“วินนี่ต้องเสียใจมากแน่ๆ ถ้ารู้ว่าตรัยจะแต่งงานกับยัยแพร” ศรีนภาพูดอย่างไม่พอใจเมื่ออยู่กันตามลำพังกับหลานชาย เธอหมายมั่นปั้นมือไว้นานแล้วว่าจะให้กวินตราหลานสาวสุดที่รักแต่งงานกับตรัยคุณเพราะหวังสมบัติอันมากมายมหาศาลของเขา เธอไม่มีวันปล่อยให้แพรรัมภามาชุบมือเปิดไปง่ายๆ แน่
“ผมจะแต่งงานกับใครก็ไม่เกี่ยวกับวินนี่” ตรัยคุณรู้อยู่แล้วว่าอาสะใภ้คิดจะจับคู่เขากับกวินตรา ซึ่งเขาพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดเพราะไม่ได้คิดอะไรกับกวินตรามากไปกว่าคำว่า ‘น้องสาว’
“ตรัยทนอยู่กับลูกสาวของคนที่ทำให้แม่ตรัยต้องเสียใจจนตายได้เหรอ”
“ผมทนอยู่กับแพรไม่นานหรอก แล้วก็อย่าหวังว่าผมจะยกย่องให้เป็นเมียออกหน้าออกตา อย่างดีก็เป็นได้แค่เครื่องผลิตลูกเท่านั้น ได้ลูกชายตามเงื่อนไขพินัยกรรมเมื่อไหร่ผมก็จะหย่าทันที” ชายหนุ่มแค่นยิ้มเยือกเย็น สีหน้าและแววตาร้ายลึกจนน่ากลัว
“ตรัยพูดเหมือนจะเก็บลูกไว้เลี้ยงเอง” ศรีนภาเอะใจ
“ใช่ครับ”
“ตรัย!” อาสะใภ้อุทานเสียงดังอย่างไม่เห็นด้วย
“ผมไม่รู้ว่าคุณพ่อต้องการอะไรถึงทำพินัยกรรมแบบนี้ แต่ในเมื่อเด็กที่จะเกิดมาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกผม ผมก็ต้องเก็บไว้”
“เลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย” ศรีนภาพยายามหาเหตุผลมางัดง้าง
“เรื่องนี้ป้าแสงช่วยผมได้” เขาหมายถึงพี่เลี้ยงสูงวัยที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เกิดและยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงปัจจุบัน
“พูดแบบนี้ไม่ใช่นิสัยตรัยเลย”
“แล้วนิสัยผมเป็นยังไงเหรอครับ” ตรัยคุณย้อนถามด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน เขาไม่คิดว่าจะมีใครรู้จักเขาดีเท่ากับตัวเขาเอง
“ตรัยที่อาเคยรู้จักไม่มีวันยอมรับเงื่อนไขพินัยกรรมง่ายๆ อย่างนี้แน่ ตรัยต้องทำทุกทางเพื่อให้ได้รับมรดก โดยไม่ต้องฝืนใจทำอะไรที่ไม่อยากทำ ผู้ชายรักอิสระอย่างตรัย ไม่มีวันเอาตัวเองไปผูกมัดกับผู้หญิงคนไหนด้วยการแต่งงานเด็ดขาด”
ตรัยคุณอึ้งที่ศรีนภามองเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่แล้วก็ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ผมยอมก็เพราะอยากได้มรดกเร็วๆ ขี้เกียจไปฟ้องให้เสียเวลา แล้วผมก็อยากเอาชนะเด็กนั่นด้วย ทำเป็นเล่นตัว คิดว่าผมอยากแต่งงานด้วยมากนักหรือไง” ตอบศรีนภาออกไปแล้วก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่า ที่พูดคือความรู้สึกที่แท้จริง หรือเป็นเพียงข้ออ้างที่ทำให้ไม่รู้สึกผิดต่อมารดาผู้ล่วงลับ
แพรรัมภานั่งหน้าเศร้าอยู่ในห้องนอน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มมีน้ำตาเอ่อคลออยู่เต็มเบ้าจนเกือบจะล้นออกมาอยู่รอมร่อ ข้างกายมีแสงแข พี่เลี้ยงวัยห้าสิบปีผู้ควบตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้านนั่งปลอบใจอยู่ไม่ห่าง
“ในเมื่อคุณตรัยยอมแต่งงานกับคุณแพรแล้ว ทำไมคุณแพรยังจะปฏิเสธอีก คุณแพรก็รู้ว่าทำแบบนี้คุณตรัยจะโกรธมาก”
“แพรรู้ค่ะ” เธอรู้ดีกว่าใครว่าตรัยคุณมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองมากขนาดไหน และเธอก็คือคนเดียวที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายๆ ของเขามาตลอด คนอย่างเขา อยากได้อะไรต้องได้ แม้แต่เจ้าสัวธนายังต้องยอมทูนหัวทูนเกล้าให้ทุกอย่าง
“รู้แล้วทำไมยังดื้อดึงอยู่อีกละคะ”
“ป้าแสงก็รู้ว่าพี่ตรัยเกลียดแพรมาก หน้าแพรพี่ตรัยยังไม่อยากมองเลย แล้วจะให้แต่งงานกันได้ยังไงคะ” หญิงสาวนึกไม่ออกว่าเธอจะทนอยู่ในฐานะภรรยาชั่วคราวของคนที่จงเกลียดจงชังเธอมากขนาดนั้นได้ยังไง
“แต่ถ้าคุณแพรไม่ยอมแต่งงานด้วย คุณตรัยก็จะต้องกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวนะคะ” แสงแขพูดหน้าเศร้า “ถ้าไม่มีสมบัติของเจ้าสัว คุณตรัยจะอยู่ยังไง คุณแพรทนเห็นคุณตรัยตกระกำลำบากได้เหรอคะ”
“พี่ตรัยเป็นผู้ใหญ่แล้วนะคะป้าแสง เค้าต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเองค่ะ ถ้าเอาแต่ใช้สมบัติเก่า ไม่ทำงานหาเงินเพิ่ม สักวันสมบัติเก่าก็ต้องหมด บริษัทที่คุณลุงธนาสร้างมาก็ต้องเจ๊ง ถึงตอนนั้นพี่ตรัยก็ต้องลำบากอยู่ดีค่ะ” แม้จะทำใจแข็งพูดไปอย่างนั้น แต่ในใจก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้เหมือนกัน
“ถ้าดูจากอายุก็ใช่ค่ะ แต่ดูจากนิสัย คุณแพรก็เห็นว่าคุณตรัยยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะรับผิดชอบบริษัท”
“เพราะอย่างนี้ไงคะ พี่ตรัยถึงต้องเริ่มเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่วันนี้ อย่างน้อยให้เค้ารับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ก็ยังดี”
“ถ้าอย่างนั้นคุณแพรก็ต้องใช้ความรักของคุณแพรเปลี่ยนคุณตรัยให้เป็นคนใหม่ให้ได้ค่ะ ป้ารู้ว่าคุณแพรรักคุณตรัยมาก คุณแพรอย่าทิ้งคุณตรัยคะ ทำให้คุณตรัยเป็นคนใหม่ให้ได้นะคะ”
“ป้าแสงรู้ด้วยเหรอคะว่าแพร...แพร...” หญิงสาวอึกอัก ไม่กล้าพูดคำว่ารัก “...คิดยังไงกับพี่ตรัย”
“ป้าเลี้ยงคุณแพรมาตั้งแต่วันแรกที่คุณแพรเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ตอนนั้นคุณแพรเพิ่งจะเจ็ดขวบเอง คุณแพรคิดอะไรทำไมป้าจะดูไม่ออก เจ้าสัวท่านก็คงจะทราบเหมือนกันถึงได้ทำพินัยกรรมไว้แบบนี้ ป้าแน่ใจว่าท่านต้องอยากให้คุณแพรดูแลคุณตรัยแทนท่าน”
“ทำไมต้องเป็นแพรด้วยคะ”
“คุณแพรก็ดูผู้หญิงรอบตัวคุณตรัยสิคะ มีแต่คิดจะกอบโกยจากคุณตรัยทั้งนั้น โดยเฉพาะคุณวินนี่ ขืนแต่งงานกับผู้หญิงพวกนั้น ไม่เกินสามปีคุณตรัยต้องหมดตัวแน่”
“พี่ตรัยมีเงินเป็นหมื่นล้าน ไม่หมดเร็วขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“เอาแต่ใช้ ไม่คิดทำอะไรให้มันงอกเงยขึ้นมายังไงก็หมดค่ะ” แสงแขบอกอย่างหนักใจระคนเป็นห่วงชายหนุ่มที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่แรกคลอด
“เอาเป็นว่า เรื่องนี้แพรช่วยพี่ตรัยไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
“คุณแพรอย่าใจร้ายกับคุณตรัยอย่างนั้นสิคะ มีคุณแพรคนเดียวเท่านั้นนะคะที่จะช่วยคุณตรัยได้” ผู้สูงวัยกว่าบีบมือวิงวอน
“อย่าฝากความหวังไว้ที่แพรเลยค่ะ แพรทำไม่ได้หรอก”
“คุณแพรต้องทำได้ค่ะ”
“ไม่ค่ะ แพรทำไม่ได้” แพรรัมภาไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยสักนิด เขาแสดงออกชัดเจนมาตลอดว่าเกลียดเธอเข้าไส้ เธอคงไม่มีอิทธิพลมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงนิสัยของเขาให้ดีขึ้นกว่านี้ได้
“ป้าเชื่อว่าความรักของคุณแพรจะเปลี่ยนคุณตรัยให้เป็นคนใหม่ได้” แสงแขบีบมือให้กำลังใจเจ้านายสาว”
“คนไม่มีหัวใจอย่างพี่ตรัยไม่มีทางรับรู้ถึงความหวังดีของใครหรอกค่ะ ทำไปก็เปล่าประโยชน์”
“ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้ ยังไงก็ลองทำดูก่อนนะคะ”
“อย่าเสียเวลาดีกว่าค่ะ”
“หมายความว่าคุณแพรจะไม่ยอมแต่งงานกับคุณตรัยจริงๆ เหรอคะ”
“ไม่ค่ะ” แพรรัมภาปฏิเสธอย่างหนักแน่น ทำให้แสงแขลอบถอนหายใจอย่างผิดหวัง อุตส่าห์เกลี้ยกล่อมตั้งนานแต่ก็ไม่เป็นผล
ทันทีที่แสงแขเดินออกมาจากห้องของแพรรัมภา ตรัยคุณที่ซุ่มรออยู่ที่มุมหนึ่งก็รีบปราดเข้าไปถาม
“เด็กนั่นยอมแต่งงานกับผมหรือยัง”
แสงแขค้อนขวับก่อนตอบ “คำก็เด็กสองคำก็เด็ก คุณตรัยไม่เคยมองคุณแพรให้ชัดเต็มสองตาเลยเหรอคะถึงได้ไม่เห็นว่าตอนนี้เธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว แล้วก็สวยมากด้วย”
“ยังไงก็เด็กกว่าผมตั้งหกปีละน่า”
“เถียงข้างๆ คูๆ นะคะ”
“เอาน่า” เขาตัดบท “ตกลงคุณหนูแพรของป้ายอมแต่งงานกับผมหรือยัง”
“ยังไม่ยอมค่ะ” แสงแขตอบแล้วถอนหายใจพรืด
“จะดื้อไปถึงไหน!” ตรัยคุณหงุดหงิด
“ถ้าอยากให้คุณแพรแต่งงานด้วย คุณตรัยก็ไปพูดกับเธอดีๆ สิคะ ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยแพ้คำหวานของผู้ชายทั้งนั้น”
“ให้ผมไปคุกเข่าขอเค้าแต่งงานเลยมั้ย” ชายหนุ่มถามประชด
“ถ้าทำแบบนั้นได้จริง คุณแพรต้องยอมแต่งงานกับคุณตรัยแน่นอนค่ะ” แสงแขประชดกลับไปบ้าง
“ไม่มีทาง!” ตรัยคุณประกาศเสียงแข็ง “คนอย่างผมไม่มีวันคุกเข่าให้ใคร โดยเฉพาะยัยเด็กดื้อนั่น”
“ถ้างั้นคุณตรัยก็หาทางทำให้คุณแพรยอมแต่งงานด้วยเอาเองนะคะ ป้าไม่รู้จะช่วยพูดให้ยังไงแล้ว” แสงแขพูดจบก็เดินหนีไปเลย
ตรัยคุณหัวเสียมากที่แพรรัมภายังคงดื้อดึง ถ้าไม้อ่อนไม่ได้ผล เห็นทีต้องใช้ไม้แข็ง!
ตรัยคุณบุกเข้ามาในห้องนอนของแพรรัมภาแล้วกวาด ตามองหาเจ้าของห้อง เมื่อเห็นว่าเธอกำลังนั่งแต่งหน้ากลบรอยน้ำตาอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งก็รีบก้าวยาวๆ เข้าไปหาทันที
“ยัยเด็กดื้อ” ตรัยคุณกระชากเสียงดุใส่พร้อมกับฉุดแขนคนที่นั่งอยู่ให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากัน
“พี่ตรัยเข้ามาได้ยังไงคะ” เจ้าของห้องตกใจหน้าถอดสี
“เดินเข้ามา” เขาตอบกวนประสาท
“เข้ามาทำไมคะ”
“มาคุยเรื่องแต่งงาน”
“งั้นไปคุยกันข้างนอก เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี” หญิงสาวบอกอย่างระวังตัวแล้วทำท่าจะเดินนำออกจากห้องแต่ถูกเขากระชากต้นแขนกลับมา
“ใครจะเห็นก็ช่าง ในเมื่อเรากำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว อีกหน่อยก็ต้องอยู่ห้องเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน แล้วก็เป็นคนคนเดียวกัน” ประโยคสุดท้ายนั้น ตรัยคุณโน้มใบหน้าลงไปกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของแพรรัมภาอย่างจงใจยั่วเย้า ส่งผลให้แก้มทั้งสองข้างของหญิงสาวร้อนผ่าวและแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด
“แพรพูดไปชัดเจนแล้วนะคะว่าไม่แต่ง” หญิงสาวบอกพลางสะบัดแขนออกจากมือของชายหนุ่มแล้วถอยหนีจนหลังชนผนังห้อง
“ต้องแต่ง” ตรัยคุณออกคำสั่งแข็งกร้าวแล้วรวบร่างบางมากอดไว้พลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอย่างท้าทาย
“ปล่อยแพรนะคะ” แพรรัมภาพยายามดิ้นออกจากวงแขนแข็งแรงของตรัยคุณ โดยหารู้ไม่ว่ายิ่งดิ้น ทรวงอกอวบก็ยิ่งเสียดสีกับแผงอกแกร่ง
“อย่าคิดว่าจะหนีฉันพ้น” ตรัยคุณกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นกว่าเดิมจนร่างบอบบางแนบชิดกับแผงอกของเขาอย่างแนบแน่น
ความนุ่มหยุ่นที่บดเบียดอยู่บริเวณหน้าอกกระตุ้นให้เขาหลุบตาลงต่ำเพื่อมองจุดเกิดเหตุ จึงได้เห็นว่าแพรรัมภาไม่ใช่ ‘เด็ก’ อย่างที่เขาเรียกติดปากมาตลอดอีกต่อไปแล้ว ยืนยันได้จากเนินอกขาวสล้างที่ถูกเบียดจนดันตัวขึ้นมาอยู่เหนือเสื้อคอกว้างนั่น
“ถ้าพี่ตรัยจะบังคับให้แพรแต่งงานด้วยเพราะอยากได้มรดกก็ไม่จำเป็นหรอกค่ะ แพรจะเซ็นรับมรดกมาก่อน แล้วจะโอนทุกอย่างคืนให้พี่ตรัยทีหลัง แค่นี้พี่ตรัยก็จะได้มดรก โดยไม่ต้องแต่งงานกับคนที่พี่ตรัยเกลียดอย่างแพรแล้ว” หญิงสาวบอกเสียงหม่นระคนน้อยใจ เพราะรู้ตัวว่าไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลย
“ถ้าเธอเซ็นรับแล้วชิ่งหนีไป ใครจะรับผิดชอบ”
“แพรไม่โกงหรอกค่ะ”
“ฉันไม่เชื่อ” ตรัยคุณบอกเสียงแข็ง
“แพรต้องทำยังไงพี่ตรัยถึงจะเชื่อ”
“แต่งงานกับฉันสิ”
“ไม่ค่ะ” แพรรัมภายืนกรานปฏิเสธ เพราะแค่แอบรักเขาข้างเดียวก็เจ็บมากพอแล้ว ถ้าต้องแต่งงานเพื่อรอวันที่จะถูกเขี่ยทิ้ง เธอคงอยู่เหมือนตายทั้งเป็น
“เราจะอยู่ด้วยกันไม่นานหรอก หลังจากแต่งงานกันแล้วฉันจะเร่งปั๊มลูกให้ติดให้เร็วที่สุด เราจะได้หย่ากันเร็วๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะเลี้ยงลูกเอง แล้วจะให้เงินเธอก้อนนึง เธอจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้ชายคนไหนก็ได้ ฉันไม่สนใจ” เขาเสนอเงื่อนไขที่คิดว่าหญิงสาวน่าจะพอใจ แต่ผิดคาด เพราะเธอตวัดมือตบหน้าเขาเต็มแรง
“แพรไม่คิดเลยว่าพี่ตรัยจะใจร้ายได้ขนาดนี้” หญิงสาวต่อว่าน้ำตานองหน้า ทั้งเสียใจและน้อยใจที่เขาเห็นเธอเป็นแค่เครื่องผลิตลูกเท่านั้น แถมคลอดลูกแล้วเขายังคิดจะพรากลูกไปจากเธออีก
เงื่อนไขที่โหดร้ายและเลือดเย็นแบบนี้ เธอรับไม่ได้เด็ดขาด!
“กล้าตบฉันเหรอ!” ตรัยคุณขบกราบแน่นอย่างโกรธจัด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาอย่างนี้มาก่อน
ทั้งที่กำลังโกรธ แต่เมื่อได้มองเข้าไปในดวงตากลมใสของคนตรงหน้าก็เหมือนมีแรงดึงดูดให้ตรัยคุณโน้มใบหน้าลงไปหาใบหน้านวลอย่างยั้งใจไม่อยู่
“อย่าค่ะ” แพรรัมภาเบือนหน้าหนีริมฝีปากหยักสวยไปได้อย่างเฉียดฉิว
“เธอไม่มีสิทธิออกคำสั่งกับฉัน” ชายหนุ่มใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของหญิงสาวให้หันกลับมา
“แพรไม่ได้สั่ง แพรขอร้อง ปล่อยแพรนะคะ” แพรรัมภาอ้อนวอนน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฉันไม่ปล่อย มีอะไรไหม” ตรัยคุณยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ก่อนจะดันร่างเล็กไปพิงกับผนังห้องสีเบจ แล้วใช้สะโพกกดตรึงเธอไว้จนหมดทางหนี จากนั้นจึงสั่งสอนเด็กดื้อด้วยจูบที่เร่าร้อน เขาขบเม้มไปตามกลีบปากอ่อนนุ่มของหญิงสาวอย่างรุนแรง เพราะตั้งใจลงโทษ ต่อไปจะได้ไม่กล้าแข็งข้อกับเขาอีก
“ปล่อยแพรนะ...” แพรรัมภาขยับปากห้าม แต่มันกลับเป็นการเปิดโอกาสให้เขาส่งปลายลิ้นเข้าไปรุกรานภายในภายในโพรงปากของเธอได้สะดวกขึ้น ลิ้นสากหนาไล่ต้อนลิ้นเรียวเล็กอย่างยั่วเย้า บางคราวก็เกี่ยวกระหวัดมาดูดดึงอย่างเอาแต่ใจ
หญิงสาวรู้สึกวาบหวามกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต กล้ามเนื้อในช่องท้องบิดเป็นเกลียว ความร้อนรุ่มจากพลังงานบางอย่างวิ่งพล่านไปทั่วร่างกาย หัวใจเต้นระรัว สองมือที่พยายามดันอกเขาให้ออกห่างเมื่อครู่นี้เปลี่ยนเป็นหยุดนิ่ง แล้วปล่อยให้เขาจูบตามแต่จะพอใจ
“หมดฤทธิ์แล้วเหรอ” ชายหนุ่มยิ้มเยาะเมื่อถอนริมฝีปากออก แต่ยังไม่ยอมคลายวงแขน เขาอยากกอดร่างนุ่มนิ่มนี้ไว้ให้นานที่สุดอยากจูบเธอซ้ำอีกหลายๆ ครั้ง และอยากจะทำอะไรที่มากกว่านี้
“แพรขอร้อง ปล่อยแพรนะคะ” แพรรัมภาก้มหน้าก้มตาบอก อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว
“เวลาพูดกับฉันให้มองหน้าฉันด้วย” ตรัยคุณเชยคางคนตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากันแล้วถามเสียงเข้ม “จะแต่งงานกับฉันได้หรือยัง”
“ไม่...” พูดยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกลงโทษด้วยจูบที่เร่าร้อนจนแทบหลอมละลายอีกครั้ง
“จะแต่งหรือไม่แต่ง” ตรัยคุณถามคลอเคลียแนบชิดเรียวปากนุ่มของหญิงสาว
“ไม่ค่ะ” เมื่อสิ้นคำตอบ ก็ถูกทำโทษด้วยจูบที่รุนแรงและดุดันกว่าเดิม บางจังหวะเขาก็แกล้งใช้ฟันขบริมฝีปากล่างแล้วดูดดึงอย่างร้อนแรงจนเจ็บไปถึงหัวใจ
“ยอมหรือยัง” ชายหนุ่มถามอย่างวางอำนาจ
“ยังไงแพรก็ไม่แต่ง” แพรรัมภาตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ขอบตาร้อนผ่าว น้ำตารื้นขึ้นมาคลอเต็มเบ้า
“ขยันปฏิเสธอย่างนี้ อยากโดนจูบจนตายหรือไง” ตรัยคุณขบกรามแน่น ไม่ใช่เพราะต้องการระงับความโกรธ แต่เพราะกำลังพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้จูบเธออีกครั้งต่างหาก
เขาย้ำกับตัวเองมาตลอดว่าห้ามมีใจให้ผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด ซึ่งเขาทำได้ดีมาตลอด จนกระทั่งวันนี้ แค่ได้จูบเธอแค่ครั้งเดียว สิ่งที่พยายามทำมาทั้งหมดก็พังไม่เป็นท่า และความแข็งขึงปวดหนึบบริเวณกึ่งกลางร่างกายก็กำลังบอกว่า
เขาต้องการเธอมาก!
“ฉันจะให้โอกาสเธอตอบอีกครั้ง จะแต่งหรือไม่แต่ง ถ้าตอบว่า ‘ไม่’ อีกคำเดียว ฉันจะยกระดับการลงโทษให้หนักกว่าจูบ ไม่เชื่อก็ลองดู”
แพรรัมภารู้ว่าคนอย่างเขาพูดจริงทำจริงเสมอ ดังนั้นเธอจึงแก้สถานการณ์ด้วยการถ่วงเวลา “แพรขอเวลาคิดสามวันได้มั้ยคะ”
ตรัยคุณคิดนิดหนึ่งก่อนตอบ “ก็ได้ แต่จำไว้ว่าเธอมีสิทธิคิด แต่ไม่มีสิทธิปฏิเสธ”
ชายหนุ่มบอกอย่างเผด็จการแล้วรีบเดินออกจากห้องไปก่อนที่ความอดทนของเขาจะหมดลง แล้วจับเธอกดลงบนเตียง
ถึงแม้เขาจะเป็นคนใจร้อนเจ้าอารมณ์ แต่เขาก็ไม่ใช่สัตว์ป่าที่จะขย้ำเหยื่ออย่างโหดร้าย และโดยเฉพาะกับผู้หญิงคนนี้ คนที่ปากบอกว่าเกลียด แต่ใจกลับอยากทะนุถนอมเธอให้มากที่สุด แค่เผลอจูบเธออย่างรุนแรงจนทำให้เธอมีน้ำตา เขายังอยากตบปากตัวเองเลย