ขอแต่งงาน

1802 คำ
ภายในห้องทำงานของท่านประธานหนุ่ม “คุณยังไม่ตอบผมเลยนะว่าคุณมาหาผมมีเรื่องอะไร” เขาถามก่อนจะเลื่อนเก้าอี้มาให้เธอ ส่วนตัวเองก็เดินอ้อมกลับไปนั่งที่โต๊ะประจำตำแหน่งแล้วเอนตัวพิงพนักด้วยท่าทางสบายๆ “ฉันมาขอบคุณ ที่คุณช่วยเหลือเรื่องโรงงานรวมถึงที่คุณช่วยชีวิตฉันเอาไว้ขอบคุณมากๆ นะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณเขาด้วยกิริยาเรียบร้อยน่ารักแถมด้วยยิ้มหวานเต็มใบหน้าสวย “............” ชายหนุ่มมองกิริยาน่ารักตรงหน้าแล้วพลอยหัวใจกระชุ่มกระชวย ช่างน่ารักน่าใคร่แท้ ไหนจะรอยยิ้มแสนสดใสนี่อีก “เย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันไหมคะฉันเลี้ยงคุณเองเป็นการตอบแทนที่คุณช่วยฉัน” เธอชวนพร้อมกับตั้งตารอคำตอบตาแป๋ว “ถ้าคุณจะตอบแทนผมจริงๆ ละก็ อื้ม..ยังไงดีล่ะงั้นเรามาแต่งงานกันไหม” “เอ้! ...ยังไงคะ...หา” กันตานั่งอึ้งตัวแข็งทื่อไม่คิดว่าเขาจะขอแต่งงาน ไม่ใช่สิ เขาชวนเธอแต่งงานด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยราวกับกำลังคุยธุรกิจอยู่อย่างนั้นแหละ กันตามองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอได้ยิน แต่สิ่งหนึ่งที่กันตาไม่มีทางรู้เลยนั่นก็คือหัวใจทั้งดวงของเขาเต้นแรงขนาดไหนกว่าจะพูดคำๆ นี้ออกไปและยิ่งเต้นแรงมากขึ้นเมื่อสบเข้ากับดวงตากลมโตของกันตาที่จ้องมองมายังเขาปริบๆ อ้าปากค้างนั่งนิ่งเงียบไปทันที ชายหนุ่มขยับตัวอย่างอึดอัด “เอ่อ...คือฉันหมายถึง เธอกับฉันเรามาแต่งงานกันไหมแล้วฉันจะจัดการเรื่องภาระหนี้สินของโรงงานของเธอให้หมดรวมถึงค่าใช้จ่ายของน้องชายเธอที่กำลังเรียนอยู่ต่างประเทศ รวมถึงเรื่องเงินเดือนที่ค้างจ่ายกับพนักงานทั้งหมด ว่าไงล่ะ....ตกลงไหม” ชายหนุ่มทำเป็นหยิบกาแฟขึ้นมาจิบช้าๆ มองเธออย่างรอคอย “ฉัน...ฉัน..” ส่วนกันตาเธอใช้สมองน้อยๆ ของเธอทบทวน คำพูดของเขาทุกคำที่เขาพูดออกมา หญิงสาวคิดถึงอาทิตย์น้องชายฝาแฝด คิดถึงโรงงาน คิดถึงหนี้สินที่เธอต้องจ่ายให้กับธนาคาร ที่ใกล้ถึงกำหนดจ่ายอีกไม่กี่วัน คิดถึงคนงานที่ทำงานแต่ไม่ได้รับเงินเดือนมาเกือบสองเดือน ซึ่งลำพังแค่เธอก็ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้เลยในขณะนี้ หญิงสาวถอนหายใจออกมาเมื่อเธอตัดสินใจแล้วว่าจะตอบเขาว่าอย่างไร “ตกลงค่ะเราจะแต่งงานกัน” ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งปีก่อน ในงานรับปริญาบัตรของบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในขณะที่เขาเดินทางไปร่วมการประชุมการส่งออกผลไม้แห่งประเทศไทยซึ่งได้จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และเขาได้ไปร่วมแสดงความยินดีกับบุตรชายของเพื่อนนักธุรกิจคนหนึ่ง ไม่รู้เป็นเหตุบังเอิญหรือว่าอะไรที่ทำให้เขาสะดุดตากับรอยยิ้มสดใสน่ารักของบัณฑิตสาวคนหนึ่งช่วงเวลานั้นเขาแทบจะไม่อยากขยับตัวไปทางไหนรู้เพียงอย่างเดียวว่าเขาอยากมองรอยยิ้มอันสดใสนี้ให้นานที่สุด หญิงสาวใบหน้ารูปไข่ดวงตากลมโตผิวขาวอมชมพูที่วิ่งทางโน้นทีทางนี้ทีเพื่อถ่ายรูปกับเพื่อนๆ และครอบครัว และเมื่อเขาได้เห็นใบหน้าของคนในครอบครัวของเธอเขาถึงกับยิ้มออกมา ไกรสร อนัตรภาค เจ้าของโรงงานผลไม้กระป๋องขนาดกลางซึ่งเขาเองก็รับซื้อและเป็นลูกค้ารายใหญ่ของคุณไกรสรเสียด้วยชายหนุ่มไม่รอช้าเขาเดินลิ่วๆ เข้าไปทักทายคุณไกรสร และภรรยาทันทีแต่น่าเสียดายที่เธอคนนั้นเอาแต่วิ่งไปมาถ่ายรูปกับเพื่อนๆ เลยไม่ได้คุยกับเขา และนับจากนั้นเป็นต้นมารอยยิ้มอันสดใสของเธอก็ยังตราตรึงอยู่ในใจเขาจนทุกวันนี้ ยิ่งเมื่อเขาทราบว่าโรงงานของเธอมีปัญหาเขาพยายามเข้าไปช่วยเหลือแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรมากไม่ได้ประกอบกับเขาต้องเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศหลายเดือนพอกลับมาก็รู้ข่าวการเสียชีวิตของคุณไกรสรและบุตรสาวคนโตก็เป็นผู้รับช่วงกิจการต่อทั้งหมด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเริ่มต้นตั้งแต่เขาเอาตัวเข้าบังกระสุนให้เธอหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ขอเธอแต่งงานโดยยื่นข้อเสนอให้กับเธอซึ่งเธอเองก็ตอบตกลงเขาไม่รู้นะว่าคู่แต่งงานคู่อื่นจะเริ่มต้นยังไงแต่สำหรับเขาแล้วการเริ่มต้นด้วยการแต่งงานเขาจะถือว่าเป็นการเริ่มต้นก้าวแรกที่มั่นคง เริ่มต้นจากความประทับใจเขาเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าความรู้สึกดีๆ ที่เขามีต่อเธอจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น งานแต่งงานได้กำหนดเอาไว้อีกสามเดือนข้างหน้าซึ่งเขาเองก็ต้องการเวลาที่จะเคลียร์งานทุกอย่างให้เสร็จเสียก่อนรวมทั้งเขาต้องจัดการเรื่องชุดแต่งงานให้เรียบร้อยก่อนที่เขาจะเดินทางไปประชุมอีกครั้งที่อเมริกาเกี่ยวกับการส่งออกผลไม้กระป๋องดังนั้นช่วงนี้เขาและกันตาคงจะต้องศึกษาและเรียนรู้นิสัยใจคอของกันและกันให้มากที่สุด ณ ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง “อะไรนะจ๊ะตา ตาจะแต่งงานกับใครนะ” เสียงร้องออกมาอย่างตกใจของเรรินเพื่อนรัก ทำเอากันตาถึงกับยกมือขึ้นปิดหู “เบาๆ หน่อยสิหนูเรก็” กันตาโอดเพราะพวกเธอกำลังนั่งทานอาหารอยู่ในร้านอาหารที่มีคนมากหน้าหลายตาและตอนนี้โต๊ะข้างๆ ก็ต่างมองมายังสองสาวเป็นสายตาเดียว “หนูเรขอโทษก็หนูเรตกใจนี่นา” เรรินพูดเสียงเบาลงส่งยิ้มให้กันตาแบบเจื่อนๆ “ย่ะ แม่คนขี้ตกใจ” กันตาประชดพร้อมกับตวัดค้อนเพื่อนสาวไปวงใหญ่ “เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะยายตา” เรรินมองกันตาด้วยสายตาคาดคั้น กันตาจึงเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้กับเรรินฟังอย่างไม่คิดจะปิดบัง “ยายบ้ากันตา ทำไมไม่บอกหนูเร ไปต่อสู้ปัญหาด้วยตัวเองอย่างนี้ได้ยังไงอันตรายทั้งนั้น ไม่เห็นหนูเรเป็นเพื่อนใช่ไหม ฮึ” เรรินเกิดอาการงอนเพื่อนรักทันทีก็จะไม่ให้เธอรู้สึกอย่างนั้นได้อย่างไร ก็ลำบากขนาดนั้นไม่บอกกันสักคำ ลำพังแค่บุพการีทั้งสองมาจากไปกะทันหันก็เสียใจมากพออยู่แล้ว กันตายังมาเจอปัญหามากมายอีก “ไม่ใช่อย่างนั้นนะหนูเร ตาแค่ไม่อยากให้หนูเรเป็นห่วงตาคิดว่าตาจัดการได้แต่...” กันตาเสียงอ่อย “แต่ก็เกือบถูกยิง นี่ถ้าคุณวนาวินช่วยตาไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้น ไม่เอาแล้วนะต่อไปตาจะทำอะไรตาต้องปรึกษาหนูเรบ้าง มีความสุขเราก็ยังสุขด้วยกัน เพราะฉะนั้นเมื่อมีความทุกข์เราก็ต้องช่วยแบ่งเบากันและกันสิสัญญานะตา” เรรินส่งสายตาบังคับให้เพื่อนรักรับปาก กันตาก็พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มขอบคุณ “ขอบคุณมากๆ หนูเร หนูเรเป็นเพื่อนรักคนเดียวของตา สัญญาจ๊ะว่าต่อไปนี้ตาจะไม่ปิดบังอะไรหนูเรอีก ตาสัญญา” กันตาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เรรินเอื้อมมือมาจับมือเพื่อนรักเอาไว้ “เอาล่ะทีนี้เรื่องของคุณวนาวินตกลงตาจะแต่งงานกับเขาจริงเหรอจ๊ะ” เรรินมองเพื่อนที่พยักหน้าหงึกๆ แล้วตักนั่นตักนี่เข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ลืมอาการซาบซึ้งเมื่อสองนาทีไปหมดคงเหลือแต่ความหิวโหยเอาไว้ “รักเขาเหรอจ๊ะตา” คำถามแสนสั้นของเพื่อนสาวทำเอากันตาถึงกับสำลักอาหาร เรรินรีบยื่นน้ำให้กับเพื่อนรักทันที พร้อมกับหัวเราะคิกคัก “แค่กๆ ขอน้ำหน่อย แค่กๆ” กันตาคว้าน้ำจากมือเพื่อนมาดื่มรวดเดียวหมดใบหน้าแดงก่ำ “คิ๊กๆ ตายังไม่ตอบเลยนะจ๊ะ” เรรินยังคงถาม “เปล่าสักหน่อย ก็แค่ผลประโยชน์น่า” กันตาตอบด้วยท่าทางเขินอาย เสียงสูง “แล้วทำไมต้องเขินด้วย อ่ะ” เรรินยังคงหยอกเย้าเพื่อนรัก “ใครๆ เขิน ไม่ได้เขินสักหน่อย ไม่เหมือนตัวเองหร๊อก พี่ธันว์คะหนูเรรักพี่ธันว์นะคะ” กันตาที่ทำเสียงล้อๆ เรรินเมื่อเธอบังเอิญได้ยินเรรินนอนละเมอหาธันว์คู่หมั้นเรรินอายหน้าแดง “ยายตาบ้า มาล้อหนูเรอยู่ได้ ก็หนูเรรักของหนูเรนี่นา” กันตาหัวเราะออกมาก่อนจะเฉไฉพูดไปเรื่องอื่น ก็เธอยังบอกกับตัวเองไม่ได้เลยนะว่ารักเขาหรือเปล่า แต่.... “นี่ยายตาตกลงจะตอบไหมถ้าไม่ตอบหนูเรโกรธจริงๆ ด้วย” เรรินกระเง้ากระงอดใส่กันตาเพราะเพื่อนไม่ยอมตอบคำถามเธอสักที กันตายิ้มแหย่ๆ “อึ่ม...รักหรือเปล่ายังไม่รู้หรอกจะว่าไปแล้วเขาก็ดูดี หล่อ เข้ม ตรงสเป็กตาเลยนี่นา ตอนนี้ก็เลยคิดว่าตาชอบเขานะแบบว่า...มากเหมือนกันแหละ อีกอย่างเขาก็ให้เกียรติแต่งงานกับตาด้วย เสียแต่ชอบทำหน้าบึ้ง แล้วดุไปหน่อย” กันตาตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนและซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองมากที่สุด “ก็แค่นั้น ตารู้ไหม...การที่จะแต่งงานกับคนที่เรารักน่ะมีความสุขมากกว่าแต่งงานโดยปราศจากความรัก หรูเรหวังว่าความรู้สึกที่ตามีต่อคุณวนาวินจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรักแล้วก็หวังว่าคุณวนาวินจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับตานะจ๊ะ” เรรินพูดอวยพรเพื่อนรักจากใจจริง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่ากันตาคงจะหลงรักผู้ชายคนนี้แล้วล่ะเพียงแต่ยังไม่มั่นใจนัก คนอย่างกันตาถ้าไม่รักไม่ชอบคงจะไม่ยอมแต่งงานด้วยหรอก เธอก็ได้แต่หวังว่าชีวิตคู่ของกันตาจะมีแต่ความสุขและหวังให้ผู้ชายคนนั้นรักเพื่อนของเธอเช่นกัน “แต่คนอย่างกันตาไม่ยอมแพ้หรอกจ้ะหนูเร ตาจะทำให้อีตาวนาวินจอมดุกลายเป็นผู้ชายยิ้มง่าย น่ารัก ช่างเอาใจอย่างพี่ธันว์ให้ได้ และนายวนาวินจะต้องรัก จะต้องหลง และจะต้องร้องหาแต่ตาทุกลมหายใจเข้าออกเลยเชียว ไหนวินจ๋ามาให้ตาชื่นใจหน่อย จุ๊บๆ ที่รัก” กันตาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางจริงจังปิดท้ายไปกับความทะลึ่งตึงตังก่อนที่สองสาวจะประสานเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม