับสายอย่างหัวเสีย
“โทรมาทำไม”
“เปิดประตูให้ผมหน่อย”
“อย่าให้มันมากไปนะเหนือ พี่บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับพี่อีก”
“แต่ว่าเรายังคุยกันไม่จบ เมื่อเย็นไอ้ไม้มันกลับมาก่อน ผมปวดไปทั้งลำแล้ว พี่ไหมต้องเปิดประตูให้ผมเดี๋ยวนี้”
“นายไม่ได้จะคุยกับพี่ แต่นายจะปล้ำพี่ต่างหาก หยุดคิดเรื่องนี้ไปได้เลย แล้วรีบกลับเข้าห้อง อย่าให้ไม้รู้เรื่องนี้เด็ดขาด ไม่งั้นพี่เอานายตายแน่”
“ไม่อยากให้ไอ้ไม้รู้ พี่ก็เปิดประตูให้ผมสิ”
“นี่นายบ้าหรือเปล่า เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะ อีกอย่างถ้าไม้ตื่นมาแล้วไม่เจอนายจะว่ายังไง ไม้ไม่ใช่คนโง่นะ อยากมีเรื่องนักเหรอ ถ้าหื่นจนทนไม่ไหวก็รีบไปหาสาว ๆ ของนายสิ จะมาทนปวดอยู่ทำไม”
“พี่ไหม ตอนที่ผมทำพี่ พี่ก็รู้สึกดีไม่ใช่เหรอครับ อย่าใจแข็งกับผมนักเลย เปิดประตูให้ผมนะ” เอ่ยออดอ้อนเสียงอ่อย
เขามั่นใจว่าเธอเองก็รู้สึกดีกับเขาเหมือนที่เขารู้สึกดีกับเธอ และไม่มีวันที่เธอจะลืมสัมผัสแสนวาบหวามของเขาอย่างแน่นอน
“พี่ไม่มีวันเปิดประตูให้นายแน่ กลับไปนอนซะเหนือ แค่นี้นะ”
มุกไหมกดวางสายแล้วปิดเครื่องทันที รู้ว่าอย่างไรคืนนี้ทิศเหนือก็ไม่กล้าเคาะประตูหรือกระโตกกระตากเสียงดัง และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ เมื่อเธอนอนหลับสบายจนถึงเช้าโดยไม่มีใครมาเคาะประตูรบกวนสักครั้ง
ดาราสาวลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงมาในห้องอาหาร น้องชายและเพื่อนที่กำลังกินมื้อเช้าอยู่จึงเงยหน้าขึ้นมอง
“พี่ไหม จะเอากระเป๋าไปไหน ไปนอนคอนโดเหรอ”
ไม้หมอนเอ่ยถามพี่สาว แม้จะยังไม่อยากให้เธอออกไปอยู่ตามลำพังเหมือนเคยด้วยกลัวว่าอดีตคนรักจะตามมาวุ่นวาย
“เปล่า ไปถ่ายละครที่ต่างจังหวัด”
“อ้าว แล้วจะไปงานหมั้นไอ้ลมไหม”
“ไปสิ ไปแค่คืนเดียวก็กลับมาแล้ว”
“โอเค กลับมานอนบ้านนะ จะได้ออกไปงานหมั้นพร้อมกัน”
“อืม พี่ไปนะ”
มุกไหมเหลือบมองดวงตาวาววับครู่หนึ่งก่อนจะเชิดหน้าขึ้นแล้วเดินออกจากบ้านไป ที่จริงเธอไม่ได้มีไปถ่ายละครที่ต่างจังหวัดหรอก แต่จะหนีทิศเหนือไปนอนที่คอนโดมิเนียมมากกว่า เพราะเมื่อวานเธอได้ยินเต็มสองหูว่าเขาจะมานอนที่นี่สองคืน
“ไอ้เหนือ บ้านนี้เหลือแค่กูกับมึง คืนนี้จัดปาร์ตี้สละโสดให้ไอ้ลมที่บ้านกูดีไหม เอาสาว ๆ มาด้วยแก้เบื่อ”
“อืม เอาสิ”
ทิศเหนือตอบรับไปอย่างนั้นเอง ตอนนี้ร่างกายและจิตใจไม่พร้อมรับแรงกระแทกจากสุรานารีอีกแล้ว
************
แล้วงานหมั้นของวายุกับขวัญข้าวก็ถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่นในคฤหาสน์หลังใหญ่ของฝ่ายหญิง มีเพียงญาติและเพื่อนสนิทเท่านั้นที่ได้รับเชิญมาร่วมงาน
ทิศเหนือมองหนุ่มสาวสวมแหวนหมั้นให้กันด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุขแล้วอดที่จะยินดีด้วยไม่ได้เพราะเห็นพัฒนาการความรักของทั้งคู่มาตั้งแต่ต้น
หลังเสร็จพิธีหมั้น ทุกคนก็กินอาหารมื้อพิเศษซึ่งสั่งตรงมาจากโรงแรมห้าดาวร่วมกัน โต๊ะอาหารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวเต็มพื้นที่เรียงกันถึงสองแถวและสถานที่ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวอลังการเต็มสวนหน้าบ้านช่วยสร้างบรรยากาศให้โรแมนติก เหมือนความรักของคนทั้งคู่
“ไงวะไอ้ลม ยิ้มหน้าบานเลยนะมึง”
เวกัสเอ่ยแซว ไม้หมอนกับทิศเหนือก็หัวเราะร่วน พยักพเยิดหน้าแซววายุเช่นกัน
“มีความสุขสิวะ ไม่น่าถาม” พูดกลั้วหัวเราะ ดวงตาสุกสกาวจนน่าหมั่นไส้
“อิจฉาโว้ย” เวกัสเบะปาก
ยิ่งอิจฉามากขึ้นเมื่อขวัญข้าวเดินมาหาแล้ววายุกอดประคองคนตัวบางด้วยสายตารักใคร่
“อิจฉาก็หมั้นบ้างสิวะ คู่หมั้นก็น่าจะมีแล้วนี่หว่า”
วายุหัวเราะร่วน พยักพเยิดหน้าไปยังน้ำอิงเพื่อนสนิทของขวัญข้าวที่กำลังนั่งคุยอยู่กับโมนาและเอมิโยะอย่างออกรส
หลังจากวันที่เวกัสลากน้ำอิงมาตกลงกันในหอพัก จากนั้นเขาก็เทียวไปเทียวมาและโมเมขอนอนค้างด้วยเสมอ แม้จะสารภาพไปแล้วว่าชอบ แต่เธอก็ไม่ได้ให้สถานะมากไปกว่าเพื่อนที่มีผลประโยชน์แลกเปลี่ยน
“เหอะ หลอกกินกูอยู่ทุกคืน ให้ความหวังกูไปวัน ๆ”
เวกัสแค่นหัวเราะหยันตัวเอง ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเสียท่าให้ผู้หญิงคนไหนได้ขนาดนี้
“มึงมันไม่มีน้ำยาเองหรือเปล่า แค่จีบมาเป็นแฟน มันจะยากอะไรขนาดนั้น หรือมึงทำตัวไม่น่าไว้ใจ อิงเลยไม่ยอมคบ”
แม้ว่าเธอจะแสดงออกให้เขารู้บ้างว่าเธอเองก็รู้สึกดีกับเขา แต่ก็ไม่ยอมใช้คำว่าแฟนอยู่ดี
แถมยิ่งเธอทำงานกลางคืน ยังดึงดูดหนุ่ม ๆ เข้าหา หลายรายตามตอแยทุกวัน แม้ว่าเขาจะพยายามเขี่ยออกไปก็ไม่เป็นผล เมื่อคนอย่างเขามันไม่มีสถานะพอให้หวงแหน
“เออ มึงก็พูดได้ มึงจีบข้าวสำเร็จแล้วนี่”
“เคล็ดลับง่าย ๆ ถ้าอยากได้ก็เอาพานมาไหว้กูเป็นครู”
“ไอ้เหี้ย มึงนี่มันจริง ๆ เลย”
เวกัสส่ายหน้าระอา เหลือบมองน้ำอิง วันนี้เธอสวยจนใจสั่น ชุดเกาะอกสีขาวรัดรูปและเครื่องประดับเพชรชิ้นเล็กที่เขาซื้อให้ช่างเข้ากันได้ดีเหลือกัน
เธอจะรู้ตัวไหมว่าทำให้เขาทั้งรักทั้งหลงจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้น ยิ่งเธอไม่ยอมเป็นคนรักของเขา ยิ่งได้มายากเท่าไร เขายิ่งอยากจะครอบครองอย่างแรงกล้าเท่านั้น
ไม่ต่างจากไม้หมอนที่แอบมองเอมิโยะ ครูสอนภาษาญี่ปุ่นของตัวเองที่วันนี้สวยจนผิดหูผิดตา เขาไม่เคยเห็นเธอใส่ชุดโชว์เนื้อหนังขนาดนี้มาก่อน เพราะเกือบสองเดือนที่เรียนภาษากับเธอทุกเย็น ถ้าไม่ใส่ชุดนักศึกษา เธอก็จะใส่เสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นเท่านั้น
เอมิโยะในชุดเดรสสายเดี่ยวเว้าลึกโชว์ความอวบอิ่มของวัยสาวและรัดรูปเผยส่วนเว้าส่วนโค้งชวนน้ำลายสอจนแทบไม่อาจละสายตา
ยิ่งเวลาที่เธอยิ้มเต็มใบหน้าและหัวเราะอย่างไม่มีจริต ยิ่งทำให้เธอดูน่ารักจนหัวใจเต้นกระตุก
“พี่ยินดีด้วยนะลม ข้าวสวย มีความสุขมาก ๆ นะจ๊ะ”
มุกไหมในชุดเดรสสายเดี่ยวยาวกรอมเท้ารัดรูปโชว์เรือนร่างเย้ายวนลุกขึ้นจากเก้าอี้ข้างไม้หมอน นำของขวัญกล่องใหญ่มอบให้คู่รักที่เธอรู้จักมาหลายปี โดยเฉพาะฝ่ายชายที่เป็นเพื่อนสนิทของน้องชายเธอ
“ขอบคุณมากครับพี่ไหม”
“แต่พี่คงอยู่ร่วมงานด้วยไม่ได้แล้ว พอดีพี่มีงานต่อ”
“อ้าว แล้วนี่พี่ไหมมายังไงครับ มากับไอ้ไม้หรือเปล่า จะไปทำงานยังไง”
“ผู้จัดการมารับจ้ะ รออยู่หน้าบ้านแล้ว พี่ไปก่อนนะทุกคน”
ดาราสาวโบกมือลารุ่นน้องทุกคน ก่อนจะหยิบกระเป๋าใบสวยแล้วเดินจากไป
ทิศเหนือก้มหน้านิ่ง กัดกราม แล้วลุกพรวดเดินตามเธอไปแต่ไม่มีใครทันสังเกตเพราะต่างก็กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“พี่ไหม...”
ตรงเข้าคว้าแขนเรียวแล้วรั้งเข้าหา คนตัวบางจึงเซถลากลับมาปะทะอกแกร่ง แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็ขยับถอยหนีราวต้องของร้อน
“อะไรอีกล่ะเหนือ นายจะเอาอะไรกับพี่อีก”
“พี่ไหมทำไมทำอย่างนี้กับผม เรารู้สึกดีต่อกันไม่ใช่เหรอ”
ดวงตาคมกริบฉายแววรวดร้าวจนน่าสงสาร แต่ความสัมพันธ์คืนเดียวกับเพื่อนสนิทของน้องชายไม่ควรเกิดขึ้นอีก ไม่มีอะไรให้สานต่อ เพราะเธออาจทำให้ความสัมพันธ์ของทุกคนไม่เหมือนเดิม แม้ว่าจะรู้สึกดีกับชายหนุ่มขี้อ้อนที่บนเตียงดุดันเร่าร้อนจนไฟแทบลุกคนนี้แค่ไหนก็ตาม
“พี่ว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ นายกลับไปอยู่กับเพื่อนเถอะ พี่ต้องไปทำงานแล้ว”
“คืนนี้ผมไปหาที่คอนโดนะ”
“ไม่ต้องมา พี่ไม่ว่าง”
“พี่ไหม...”
“อย่างี่เง่าได้ไหม ทำแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นรู้หรือไง”
“ใครอยากรู้ก็รู้ไปสิ ผมไม่แคร์”
“แต่พี่แคร์ อย่างอแง กลับเข้าไปในงานซะ”
พูดจบก็เดินไปขึ้นรถของผู้จัดการส่วนตัว ปล่อยให้ทิศเหนือตีอกชกลมด้วยความหงุดหงิดที่ไม่สามารถจัดการอะไรเธอได้เลยแม้แต่น้อย
“แม่ง อย่าให้ผมเข้าไปในห้องของพี่ได้อีกครั้งนะพี่ไหม จะเอาให้ร้องเลย”
สุดท้ายก็ยอมเดินกลับไปนั่งกินข้าวร่วมกับเพื่อนอีกครั้ง แม้จะไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนเดิมก็ตาม
“เป็นห่าอะไรวะไอ้เหนือ หน้าบูดเป็นตูดเลย” ไม้หมอนเอ่ยถาม
ทิศเหนือหันขวับมองเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์ จะให้เขาบอกได้อย่างไรว่าที่เขาอยู่ในสภาพนี้เพราะพี่สาวของอีกฝ่ายที่ทำเหมือนเขาเป็นกระดาษทิชชู เช็ดแล้วทิ้งไม่มีค่า
“ไม่มีอะไร”
“เหอะ จะมีอะไรวะ จิตหงุดเงี้ยวอะสิ” เวกัสหัวเราะร่วน
“เออ ไม่ได้ปล่อย มีอะไรไหม”
“สาวมึงมีตั้งหลายคน เบื่อแล้วหรือไงวะ ก็เรียกมาสักคนสิ เสร็จนี่ก็ว่างแล้วไม่ใช่หรือไง มัวมาปล่อยให้ตัวเองหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ได้ ไหลออกหูให้อายนะมึง” ไม้หมอนพูดกลั้วหัวเราะ แถมยังส่ายหน้าระอา
“เออ มีโอกาสกูเอาแน่ จะล่อให้หนักเลย”
ทิศเหนือกัดฟันพูด รู้สึกมันเขี้ยวคนตัวบางที่ทำเขาแทบคลั่งจนตัวสั่น ถ้าได้มีโอกาสอีกครั้ง สาบานเลยว่าเธอจะไม่มีวันถีบเขาออกจากชีวิตได้อีก