ฉันเกิดในบ้านที่ร่ำรวยและมีฐานะในระดับต้นๆ งานบ้านแทบไม่ต้องจับเพราะมีคนรับใช้ทำให้ทั้งหมด
บ้านของเราเป็นครอบครัวใหญ่มีคุณปู่เป็นประมุขของบ้านและมีความย่าที่แสนจะใจดี ท่านทั้งสองเป็นเจ้าของห้างทองชื่อดังที่มีหลายสาขา และยกให้พ่อกับแม่ฉันดูแลทั้งหมดแทนพวกท่าน
ฉันมีพี่ชายสองคน ส่วนฉันเป็นน้องเล็กคนสุดท้อง แต่ก่อนเวลาไปโรงเรียนพ่อกับแม่จะไปส่งเราด้วยตัวเอง แต่พอโตขึ้นธุรกิจท่านก็รัดตัวขึ้นจึงไม่มีเวลาไปส่งเรา หน้าที่นี้จึงกลายเป็นของลุงเปล่ง คนขับรถที่พ่วงตำแหน่งคนสวนของบ้านที่มาทำงานเช้าไปเย็นกลับ
นอกจากลุงเปล่งบ้านฉันยังมีคนรับใช้ที่บ้านอีกสามคน คือป้านอมที่ทำหน้าที่ดูแลบ้านและแม่ครัว และพุดซ้อนกับมะลิสองพี่น้องที่ทำหน้าที่ทำความสะอาดและทำงานต่างๆ เป็นลูกมือป้านอม
พี่ชายคนโตของฉันตอนนี้บริหารงานร้านทองช่วยพ่อกับแม่อยู่ในขณะที่พี่ชายคนรองกำลังเรียนอยู่ปีสุดท้าย ทั้งสองคนมีรถส่วนตัวแล้วยกเว้นฉันที่ตอนนี้ยังต้องอาศัยลุงเปล่งให้ไปรับไปส่งที่มหาวิทยาลัยอยู่
แต่ทุกครั้งที่ไปไหนมาไหนปู่กับย่ามักจะให้พี่มะลิติดรถไปด้วย เพราะท่านไม่ไว้ใจลุงเปล่งให้ไปส่งฉันตามลำพังตามประสาหลานรักของท่าน
“พรุ่งนี้คุณหนูมีเรียนกี่โมงคะ” มะลิถามฉันเพื่อที่จะได้เตรียมตัวในตอนเช้า
“พรุ่งนี้มีเรียนตอนเก้าโมงค่ะก็น่าจะออกจากนี่สักแปดโมง”
“ค่ะ พี่จะได้เตรียมตัวเอาไว้” พี่มะลิบอกแล้วหันไปยิ้มให้กับลุงเปล่ง
ฉันเดินลงจากรถเพื่อที่จะเข้าไปในบ้านโดยมีพี่มะลิเดินตามเข้ามาในบ้าน ฉันเดินสวนกับพี่พุดซ้อนที่บันได เธอถือไม้กวาดและไม้ถูพื้นลงมาจากด้านบน
ตอนแรกฉันก็ไม่เอะใจจนกระทั่งเห็นเสื้อที่ชุ่มเหงื่อของเธอและกลิ่นน้ำหอมของพี่ชายคนรอง จึงทำให้ฉันพอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องและยิ้มทักทายเธอปกติ
ฉันเดินกลับขึ้นไปยังห้องนอน พยายามไม่สนใจเรื่องนี้เพราะว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ชายฉัน...ทั้งสองคน
**********************
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ฉันแอบรับรู้มา มันเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อนตอนที่ฉันเรียนอยู่ชั้นมอหก ในวันนั้นเป็นวันเกิดของ ‘พี่สอง’ พี่ชายคนรองของฉัน
ฉันจึงแอบเข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเขาเหมือนตอนสมัยที่ยังเป็นเด็กเพื่อที่จะออกมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยของขวัญที่เตรียมเอาไว้
แต่สิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อตอนนั้นพี่สองพาพี่พุดซ้อนขึ้นมาข้างบนแล้วทั้งคู่กำลังกอดจูบกันอย่างดูดดื่ม ฉันไม่กล้าออกมาในตอนนั้นจึงได้แต่เอามืออุดปากแล้วนั่งดูผ่านช่องประตูตู้ที่แง้มออกเล็กน้อย
ทั้งสองคนรีบถอดเสื้อผ้าแล้วเข้าไปเล้าโลมกันบนเตียง ขนาดอาวุธของพี่สองนั้นทำให้ฉันรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แต่แอบดูอยู่ในนั้นโดยไม่ส่งเสียง
เขาจับพี่พุดซ้อนนอนหงายลงไปที่เตียงแล้วคร่อมทับตัวลงไป จูบปากแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มและจูบไซ้ที่ซอกคอและหน้าอกของสาวใช้วัยสามสิบคนนั้นอย่างหื่นกระหาย เสียงดูดของเขาและเสียงครางสูดปากของพี่พุดซ้อนมันทำให้ฉันขนลุก
สักพักหนึ่งฉันก็ได้ยินเสียงประตูห้องที่เปิดออก ทั้งสองหันไปดูด้วยความตกใจ ฉันคิดว่าเรื่องราวจะสิ้นสุดในตอนนั้นแต่ก็ไม่ใช่
“คุณหนึ่งรีบมาร่วมสนุกกันสิคะ” เธอเชิญชวนพี่ชายคนโตของฉัน
‘พี่หนึ่ง’ ที่ปกติแล้วจะเป็นคนเงียบขรึมและเจ้าระเบียบ แทนที่เขาจะต่อว่าเธอและพี่สอง เขากลับถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นแล้วเข้าไปร่วมวงกับทั้งคู่ด้วย
ตอนนี้เธอกำลังคุกเข่าต่อหน้าพี่ชายของฉันทั้งสองคนแล้วใช้มือรูดหลังอาวุธของพวกเขาและใช้ปากของเธอดูดเลียสลับข้างไปมาอย่างชำนาญ
พี่หนึ่งดึงเธอลุกขึ้นมาหาตัวแล้วจูบปากแลกลิ้นอย่างดูดดื่มก่อนจะหันไปหาพี่สอง
“ฉันเอาก่อนนะ”
พี่สองพยักหน้าตอบตกลงพี่หนึ่งก็จัดการจับพี่พุดซ้อนนอนลงไปกับเตียงแล้ว ให้สะโพกเกยอยู่ที่ขอบเตียงแล้วเขาก็ยืนอยู่ที่พื้นข้างเตียงโน้มตัวลงไปจัดการเธอในท่ามาตรฐาน
พี่หนึ่งกระแทกสะโพกลงไปหาพี่พุดซ้อนจนเกิดเสียงเนื้อตีกันดังตับๆ ลั่นห้อง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มครางออกมาเสียงกระเส่า
“อื้ม ยังฟิตแน่นเหมือนเดิมนะ”
“อ๊า..คะ คุณหนึ่งก็เอาเก่งเหมือนเดิมนะคะ ซี้ด...”
พี่สองเดินไปอยู่ข้างเธอให้พี่พุดซ้อนใช้มือรูดแกนกายของเขา คงไม่กล้าเอามันเข้าไปในปากเพราะกลัวว่าแรงกระแทกของพี่หนึ่งจะทำให้ฟันนั้นโดนอาวุธของตัวเอง
พี่พุดซ้อนใช้มือรูดแท่งลำของพี่สอง ในขณะที่โดนพี่หนึ่งกระแทกตอกอัดเข้าไปถี่รัวจนตัวโยกไปกับเตียง
เตียงของพี่สองดังเอี๊ยดอ๊าดตามแรงกระทำของพี่หนึ่ง เอาแรงระดับหกริกเตอร์มันเป็นอย่างนี้เองสินะ
“อ๊า พี่เสียวเหลือเกินค่ะ อื้อ คุณหนึ่ง อ๊า...เสียว..” เธอครางออกมาเสียงดังลั่นในขณะที่มือก็ทำงานไปด้วย
“ซี้ด...เสียวหัวเหลือเกิน ฉันจะแตกแล้ว” พี่หนึ่งครางออกมาเสียงหลง
“พี่อย่าแตกในนะผมจะต่อ” พี่สองรีบบอกเสียงพร่าต่ำและสูดปากไปด้วยเมื่อโดนมือของพี่พุดซ้อนให้ความสุขกับตนอยู่ เขาขยำหน้าอกพี่พุดซ้อน หันไปจ้องแท่งลำของพี่หนึ่งที่ซอยเข้าไปในร่องสวาทอย่างต่อเนื่องและเต็มแรง
“ลุกมาอม” พี่หนึ่งพูดเสียงดัง ดึงพี่เธอขึ้นมานั่งแล้วเอาแกนกายของตนยัดเข้าไปในปากเธอ
เขาโยกเบาๆ แล้วร้องออกมาเสียงหลงขณะที่ปลดปล่อยมันเข้าไป และฉันเห็นว่าพี่พุดซ้อนดูดกินมันอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมทั้งเลียทำความสะอาดให้เขาด้วย
หลังจากนั้นพี่สองก็เข้าไปประกบต่อทันทีโดยจับให้เธอคุกเขาอยู่ที่ขอบเตียงยื่นสะโพกให้เขาในระดับที่พอดีกับแท่งลำ จับเธอกระแทกเข้าไป ซอยเบาๆ สักพักก็เร่งความเร็วขึ้นมาแล้วเตียงก็สั่นเกิดเสียงดังอีกรอบ
“อื้อ..ไม่ไหวแล้ว คุณๆ เอาเก่งเหลือเกิน ทำไมเอาเก่งกันขนาดนี้ เอาทีไรพี่ขาสั่นทุกที อ๊า...” พี่พุดซ้อนครางเหมือนกับว่าตัวเองทำกับพี่หนึ่งและพี่สองเป็นปกติ ทำให้ฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของพวกเขา
“ไม่ไหวแล้ว คุณสอง อ๊ะ อ๊า..” พี่สองก็ทำให้พุดซ้อนร้องครางเสียงหลงแล้วตัวอ่อนลงไป มันคงเป็นอาการที่เรียกว่าถึงจุดหมายอะไรทำนองนั้น
“โอ๊ยไม่ไหวแล้ว” พี่สองครางเสียงพร่าสั่น
“อย่าแตกข้างในนะฉันจะต่ออีกรอบอยู่” พี่หนึ่งร้องห้ามขณะที่ลูบอาวุธของตนให้ตื่นตัว
“อื้ม เสียว อ๊า ตอดดีชะมัด อื้มมม” พี่สองถอนแท่งร้อนออกมาพ่นใส่แผ่นหลังของพี่พุดซ้อนแล้วตบสะโพกเธออย่างมันเขี้ยว
พี่หนึ่งรีบเข้าประกบไว้ในท่าเดิมที่พี่พุดซ้อนยังคงคุกเข่าอยู่ แล้วใช้ปลายหัวหยักที่บานและดูใหญ่กว่าพี่สองทะลวงเข้าไป แล้วโยกเข้าออกอย่างเมามัน
เธอร้องครางด้วยความเสียวซ่าน มือทุบที่นอนและจิกผ้าปูเพื่อระบายความเสียว ในขณะที่พี่สองเหมือนจะพอแล้วและกำลังใส่เสื้อผ้าอยู่
เมื่อพี่หนึ่งเห็นอย่างนั้นเขาก็กระแทกต่อไปอย่างเต็มแรงเพื่อที่จะเร่งให้ตัวเองถึงจุดหมาย
“พุดซ้อนจะแตกแล้วคุณหนึ่ง อ๊า พี่จะแตกแล้ว ซี้ด”
“อ๊า ฉันจะแตกในนะ อ๊า...ซี้ด” พี่หนึ่งบอกแล้วครางเสียงกระเส่า
“ฮึก..อ๊า...” พี่พุดซ้อนครางออกมาเสียงดังลั่น
หลังจากนั้นฉันก็ได้ยินแต่เสียงของพี่หนึ่งที่กระแทกดังตับๆ และครางในลำคอของเขา แล้วในที่สุดพี่หนึ่งก็ถึงจุดหมายกดสะโพกแช่แท่งร้อนค้างเอาไว้แล้วปลดปล่อยเข้าไปข้างใน
เหตุการณ์ทั้งหมดกินเวลาเพียงแค่สิบห้านาทีเท่านั้น แต่สำหรับฉันมันช่างรู้สึกยาวนานเหลือเกิน
“วันนี้คุณหนึ่งคุณสองเสร็จไวจังเลยนะคะ ปกติแต่ละคนเอาทีพุดซ้อนขาสั่นจนเดินไม่ไหวแน่ะ”
“พวกฉันต้องเร่งตัวเองให้เสร็จไวๆ ต้องลงไปเป่าเค้กของเจ้าสองมัน” พี่หนึ่งพูดแล้วรีบใส่เสื้อผ้า
ทำให้ฉันรู้ว่าจริงๆ แล้วพวกเขาน่าจะอึดกว่านี้ แต่ครั้งนี้เป็นเพราะข้างล่างกำลังมีงานเลี้ยงวันเกิดของพี่สองอยู่ ทั้งสองคนจึงต้องรีบทำรีบเสร็จ
หลังจากทั้งสามคนก็ออกจากห้องไป ฉันจึงรีบออกมาจากที่ซ่อน
เหตุการณ์นั้นก็ผ่านมาสองปีแล้ว และวันเกิดของพี่สองหลังจากนั้นฉันก็ไม่เคยคิดที่จะเข้าไปแอบในตู้อีกเลย
**********************
ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น พอฉันเห็นพี่พุดซ้อนในสภาพที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อไคลและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าบางทีเธออาจจะขึ้นไปทำกิจกรรมอย่างว่ากับพี่ชายของฉัน
จริงๆ แล้วถ้าเลือกคนใดคนหนึ่งเธอก็คงไม่ต่างจากเมียของพี่ชายฉัน แต่ว่าเธอเลือกที่จะให้ความสุขกับทั้งสองคน นั่นก็เป็นการยืนยันว่าเธอไม่ได้ต้องการจะจับคนใดคนหนึ่ง แต่ว่าสิ่งที่เธอทำมันก็แค่เป็นความสนุกสนานเท่านั้น และฉันก็ไม่แปลกใจหรอกที่พี่พุดซ้อนจะมีทองใส่ในขณะที่พี่มะลินั้นไม่มี
หลังจากที่นั่งนึกถึงอดีตเมื่อสองปีที่แล้วเสร็จ ฉันก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปหาปู่กับย่าที่ห้องนั่งเล่น แล้วนั่งดูรายการโทรทัศน์กับทั้งสองคนเพื่อไม่ให้ท่านรู้สึกเหงา
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็นพี่มะลิก็เข้ามาเชิญให้พวกท่านไปทานอาหารที่ได้จัดเตรียมเอาไว้
บนโต๊ะอาหารพวกนั่งอยู่ด้วยกันสี่คนคือปู่กับย่า พี่สองแล้วก็ฉัน ส่วนพ่อกับแม่และพี่หนึ่งกำลังวิ่งวุ่นกับการดูแลร้านทองในสาขาต่างๆ กว่าจะกลับมาก็คงมืดค่ำ
บ้านของเราจึงไม่ได้รอทานอาหารพร้อมหน้ากัน เพราะปู่กับย่าก็อายุมากแล้วต้องทานอาหารให้ตรงตามเวลา ดังนั้นฉันกับพี่สองจึงต้องรับหน้าที่ทานอาหารเป็นเพื่อนท่านเพื่อให้ท่านเจริญอาหารและไม่รู้สึกเหงา
พี่สองและพี่พุดซ้อนมองสบตากันเป็นระยะ ดูเหมือนว่าทั้งสองคนในคืนนี้อาจจะมีนัดกันอีก ฉันจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้และไม่สนใจ ภาพในคืนนั้นมันติดตาฉันอยู่ตลอดจนบางทีฉันก็กลัวว่าตัวเองจะใจแตก
**********************
ฉันลงไปหาชงกาแฟดื่มดึกๆ แบบนี้ทุกคนคงเข้านอนแล้ว ฉันจึงต้องทำอะไรเบาๆ ไม่อยากส่งเสียงดังให้คนในบ้านต้องตื่น ขณะที่ฉันเดินผ่านห้องทำงานของพ่อกำลังจะไปที่ห้องครัวก็ได้ยินเสียงครางเล็ดลอดออกมาจากข้างใน
‘ให้ตายสิ อย่าบอกนะว่าพ่อฉันกับพี่พุดซ้อน’ ฉันนึกในใจด้วยความตื่นเต้น แล้วด้วยความอยากรู้อยากเห็น ฉันลงทุนเดินออกไปที่สวนข้างบ้านเพื่อที่จะไปแอบดูบทรักที่เกิดขึ้นผ่านทางหน้าต่างด้านนอก
คนที่อยู่ข้างในคือพี่หนึ่ง ฉันจึงโล่งอกที่พี่พุดซ้อนไม่ได้กินรวบผู้ชายบ้านหลังนี้ทุกคน
พี่หนึ่งกำลังยืนซอยร่องสวาทของพี่พุดซ้อนโดยที่วางเธอเอาไว้บนโต๊ะทำงานในท่านอนหงาย มือทั้งสองข้างของเขาขยำหน้าอกของเธออยู่แล้วกระแทกรัวๆ อย่างเมามัน
“อ๊า เสียว อื้อ คุณหนึ่ง อ๊า..”
“บวมขนาดนี้ไปฟาดกับสองมาแล้วสิ บอกแล้วใช่ไหมว่าวันคี่คือวันของฉัน” เขาพูดแล้วกระแทกลงไปหนักๆ ด้วยความโกรธจัด
“ก็คุณสองอ่านหนังสือเครียดๆ พี่ก็แค่อยากช่วย อื้อ อ๊า.”
“แบบนี้ฉันจะลงโทษอย่างหนัก อ๊ะ อ๊ะ อ๊า..” พี่หนึ่งบอกเสียงพร่าต่ำแล้วโถมแรงกระแทกเข้าไปถี่ๆ จนโต๊ะทำงานโยก
สักพักพี่หนึ่งก็ชะลอความเร็วลง เขาโน้มตัวลงไปดูดที่เต้าอวบอิ่มตรงหน้าแล้วดูดมันแรงจนเจ้าของเต้างามนั้นครางเสียงหลง
“ซี้ด อ๊า..คุณหนึ่ง อื้อ..ซี้ด..”
พี่หนึ่งสอดแขนเข้าไปใต้เข่าทั้งสองข้าง เธอรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังจะอุ้มเธอแล้วกอดคล้องคอพี่หนึ่งเอาไว้ รับการกระแทกของเขาจนตัวโยน
พี่หนึ่งเดินกระแทกวนไปมาที่หน้าโต๊ะทำงาน สะโพกของเธอลอยขึ้นไปแล้วทิ้งลงมาหาแท่งลำหัวบานของเขา แล้วทั้งสองก็ครางระงมใส่กันอย่างดุเดือด
ฉันยืนดูด้วยความตื่นเต้น ลีลาพี่หนึ่งไม่เบาเลยทีเดียว
เขาเดินกระแทกอย่างหนักหน่วงสะโพกของพี่พุดซ้อนลอยขึ้นลงถี่ๆ แล้วเดินไปนั่งที่โซฟา ตอนนี้จึงกลายเป็นว่าพี่พุดซ้อนนั่งอยู่บนตักเขา แล้วเธอก็เป็นฝ่ายออกแรงขย่มเขาแล้วครางสูดปากด้วยความสุขสม
“หัวคุณหนึ่งบานมากค่ะ อ๊า มันเกี่ยวถูกติ่งของพี่ อา เสียวจนจะแตกแล้ว” เธอครางแล้วสูดปากอย่างพอใจ
“อ๊า...เยี่ยมมาก ขย่มลงมาหนักๆ” พี่หนึ่งบอกเธอแล้วจับสะโพกของเธอให้ทิ้งน้ำหนักลงมาที่สะโพกของเขา
เธอขย่มอย่างเต็มแรงแล้วตัวอ่อนลงไปบนตักของเขา แล้วพี่หนึ่งก็จับเธอนั่งคุกเข่าซบหน้าลงกับพนักพิงโซฟา แล้วประกบเธอจากด้านหลัง กระแทกเข้าไปอย่างดุดัน
“อ๊า...ทีหลังอย่าเอาวันของฉันไปให้ใครอีก อื้ม...” เขาพูดเสียงต่ำแล้วครางอย่างออกรส พร้อมทั้งตอกอัดเข้าไปอย่างรุนแรงจนพี่พุดซ้อนแทบจะทรุดตัวลงไปกับโซฟา
แล้วพี่หนึ่งก็แช่แท่งลำของเขากดค้างเอาไว้เหมือนจะถึงจุดหมายไปแล้ว ในขณะที่พี่พุดซ้อนนั้นขาสั่นแล้วล้มตัวลงนอนไปกับโซฟาด้วยความอ่อนเพลีย
ฉันรีบออกไปจากตรงนั้นแล้วกลับเข้าไปในบ้าน คิดว่าตัวเองนั้นตื่นเต้นจนนอนไม่หลับแล้วในตอนนี้ กาแฟคงไม่จำเป็นอีกต่อไป
**********************
ฉันไปเรียนกลับมาในตอนเย็นก็ทำหน้าที่หลานที่ดี ปู่กับย่ารักฉันมากเพราะฉันเป็นหลานสาวคนเดียวของพวกท่าน และถูกเลี้ยงมาโดยท่านทั้งสองเป็นส่วนใหญ่
“วันนี้ปู่กับย่าจะดูหนังดึกหน่อย สามเข้านอนก่อนได้นะลูก” ย่าบอกฉันด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“พรุ่งนี้วันเสาร์สามไม่มีเรียนค่ะ สามอยู่ดูหนังด้วยดีกว่า” ฉันบอกพวกท่านอย่างเอาใจ
คืนวันศุกร์เป็นคืนดูหนังของปู่กับย่า พวกท่านมักจะนั่งดูหนังเก่าๆ ที่นำมาฉายในคืนวันศุกร์แบบนี้เสมอ แต่งานนี้พี่สองไม่ได้มาลงมาดูด้วย เพราะเขาไม่ชอบหนังไทยสมัยก่อนแต่สำหรับฉันนั้นก็ถือว่ามันสนุกดี
พ่อกับแม่ฉันกลับมาถึงตอนสองทุ่ม พวกท่านเข้ามาแวะทักทายปู่กับย่าก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวพักผ่อน แล้วสักพักพี่หนึ่งก็กลับมาถึงแล้วเข้ามานั่งดูหนังด้วยกันโดยที่ไม่ได้ขึ้นไปอาบน้ำก่อน
“นึกว่าจะมาดูไม่ทันแล้ว วันนี้เรื่องดอกรักรัญจวนที่เอากลับมาฉายซ้ำใช่ไหมครับ” พี่หนึ่งพูดเอาใจปู่กับย่า
“ใช่แล้ว เรื่องนี้ที่ย่าเขาชอบ” ปู่บอกแล้วกุมมือของย่าเอาไว้
“ในเรื่องพี่กับน้องชอบผู้หญิงคนเดียวกัน แย่งกันทั้งเรื่อง คบกับคนพี่แล้วมาคบกับคนน้อง สุดท้ายก็โดนสองพี่น้องทิ้งไปหาคนอื่น สมน้ำหน้านัก” คุณย่าพูดอย่างหมั่นไส้ จนอดคิดไม่ได้ว่าตอนนี้พี่พุดซ้อนก็ไม่ต่างจากตัวละครในเรื่อง แต่กลับกันตรงที่ว่าไม่มีใครแย่งเธอ แต่ผลัดกันชื่นชมอย่างเต็มใจต่างหาก
พอหนังจบพี่หนึ่งกับฉันก็ขึ้นไปส่งปู่กับย่าเข้านอน แล้วฉันก็มองหน้าพี่ชายคนโตที่ตอนนี้มองมาที่ฉันด้วยแววตาดุ
“ลุงเปล่งเห็นสามเดินมากับผู้ชาย แล้วจับมือถือแขนกันด้วย” เขาถามฉันขณะที่เดินไปส่งฉันที่ห้อง
“ลุงเปล่งฟ้องพี่หนึ่งเหรอคะ” ฉันถามแล้วถอนหายใจที่ขยับตัวทำอะไรทุกคนในบ้านก็รู้หมด
“พ่อกับแม่ให้ลุงเปล่งรายงานตามหน้าที่อยู่แล้ว” เขาบอกแล้วหยุดคุยกันที่หน้าห้องของฉัน
“ก็แค่เพื่อนค่ะ ทุกวันนี้เพื่อนกันจับมือกันก็เป็นเรื่องธรรมดา” ฉันบอกเขาเสียงอ่อย
“อืม ระวังตัวหน่อยนะ อย่าปล่อยให้เพื่อนผู้ชายมาแตะเนื้อต้องตัว สามเป็นลูกผู้หญิงคนเดียวในบ้านพ่อกับแม่เป็นห่วงมากนะ” เขาสอนฉันให้รักนวลสงวนตัวทางอ้อม
“ค่ะสามรู้แล้ว... พี่หนึ่งกับพี่สองเป็นลูกชายของครอบครัว จะทำอะไรก็คิดถึงหน้าพ่อแม่กับปู่ย่าด้วยนะคะ” ฉันเองก็อดเตือนเขาไม่ได้
พี่หนึ่งมองฉันด้วยสายตาที่ค้นหาและพยายามจะให้ฉันอธิบายความนัยที่ฉันพูด
“สามจะบอกว่าอะไร”
“เรื่องพี่พุดซ้อน..” ฉันพูดเท่านั้น พี่หนึ่งจึงลดท่าทีจริงจังของเขาลง
“พี่ไม่ได้จริงจังหรอก ก็แค่เล่นๆ”
“ระวังพุดซ้อนซ้อนแผนปล่อยให้ท้องแล้วถามหาความรับผิดชอบนะคะ ทีนี้เรื่องใหญ่แน่” ฉันบอกเขาเพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันกังวลลึกๆ ในใจ
พี่หนึ่งนิ่งไปแล้วถอนหายใจออกมา
“อืม พี่กับสองจะระวังตัวให้มากกว่านี้ก็แล้วกัน” เขารับปากฉัน แต่ไม่ได้ถามว่าฉันรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
**********************
ช่วงนี้เหมือนว่าพี่ชายทั้งสองคนของฉันจะดูห่างๆ กับพี่พุดซ้อนไป แต่คงไม่ใช่เพราะคำเตือนของฉันหรอก แต่เพราะพี่หนึ่งกำลังเริ่มคุยกับลูกสาวเจ้าของร้านอาหารไทยชื่อดังที่พ่อกับแม่แนะนำให้ ส่วนพี่สองเองก็เหมือนกับว่ากำลังมีผู้หญิงคนอื่นเข้ามาในชีวิตเขาเหมือนกัน
พี่พุดซ้อนจึงดูซึมลงไปในช่วงนี้เมื่อรู้ตัวว่าตกกระป๋องแล้ว และเธอเองเหมือนจะได้ที่ระบายอารมณ์ใหม่ แต่โชคดีที่ไม่ใช่คนในบ้านฉัน แต่เป็นลุงเปล่งคนขับรถที่ตอนกลางวันพวกหน้าที่คนสวน และฉันก็ต้องมาเห็นภาพนั้นด้วยตาตัวเองอีกแล้ว
‘ทำไมเราต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ตลอดด้วย’ ฉันนึกในใจด้วยความหงุดหงิด แต่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
วันหยุดของครอบครัวแบบนี้ ฉันกลับมีรายงานกองท่วมหัว จึงจะออกไปข้างนอกเพื่อซื้อของ จึงเดินตามหามะลิเพื่อที่จะให้เธอไปบอกลุงเปล่งให้เตรียมตัว แต่เดินหาทั่วบ้านแล้วก็ไม่เจอ
“นังมะลิมันไม่สบายค่ะคุณสาม นอนอยู่ในห้อง เดี๋ยวเรียกนังพุดซ้อนไปแทนก็ได้” ป้านอมบอกฉัน
“งั้นสามไปดูพี่มะลิก่อนนะคะ” ฉันบอกป้านอมในขณะที่เธอกำลังเตรียมของในครัวคนเดียว
ฉันเดินไปที่ห้องพักของคนรับใช้ที่อยู่บ้านหลังเล็กที่แยกออกไป ในตอนนั้นฉันได้ยินเสียงที่คุ้นเคยครางออกมาจากห้องหนึ่ง จึงแอบส่องดูที่หน้าต่าง
ภาพที่เห็นคือพี่พุดซ้อนกำลังขย่มอยู่บนตัวลุงเปล่งอย่างเมามัน ใส่อารมณ์ขย่มระบายความปรารถนาออกไปอย่างเร่าร้อนสลับกับควงสะโพกวนอย่างช่ำชอง
สักพักลุงเปล่งก็พลิกกลับมาอยู่ด้านบนแล้วจับท่อนเอ็นของเขายัดเข้าไปในกลีบร่องของพี่พุดซ้อน เขากระแทกจนเตียงโยกเกิดเสียงดัง
เธอครางออกมาแล้วโดนเขาโน้มตัวลงไปจูบปิดปากขณะที่สะโพกก็โถมเข้าหาอย่างไม่ออมแรง
“อ๊า เสียว อื้อ” เธอครางบอกเขาเสียงกระเส่า หลังจากที่ลุงเปล่งผละจูบออกแล้วซบหน้าลงที่ไหล่เธอ
เขาเร่งสะโพกเข้าไปอย่างถี่ยิบและดุดัน แล้วทั้งคู่ก็ครางออกมาเสียงดัง จูบบดปากแลกลิ้นกันอีกหน
ลุงเปล่งดันตัวพี่พุดซ้อนไปยืนค้ำที่โต๊ะเครื่องแป้งที่มีกระจก พาเธอยืนค้ำที่นั่นแล้วสอดใส่เข้าไปจากด้านหลัง ทั้งสองจ้องดูเงาสะท้อนในกระจกที่มีภาพการร่วมรักของตนแล้วต่างฝ่ายต่างยิ้มออกมาอย่างชอบใจ
“ลุงเล็งพุดซ้อนมาตั้งนานแล้ว ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะลีลาเด็ด มะลิยังเทียบไม่ได้”
“อ๊า...ถ้ารู้ว่าลุงเปล่งเอาเก่งขนาดนี้ ฉันคงไม่ปล่อยให้นังมะลิมีความสุขคนเดียวหรอก”
หลังจากที่ฉันได้ยินบทสนทนานั่นก็ใจหายมาก นี่บ้านของฉันกลายเป็นฮาเร็มให้สองพี่น้องนี้เสพสมกับผู้ชายในบ้านมาโดยตลอดเลยเหรอ
ลุงเปล่งกดหลังเธอให้ลงไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ยื่นสะโพกโก้งโค้งให้เขาแล้วจัดการซอยอาวุธเข้าไปงัดทะลวงโพรงสวาทของเธอด้วยความกระหาย
พี่พุดซ้อนสูดปากเร่าๆ เสียงครางและเสียงเนื้อตีกับดังประสานกันจนฉันกางเกงชั้นในเปียกแฉะไปหมด มองแท่งลำของลุงเปล่งที่ผลุบเข้าออกแล้วเกิดอารมณ์ร่วมเป็นอย่างมาก
ตอนที่เห็นพี่ชายของตัวเองยังไม่เคยเกิดความรู้สึกอย่างนี้ แต่กับแท่งลำของคนอื่นมันกลับทำให้ฉันเสียววูบที่ท้องน้อยได้เป็นอย่างดี
“อื้อ เสร็จแล้ว อ๊า...” พี่พุดซ้อนครางเสียงหลง
ลุงเปล่งดันตัวเธอให้นั่งคุกเข่ากับพื้น เอาอาวุธของตนให้เธอดูดเลีย
พี่พุดซ้อนรูดโคนแท่งลำนั้นแล้วดูดอมส่วนหัวหยักของเขาไปด้วย แล้วลุงเปล่งก็ครางเสียงหลง พ่นกระตุกน้ำรักเข้าไปในปากของเธอ แล้วโยกสะโพกเข้าออกเบาๆ เพื่อรีดน้ำให้ออกหมดทุกหยด
พอพวกเขาเสร็จกิจ ฉันถอยออกไปจากตรงที่ยืน เปลี่ยนใจไม่ไปดูพี่มะลิแล้ว เพราะกางเกงแฉะไปหมด
แต่เดินออกไปยังไม่ไกลนักก็ได้ยินเสียงพี่มะลิกรีดร้องขึ้นมา ฉันจึงจะหันกลับไปดู ตอนนั้นเองป้านอมก็วิ่งออกมาจากครัวด้วย
“มีเรื่องอะไรคะคุณสาม”
“ไม่รู้ค่ะ สามกำลังจะไปดู”
ฉันเดินกลับไปที่เรือนพักนั้นอีกรอบ ในตอนนี้เห็นพี่มะลิกำลังเข้าไปตบตีกับพี่สาวของตัวเองอยู่
ป้านอมเอามือทาบอกด้วยความตกใจกับภาพเปลือยเปล่าของพี่พุดซ้อนกับลุงเปล่งเป็นอย่างมาก
“พี่แย่งผัวฉันได้ยังไง” พี่มะลิด่าทอพี่พุดซ้อน
“แย่งผัวแกที่ไหน ลุงเปล่งมีเมียอยู่แล้ว” พี่พุดซ้อนบอกแล้วตบตีกับน้องสาวไม่ห่วงว่าตัวเองเปลือยอยู่
“พอทั้งสองคน รีบใส่เสื้อผ้าแล้วตามไปที่ห้องโถง เรื่องนี้คุณท่านต้องตัดสิน เอาไว้ไม่ได้แล้ว” ป้านอมร้องขึ้นมา
สองพี่น้องกับลุงเปล่งจึงสงบลงเมื่อมองเห็นฉันที่ยืนอยู่หลังป้านอม
**********************
เมื่อทุกคนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก ปู่กับย่าและพ่อกับแม่ของฉัน พวกท่านโมโหสุดขีดเพราะลุงเปล่งเป็นคนขับรถที่วางใจให้ไปรับส่งฉันโดยมีพี่มะลิไปด้วยตลอดก็จริง แต่เมื่อทั้งสองมีความสัมพันธ์กัน ก็ไม่สามารถไว้ใจได้อีก
ดังนั้นคนแรกที่ระเห็จออกไปจากบ้านหลังนี้คือลุงเปล่ง เพราะท่านคิดว่าถ้าเขาทำเรื่องอย่างนี้ได้ หน้าที่คนขับรถของเขาก็ไม่ปลอดภัยสำหรับฉันแล้ว
ลุงเปล่งจึงจำใจต้องออกไปเหลือแค่สองพี่น้องที่ตอนนี้กำลังนั่งฟังคำตัดสินของพวกท่านอยู่
ส่วนพี่ชายทั้งสองคนของฉันก็รู้สึกโกรธมากที่เมียบำเรอของพวกเขานอนกับคนอื่น
“อย่าไล่พวกเราออกเลยนะคะ” พี่พุดซ้อนยกมือไหว้ไม่อยากไปจากบ้านหลังนี้ที่แสนสะดวกสบาย
“คงไม่ได้หรอก เพราะพวกเธอสองพี่น้องสร้างความวุ่นวายในบ้าน” ปู่กับย่าของฉันไม่ยอมใจอ่อนกับเรื่องแบบนี้
“คุณหนึ่ง คุณสอง ช่วยพุดซ้อนด้วย” เธอหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายของฉัน
“เธอทำตัวเองนะ ออกไปเถอะ” พี่หนึ่งบอกกลัวว่าพุดซ้อนจะพูดความลับของตนขึ้นมา
“คุณท่าน อย่าไล่มะลิไปเลยนะคะ” พี่มะลิเองก็หันไปขอความช่วยเหลือจากพ่อและปู่ของฉัน
“ออกไปเถอะ เราให้พวกอยู่ต่อไม่ได้จริงๆ” ย่าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังกับทั้งสองคนมาก
“แต่อย่างน้อยพุดซ้อนก็เป็นเมียคุณหนึ่งคุณสองนะคะ” เธอพูดออกมาเมื่อเห็นว่าหมดหนทางแล้ว
“เรื่องนั้นฉันรู้มานานแล้ว หลานฉันทำไมฉันจะดูไม่ออก เล่นหูเล่นตา ขึ้นไปทำความสะอาดในตอนที่ตาสองกลับมา ยามดึกก็ออกมาหาตาหนึ่ง คิดว่าฉันโง่เหรอ” ปู่พูดเสียงเรียบ
พี่หนึ่งกับพี่สองมองหน้ากันแล้วต่างคนต่างไม่พูดอะไร
“ทองที่ใส่อยู่ก็ได้ไปแล้ว เงินทองที่หลานฉันหยิบยื่นให้ก็เยอะอยู่ อย่ามาเรียกร้องอะไร หล่อนมันก็ไม่ต่างจากผู้หญิงขายตัว” ย่าพูดออกมาแล้วมองด้วยสายตาที่ทำให้สองพี่น้องนั้นเลิ่กลั่ก
“ออกไปจากบ้านหลังนี้ และถ้ามีของหายไปแม้แต่ชิ้นเดียว ฉันจะแจ้งความจับพวกเธอ” พ่อของฉันพูดขึ้นมาบ้าง
แล้วพี่พุดซ้อนกับพี่มะลิก็รีบคลานออกไป หลังจากถูกไล่ออกเพราะความผิดที่ทะเลาะกันแย่งลุงเปล่งและลามมาถึงเรื่องที่นอนกับพี่หนึ่งพี่สอง
พี่ชายของฉันคลานลงมากราบเท้าปู่กับย่าและพ่อกับแม่ เรื่องที่ได้ทำลงไป พวกท่านได้แต่ถอนหายใจแล้วให้อภัยทั้งคู่
“ประกาศหาคนรับใช้ใหม่ก็แล้วกัน เอาแบบเป็นผัวเมียกันมาเลย จะได้ไม่เป็นปัญหาว่าจะขึ้นมานอนกับใครในบ้านอีก” ย่าของฉันบอกแล้วเรียกฉันไปนั่งข้างๆ กอดฉันเอาไว้
“จำไว้นะสาม เกิดเป็นผู้หญิงอย่าทำตัวตกต่ำไร้ค่าแบบนี้โดยเฉพาะกับคนในปกครองของตัวเอง” ท่านสอนฉันไม่ให้เอาอย่างสองพี่น้องนั่น รวมถึงเหน็บพี่ชายทั้งสองของฉันเบาๆ
“ค่ะคุณย่า” ฉันรับปากท่านแล้วสวมกอดเอาไว้หลวมๆ
ในขณะที่พ่อกับแม่เรียกพี่หนึ่งกับพี่สองไปอบรมในห้องทำงานเป็นการส่วนตัว
ปิดฉากเรื่องวุ่นวายของสาวใช้จอมขย่มเสียที
---จบ---