บทที่ 1
ทางด้านกันตา หญิงสาวได้แจ้งความประสงค์ในการเข้าพบท่านประธานของนานาฟรุ๊ต แก่ประชาสัมพันธ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็นั่งรอ เพียงไม่ถึงสิบนาที เธอก็ได้รับอนุญาตให้เข้าพบท่านประธาน หญิงสาวเคาะประตูเบาๆ ก่อนจะเปิดเข้าไปข้างในเมื่อได้ยินเสียงเข้มทรงพลังเอ่ยคำอนุญาต เธอก้าวเข้าไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงแทบจะทะลุออกมาด้านนอก
“เชิญนั่งสิ คุณกันตา” เสียงทรงอำนาจนั้นหลุดออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบที่ยังคงก้มสนใจงานตรงหน้าก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองเธอ กันตาถึงกับตะลึงในความหล่อเข้มของเขา นี่น่ะหรือท่านประธานของนานาฟรุ๊ต
ดวงตายาวรีที่มองมายังเธอฉายแววดุและเย็นชา จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางสีแดงระเรืออย่างคนที่มีสุขภาพดี หญิงสาวมองเขาอย่างพิจารณาพร้อมกับเก็บรายละเอียดทุกอย่างของเขาเอาไว้ ก่อนจะลงความเห็นกับตัวเองว่าผู้ชายคนนี้หล่อเข้มกว่าพระเอกหนังไทยบางคนเสียอีก และที่ผิดคาดไปอีกอย่างก็คือเขาหนุ่มกว่าที่คิดทั้งที่เธอคิดว่าท่านประธานน่าจะมีอายุมากแล้วแต่เท่าที่เห็นเขาคงอายุไม่น่าจะเกิน 30 ด้วยซ้ำ
“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณเขาแล้วนั่งลงอย่างสงบ ทั้งที่หัวใจเต้นตึกตัก
“นี่คือเอกสารเกี่ยวกับการส่งผลิตภัณฑ์ของคุณที่ส่งให้กับบริษัทอื่น และร้านค้าปลีกในต่างจังหวัด รวมถึงการส่งผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีมาตรฐานให้กับ นานาฟรุ๊ต” ยังไม่ทันพูดพร่ำทำเพลงชายหนุ่มยื่นแฟ้มเอกสารให้กับเธอจำนวนสองแฟ้มแล้วเขาก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อทันทีไม่สนใจเธออีก
หญิงสาวแอบค่อนขอดเขาอยู่ในใจ คนอะไรตาก็ดุแล้วยังทำท่าทางเย็นชาเป็นหมีขั้วโลกอีกแต่คิดในทางที่ดีเขาอาจจะให้เวลาเธออ่านเอกสารก็เป็นได้ กันตาก้มลงอ่านเอกสารในมือแล้วใบหน้าขาวใสก็เริ่มซีดเผือด ยิ่งอ่านไปเธอยิ่งอยากจะเป็นลมข้อมูลและเอกสารที่เธอได้เห็นอยู่นี้มันเป็นของจริงทุกอย่างและลายเซ็นก็ล้วนเป็นของบิดาเธอแต่พอหลังๆ กลับกลายเป็นลายเซ็นของนายณรงค์ เป็นได้ยังไงกันไม่น่าเชื่อว่าผู้เป็นอาจะทำได้ถึงขนาดนี้
“เป็นอย่างนี้มานานหรือยังคะ” เธอถามเสียงแหบ เขาพยักหน้าเอนหลังกับพนักพิงสายตาคมดุจ้องมองเธอตาไม่กะพริบ
“อื่ม...ก็ก่อนที่คุณไกรสรเสียชีวิตก็ราวๆ ปีหนึ่งเห็นจะได้ และนี่เป็นเอกสารเกี่ยวกับการทุจริตของคุณณรงค์ทั้งหมดและชัดเจนที่สุด” เขายื่นอีกแฟ้มให้เธอดู กันตารับมาอ่านนี่เป็นเอกสารเกี่ยวกับบัญชีทั้งหมดของโรงงานของเธอ เขาเอามันมาได้ยังไงหญิงสาวมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ เหมือนเขาจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงพูดออกมา
“ผมให้คนซื้อข้อมูลจากฝ่ายบัญชีของคุณ บอกตามตรงนะพนักงานที่โรงงานของคุณน่ะเขายอมขายทุกอย่างถ้าเงินถึง เฮ้อ” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเสียงดัง รู้สึกสงสารหญิงสาวคนนี้เหลือเกินที่ต้องเผชิญกับปัญหาที่หนักหน่วงขนาดนี้
“ผมยังมีเอกสารที่บ่งบอกถึงการทุจริตของอาคุณอีกมาก ถ้าคุณต้องการผมจะส่งให้”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารในมือต่อ
ชายหนุ่มนั่งมองคนตรงหน้าพลางคิดในใจ ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้เธอช่างเด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง และคอยสู้กับปัญหาไม่ยอมหนี้ไปไหน สมแล้วที่เป็นทายาทของนายไกรสร อนันตภาค เพื่อนธุรกิจที่ชื่นชอบในการเป็นนักสู้และมีอุดมการณ์ และเธอก็ได้เลือดพ่อมาเต็มๆ หวังว่าในอนาคตเธอจะประสบความสำเร็จดั่งเช่นบิดาของเธอ
“เขาโกงไปมากขนาดนี้เชียวหรือคะ” ใบหน้าสวยน่ารักซีดเผือดราวกับกระดาษเมื่อพบข้อมูลบางอย่าง
“ครับ” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ขอแฟ้มเอกสารพวกนี้ให้ดิฉันได้ไหมคะ” กันตาเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
“อื่มได้สิ” ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วยิ้มให้เธอเล็กน้อยที่มุมปาก
“ขอบคุณค่ะ คุณ...เอ่อ” จริงสินะตั้งแต่มานี้เธอยังไม่ได้รู้จักชื่อเขาอย่างเป็นทางการเลย
“เรียกผมว่าวินก็แล้วกัน” เขาบอกเสียงขรึมชักจะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุที่เธอไม่สนใจที่จะศึกษาแม้แต่ชื่อของเขา
“เอ่อ ค่ะ คุณวินดิฉันขอบคุณมากนะคะดิฉันคงจะต้องขอเวลาดูเอกสารสำคัญเหล่านี้ก่อนแล้วดิฉันจะกลับมาอีกครั้งพรุ่งนี้ สิบโมงเช้าคุณจะสะดวกให้พบไหมคะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับกันตายกมือไหว้เขาอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับหอบเอกสารออกจากห้องเขาไป
ท่านประธานหนุ่มนั่งมองแผ่นหลังเล็กนั้นไปจนสุดสายตา เขาอยากเห็นรอยยิ้มสดใสของเธอดังเช่นวันที่เธอรับปริญญามากกว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์ระทมหมองเศร้าแบบวันนี้ รอยยิ้มในวันนั้นยังตราตรึงอยู่ในใจเขาเสมอมา ชายหนุ่มเฝ้าพิจารณาเรื่องราวของเธออย่างเงียบๆ ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยและท่าทางที่เย็นชา ก่อนที่เขาจึงก้มลงทำงานต่อ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าใบเล็กของกันตาที่ลืมเอาไว้ชายหนุ่มจึงรีบลุกขึ้นไปหยิบแล้วเดินตามเธอออกไปทันที
ขณะที่หญิงสาวกำลังจะหยิบกุญแจเมื่อเดินมาถึงรถของเธอแล้วเธอก็ต้องอุทานออกมาให้กับความขี้ลืมของตัวเอง
“ตายจริงลืมกระเป๋า เฮ้อ...กันตานะกันตาทำไมถึงขี้ลืมอย่างนี้นะเนี่ย” หญิงสาวบ่นพึมพำพร้อมกับหันหลังจะเข้าไปด้านในอีกครั้ง แต่ทว่า....
“กันตาระวัง”
“โอ๊ย ว้าย” หญิงสาวถูกกระแทกอย่างแรงพร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัด ตามด้วยเสียงเอะอะโวยวายของคนที่อยู่แถวนั้น
“ปัง ปัง ปัง ปัง” ร่างบอบบางล้มลงกับพื้นทันที เธอหลับตาแน่นพร้อมยอมรับความเจ็บปวดแต่แล้วก็มีแขนแข็งแรงของใครคนหนึ่งสอดเข้ามารองรับศีรษะของเธอไว้
“..............” หญิงสาวหันไปมองด้านหลังก็เห็น ร. ป. ภ. กำลังช่วยกันจับคนร้ายสองคนเอาไว้ ก่อนจะหันกลับมาหาคนด้านล่างแล้วก็ต้องร้องออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความตกใจเมื่อเห็นเลือดแดงฉานไหลออกมาจากตัวเขา
“คุณวิน ช่วยด้วยค่ะมีคนถูกยิง ช่วยด้วยๆ” พลเมืองดีรีบพาร่างไร้สติของวนาวินส่งโรงพยาบาล โดยมีกันตาตามไปดูอย่างใกล้ชิด ชายหนุ่มถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที หญิงสาวนั่งคอยฟังข่าวของเขาด้วยความกระวนกระวายใจ ถ้าเขาไม่เข้ามาช่วยคนที่ถูกยิงอาจเป็นเธอก็ได้
“อย่าเป็นอะไรไปนะคะคุณวิน คุณพ่อขา....คุณแม่ขาได้โปรดคุ้มครองเขาด้วยนะคะ” เธอเฝ้าอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครองเขาให้อยู่รอดปลอดภัย