เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงยังไม่มีคุณหมอหรือพยาบาลคนไหนออกมาแจ้งข่าวเธอสักคน จะมีก็แต่ชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินกึ่งวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลตรงมายังห้องฉุกเฉินใบหน้าซีดเผือด หญิงสาวคนนั้นเดินไปเกาะที่ประตูมองดูความวุ่นวายภายในก่อนจะร้องไห้ออกมา
“วศิน พี่วินจะเป็นอะไรมากหรือเปล่าแนนซี่กลัว” หญิงสาวโผเข้ากอดชายหนุ่มตรงหน้าไว้แน่นเขาพาเธอมานั่งข้างกับกันตาคอยปลอบเธอด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น อ่อนโยน
“ไม่หรอกพี่วินเป็นคนดี ไม่ร้องนะแนนซี่คนสวย ดูสิตาช้ำไปหมดแล้วโอ๋ๆ” วศินบรรจงเช็ดน้ำตาให้กับคนรักอย่างถนุถนอม
“เอ่อ ขอโทษนะคะ คุณสองคนเป็นญาติกับคุณวินงั้นเหรอคะ” กันตาถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนักและก็รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้วนาวินต้องถูกยิง
“ใช่ค่ะ...แล้วคุณคือ” สองหนุ่มสาวพยักหน้ารับพร้อมกับมองกันตาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“ฉันชื่อกันตาค่ะ ฉันต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่เป็นสาเหตุทำให้คุณวินถูกยิง คุณวินเธอช่วยชีวิตดิฉันไว้ก็เลยเป็นแบบนี้ ความจริงแล้วคนที่ถูกยิงควรเป็นฉันมากกว่าแต่ว่าเขา...” กันตาอธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษคนทั้งสอง ซึ่งทั้งสองหนุ่มสาวก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรเธอสักคำเพียงแต่พยักหน้ารับรู้แล้วยังพูดปลอบเธออีก
“พวกเราทราบแล้วครับไม่มีใครโทษหรือโกรธคุณหรอกครับอย่าคิดมากเลย”
“เพราะฉัน ฉัน ฉัน...” หญิงสาวสะอื้นน้ำยังคงไหลอาบแก้ม
“พี่วินต้องไม่เป็นไรค่ะ ถึงมือหมอแล้วที่พี่วินทำแบบนี้ถือว่าพี่วินคิดดีแล้วเราควรเคารพในการตัดสินใจของพี่วินไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตอนนี้เรามาเอาใจช่วยให้พี่วินปลอดภัยกันดีกว่านะคะ” วนิดาเอ่ยออกมาทั้งๆ ที่ตัวเธอเองก็ยังไม่แน่ใจในอาการของพี่ชายนัก
“ส่วนไอ้ตัวบงการตอนนี้ตำรวจก็รวบตัวอยู่โรงพักแล้วนะครับคุณไม่ต้องกลัวว่ามันจะกลับมาทำร้ายคุณอีก” วศินตอบกลับมาและยิ้มให้กำลังใจแก่เธออย่างจริงใจ
เพียงไม่นานจากนั้นคุณหมอก็ออกมาแจ้งข่าวถึงอาการของวนาวิน ที่พ้นขีดอันตรายแล้ว
“คุณวนาวินพ้นขีดอันตรายแล้วครับกระสุนไม่ถูกจุดสำคัญ แต่คงต้องรอดูอาการหลังผ่าตัดในห้องนี้สักสองสามวันเพราะเสียเลือดมาก”
“แล้วเข้าไปเยี่ยมได้ไหมคะ” วนิดาเอ่ยถามทันที
“ยังเข้าไม่ได้ครับ แต่คุณไม่ต้องห่วงทางทีมแพทย์เราจะดูแลคุณวนาวินเป็นอย่างดี สามารถสอบถามอาการได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงครับ” เมื่อคุณหมอยืนยันในความปลอดภัยพลอยทำให้ทั้งสามค่อนเบาใจลง
“ฉันว่าเธอน่าจะไปจัดการกับคนบงการก่อนดีกว่านะไม่ต้องห่วงทางนี้ ส่วนอาการพี่วินเดียวฉันโทรแจ้งเธอเอง ฉันแนนซี่เป็นน้องสาวของพี่วินค่ะนี่ก็วศินแฟนฉัน” หญิงสาวส่งยิ้มให้กับวนิดาเธอรู้สึกดีใจที่ครอบครัวของวนาวินเข้าใจและไม่เอะอะโวยวายเอากับเธอ
“ฉัน...ก็ได้ค่ะรบกวนคุณแจ้งข่าวฉันด้วยนะคะ” กันตายังคงมีความกังวลอยู่เล็กน้อยก่อนจะยอมออกไปยังสถานีตำรวจเพื่อไปจัดการเกี่ยวกับคดีความต่างๆ
กว่าที่กันตาจะจัดการเรื่องราวเกี่ยวกับคดีความทั้งหมดก็ปาเข้าไปเกือบสองอาทิตย์ เธอไปเยี่ยมเขาแค่ครั้งเดียวแต่ไม่อาจจะอยู่นาน เขาเองก็ยังหลับ หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยได้ไปเยี่ยมเขาอีกเลยนอกจากคุยโทรศัพท์กับวนิดาแล้วส่งดอกไม้ไปขอบคุณเขาแทน
นายณรงค์ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย คนอื่นๆ ในโรงงานที่สมรู้ร่วมคิดก็ถูกดำเนินคดีไปด้วย ญาติคนอื่นก็พูดกับเธอเรื่องขายหุ้นอีกครั้ง กันตาจึงตัดสินใจที่จะซื้อหุ้นเอาไว้เองทั้งหมดเสียเองแต่ติดตรงที่เธอมีเงินไม่พอหญิงสาวจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับทนายซึ่งทนายความก็แนะนำให้เธอพูดเรื่องนี้กับวนาวิน เพราะเขาเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของเธอ แต่ก็มีเหตุให้เขาและเธอไม่ได้พูดคุยกัน กันตาต้องเดินทางไปต่างประเทศกะทันหันเพราะน้องชายเธอเองก็ถูกคนปองร้ายเช่นกัน หญิงสาวติดต่อไปยังเลขาฯ ของเขาแล้วมอบหมายให้ทนายประจำตระกูลเป็นผู้ดำเนินการทุกอย่างให้ซึ่ง ทางวนาวินเองก็ให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดี ก็เท่ากับว่าตอนนี้ กันตาและวนาวินเป็นหุ้นส่วนกันมีอำนาจในการบริหารคนละครึ่ง ชายหนุ่มไม่ประสงค์ที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหาร เขาให้สิทธิ์ขาดกับเธอเต็มที่เพียงแต่จะส่งคนมาตรวจสอบเป็นระยะให้คำปรึกษาเมื่อเธอต้องการเท่านั้นซึ่งกันตาเองก็พอใจกับข้อตกลงเบื้องต้นนี้
เรื่องราววุ่นวายทั้งหมดของเธอได้ผ่านพ้นไปแล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากวนาวินไม่ว่าจะเป็นเรื่องหุ้นของโรงงานและการที่เขาเสี่ยงชีวิตช่วยเธอเอาไว้ วันนี้เธอเลยตั้งใจที่จะมาขอบคุณเขาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ความจริงแล้วเธอน่าจะเข้ามาหาเขาก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ แต่ว่างานของเธอยังไม่เข้าที่เข้าทางเลยต้องคอยดูแลโรงงานจัดระบบการทำงานใหม่ เมื่อเคลียร์ทุกอย่างแล้วเธอจึงตั้งใจมาขอบคุณเขาถึงบริษัท
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมาขอพบคุณวนาวินค่ะ” หญิงสาวแจ้งความประสงค์ขอพบท่านประธานบริษัทกับประชาสัมพันธ์สาวสวย
“ไม่ทราบว่านัดไว้หรือเปล่าค่ะ” ประชาสัมพันธ์สาวถามแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“เปล่าค่ะ..ไม่ได้นัด” กันตาตอบออกมาพร้อมกับส่งรอยยิ้มเจื่อนๆ ให้กับเธอ
“ถ้าอย่างนั้นกรุณารอสักครู่นะคะ ไม่ทราบจะเรียนท่านประธานว่าใครมาขอพบคะ”
“กันตาค่ะ กันตา อนัตรภาค” ประชาสัมพันธ์สาวทำการต่อสายโทรศัพท์ขึ้นไปหน้าห้องท่านประธานทันที ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้กับเธอ
“ต้องขอประทานโทษจริงๆ ค่ะคุณกันตา ท่านประธานมีแขกอยู่ ยังให้คุณพบตอนนี้ไม่ได้ค่ะ”
“อืม...ถ้าอย่างนั้นดิฉันนั่งรอตรงนั้นได้ไหมคะ” กันตาชี้ไปยังเก้าอี้รับรองแขก
“เชิญตามสบายค่ะ” เธอเดินไปนั่งสักพัก พนักงานคนเดิมก็เอาน้ำและหนังสือนิตยสารมาให้
“คุณกันตาดูนิตยสารไปพลางๆ ก่อนนะคะ” พนักงานสาวส่งยิ้มให้กับเธออย่างเป็นมิตร
“ของคุณมากๆ เลยค่ะ” กันตากล่าวคำขอบคุณแล้วยิ้มรับในความมีน้ำใจของเธอ
เวลาไปสองชั่วโมงกันตาที่นั่งรอวนาวินอยู่ก็รู้สึกว่านานเกินไปแล้วเธอจึงเดินไปหาประชาสัมพันธ์สาวคนเดิมอีกครั้ง
“คุณค่ะไม่ทราบว่าท่านประธานว่างที่จะให้พบหรือยังคะ..” กันตาเอ่ยถามอีกครั้ง พนักงานสาวก็ทำการต่อสายให้ทันที
“ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ คุณเลขาฯ บอกว่าท่านยังมีแขกอยู่ ถ้าคุณมีธุระรีบด่วนก็ไปทำก่อนแล้วฝากเบอร์โทรศัพท์ไว้ดีไหมคะดิฉันว่าคงจะอีกนานเลยค่ะ นี่คุณเลขาฯ ยังบอกว่าท่านประธานมีแขกอยู่เลย ต้องขอโทษคุณด้วยนะคะที่ให้รอนาน” กันตาพยักหน้ารับแล้วกล่าวขอบคุณพนักงานสาวอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวค่อยมาวันอื่นก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ” แม้จะผิดหวังอยู่ลึกๆ แต่กันตาก็ไม่อาจโทษใครได้เธอเองก็ผิดที่ไม่ได้นัดเขาไว้ก่อน ก็เขาเป็นนักธุรกิจใหญ่นี่นาจะพบตัวก็ต้องรอหน่อย
“คุณฝากเบอร์ติดต่อกลับไว้ก่อนดีไหมคะ”
ยังไม่ทันที่กันตาจะตอบคำถาม เธอก็เหลือบไปเห็นคนที่เธอต้องการพบเดินออกมาจากลิฟต์ผู้บริหารพร้อมกับผู้หญิงและผู้ชายอีกสองคน ประชาสัมพันธ์คนเดิมจึงส่งยิ้มให้กับเธอแล้วรีบเดินเข้าไปหาท่านประธานทันที
“ท่านประธานค่ะ คือว่า...” ประชาสัมพันธ์สาวกำลังจะอ้าปากพูดแต่ก็ถูกขัดขึ้นโดยหญิงสาวข้างกายของท่านประธานหนุ่มเสียก่อน
“มีอะไรอรณีท่านประธานกำลังรีบอยู่นะไปให้พ้นเลย” พรรวิภา เลขาฯ สาวสวยหันมาตะเพิดเสียงหงุดหงิดใส่ด้วยท่าทางไม่พอใจ วนาวินเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจกับท่าทางของเลขาฯ สาวที่พอเขามองไปเธอก็รีบก้มหน้าหลบสายตาของเขาทันที ซึ่งผิดวิสัย
“มีอะไรหรือคุณอรณี” เขาถามขึ้น
“มีคนมารอพบท่านประธานตั้งสองชั่วโมงแล้วค่ะ อยู่ทางโน้น” เมื่อถูกถามประชาสัมพันธ์สาวนามอรณีก็รีบชี้ให้ท่านประธานดูและเมื่อท่านประธานหนุ่มได้เห็นแขกก็ขมวดคิ้วแล้วหันมาต่อว่าพนักงานสาวทันทีด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“แล้วทำไมคุณไม่ให้ขึ้นไปพบผม” เขาหันมาถามเสียงเย็นยะเยือก อรณีกำลังจะพูดชี้แจงแต่ก็ถูก พรรวิภาขัดขึ้นอีกครั้ง
“นั่นสิ ไม่ได้เรื่องเลยนะอรณีทำงานอย่างนี้ระวังจะอยู่ได้ไม่นานคิดว่าเป็นเด็กฝากแล้วจะมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นหรือไงจ๊ะ” อรณีหันมามองเลขาฯ ของท่านประธานที่ใส่เธอฉอดๆ ด้วยความโมโหแต่ก็ไม่กล้าเถียง ผู้หญิงอะไรสวยแต่รูปจริงๆ หวงท่านประธานเสียยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ทั้งที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์ด้วยซ้ำ ประชาสัมพันธ์สาวได้แต่ก้มหน้าลงเก็บกดความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้
“คราวหลังแจ้งให้เร็วกว่านี้นะ...ไม่ควรให้แขกรอนาน” พูดจบชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปหากันตาที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ น่าแปลกที่เขาใจเต้นแรงขึ้นเมื่อเธอส่งยิ้มสดใสมาให้
ชายหนุ่มมองใบหน้าสวยที่ส่งยิ้มสดใสมาให้เขา อดนึกเปรียบเทียบกบครั้งแรกที่เธอมาขอพบเขาไม่ได้ วันนั้นใบหน้าสวยนี้ซีดเซียว แววตาเศร้าหมองไร้ชีวิตชีวา ตรงกันข้ามกับวันนี้ รอยยิ้มนี้สินะที่เขาอยากเห็น แต่คนฟรอมจัดก็ยังคงมีใบหน้าเรียบเฉยอยู่อย่างนั้น ตรงข้ามกับปฏิกิริยาของร่างกายที่เดินเร็วๆ ตรงเข้าไปหาเธอ
“กันตาคุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมคุณถึงไม่ขึ้นไปหาผมข้างบนล่ะ” เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ติดขรึมตามแบบฉบับของเขา กันตาแอบย่นจมูกใส่เล็กน้อย ‘ดูซิทำเอาเรายิ้มเก้อจะยิ้มตอบสักนิดก็ไม่มีคนอะไร’ กันตาได้แต่ค่อนขอดเขาในใจ ก่อนจะเหล่ตามองเลขาฯ สาวคนสวยของเขาที่ยืนเชิดหน้าขี้นอย่างหมั่นไส้
“อ้าวก็คุณประชาสัมพันธ์คนนี้เธอโทรถามเลขาฯ ของคุณแล้วแต่เลขาฯ ของคุณ บอกว่าคุณมีแขกอยู่ โทรตั้งหลายรอบเลยนะ นี่ฉันก็รอตั้งสองชั่วโมงเลยนะคะเนี่ยกำลังจะกลับอยู่แล้วเชียว” คำพูดของกันตาทำให้อรณียิ้มออกมา ส่วนพรรวิภาถึงกับหน้าซีดเผือด
“เอ่อ...คือ วิภาเห็นว่า เธอ เอ่อ” พรรวิภาอึกอักก็จะให้บอกได้ยังไงว่าเธอไม่อยากให้ท่านประธานพูดคุยกับผู้หญิงคนไหน ก็เธอหวงเขานี่นา อุตส่าห์ได้ใกล้ชิดกับเขาเธอก็อยากอยู่กับเขานานๆ ไม่อยากให้ใครรบกวนยิ่งคนที่ชื่อกันตายิ่งแล้วใหญ่เธอได้ยินท่านประธานพูดชื่อนี้กับคุณทนายบ่อยๆ ถามนั่นถามนี่มากกว่าคนรู้จักทั่วไป แถมเมื่อเดือนก่อนท่านประธานถึงกับเสี่ยงชีวิตรับกระสุนแทน เท่านั้นยังไม่พอเมื่อสองอาทิตย์ก่อนท่านประธานยังสั่งให้คุณทนายทำเรื่องซื้อหุ้นของโรงงานกระจอกๆ ของยายนี่ด้วยเงินเป็นสิบๆ ล้าน แล้วนี่มันยังจะตามมาอีกคงคิดจะจับท่านประธานของเธอสินะ ฝันไปเถอะ
“ผมมีแขกตอนไหนไม่ทราบ ผมว่าคุณกลับไปทำงานแผนกเดิมดีกว่าไหมคุณพรรวิภา” วนาวินสั่งเสียงเฉียบขาดเขาก็สุดแสนจะเอือมระอากับพฤติกรรมของเลขาฯ สาวที่มักจะกีดกันผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาหาเขาแม้กระทั่งวนิดาน้องสาวของเขาเอง ชายหนุ่มมั่นใจว่าเขาไม่เคยแสดงออกว่าชอบหรือให้สิทธิพิเศษใดๆ กับ พรรวิภาเลยแม้แต่ครั้งเดียว นับครั้งที่เขาจะพูดกับเธอ ส่วนใหญ่จะเป็นสมศักดิ์เลขาฯ ส่วนตัวของเขาเสียมากกว่าที่จะคุยงานกับพรรวิภา
“แต่วิภาไม่ได้ตั้งใจนะคะ ท่านประธาน ขอวิภาทำงานต่อเถอะนะคะ” พรรวิภาเอ่ยเสียงเบาน้ำตาคลอแต่คนอย่างวนาวินเมื่อพูดออกไปแล้วก็ถือตามนั้น
“โห...ขนาดว่าไม่ตั้งใจ ถ้าตั้งใจคงต้องรอเป็นวันๆ เลยนะคะคุณเลขาฯ” กันตายังคงเอ่ยพร้อมกับแสร้งส่งยิ้มหวานใสซื่อ
“นี่เธอ..มีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน ฉันเป็นเลขาฯ ของท่านประธานนะ” พรรวิภาหันหน้ามามองเธออย่างเอาเรื่องพร้อมกับชี้หน้ากันตา
“ไม่บอกไม่รู้นะคะว่าเป็นเลขาฯ นึกว่าเป็น.......” มองแรงมามองแรงกลับไม่โกงค่ะ
“ท่านประธานคะ....วิภาไม่ยอมนะคะ” เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็หันไปออดอ้อนชายหนุ่มแทน
“คุณวินขา...ตาก็ไม่ยอมนะคะ” เอาเข้ากับเธอสิ วนาวินส่ายหน้าให้กับความแสบสันของกันตา
“คุณกลับไปทำงานในหน้าที่ของคุณเถอะ ถ้ามีปัญหาก็เชิญที่ฝ่ายบุคคล” น้ำเสียงราบเรียบของเขาทำให้พรรวิภาถึงกับสะอึก
“ท่านประธานคะ...คือ...”
“เชิญ” ก่อนจะเดินจากไปแต่ยังไม่วายส่งสายตาแค้นเคืองมาให้กันตาที่ยืนทำหน้าตาใสซื่อไร้เดียงสาอยู่ข้างๆ ท่านประธานหนุ่ม
‘ร้ายนักนะฝากไว้ก่อนเถอะนังบ้าฉันต้องรู้ให้ได้ว่าแกเป็นใครทำไมท่านประธานต้องให้ความสำคัญกับแกด้วย’
กันตาหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้กับอรณีประชาสัมพันธ์สาวสวยที่ยืนยิ้มให้กับเธออย่างขอบคุณ กันตาไม่ชอบที่สุดก็คือคนที่ชอบโยนความผิดให้กับคนอื่นทั้งที่ตัวเองเป็นคนทำ ไม่รู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกัน คนอะไรช่างสตรอว์เบอร์รีซะจริง กันตาเบ้ปาก แถมด้วยการยกมือบ้ายบายให้กับพรรวิภาทันทีเมื่อสบเข้ากับสายตาแค้นเคืองของเธอ การกระทำทั้งหมดของเธอตกอยู่ในสายตาคมกริบของวนาวิน เห็นหน้าซื่อๆ อย่างนี้ร้ายใช่เล่นเขาคงมีอะไรสนุกๆ ให้ได้ทำอีกเป็นแน่
“เอาล่ะทีนี้มีอะไร ถึงมาหาผมถึงนี่” เขาฉวยโอกาสจูงมือเธอเดินกลับเข้าไปในลิฟต์ตัวเดิม
“ฉันเดินเองก็ได้ค่ะไม่ต้องจูง ไม่หลงแน่นอน” กันตาพยายามบิดมือเล็กของเธอออกจากอุ้งมือใหญ่แต่ก็ไม่สำเร็จ
“พูดมาก” เขาว่าให้เธอเองก็คร้านจะต่อล้อต่อเถียงจำต้องเดินตามเขาต้อยๆ จนกระทั่งถึงห้องทำงานของเขาชายหนุ่มจูงมือหญิงสาวเดินผ่านหน้าพรรวิภาที่ตอนนี้กำลังเก็บของลงกล่องลังอยู่หน้าห้อง
“เอ่อ คุณวินฉันว่าอย่าลงโทษคุณพรรวิภาเธอขนาดนี้เลยนะให้เธอทำงานกับคุณต่อเถอะเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ฉันไม่ถือสาหรอกค่ะ” กันตาเอ่ยกับเขาเมื่อคิดว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เธอเองก็ไม่อยากให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตอะไร
“ให้เธอกลับไปทำงานแผนกเดิมน่ะดีแล้วเลขาฯ คนเก่าผมเธอลาคลอดนี่ก็กำลังจะกลับมาพอดีแหละ”
“อื้ม..งั้นหรือคะ”
“.......” ชายหนุ่มนิ่งไม่ได้พูดอะไรออกมาได้แต่พยักหน้าก่อนจะจูงมือเธอเข้าห้องไปท่ามกลางสายตาไม่พอใจของพรรวิภา
“ฮึ...อย่าคิดนะว่าฉันจะทราบซึ้งในสิ่งที่แกทำอย่าให้ถึงทีฉันก็แล้วกันนังกันตา” พรรวิภามองตามท่านประธานหนุ่มสายตาละห้อย