4.1 คำขาด

1800 คำ
๔ คำขาด กริ๊ง… กริ๊ง… เสียงนาฬิกาปลุกตั้งอัตโนมัติบนโต๊ะดังกังวาน ทำให้คนที่นอนหลับสนิทด้วยความสุขยิ่งยวดค่อยควานมือไปยังตำแหน่งเดิมแล้วกดปิด ซบหน้านิ่งกับหมอนใบโตอีกเป็นครู่ก่อนจะลืมตาแล้วหันขวับไปยังอีกฝากหนึ่งของเตียง ดวงตาคมที่พร่าเบลอเพราะตื่นนอนใหม่สว่างขึ้นพร้อมเหตุการณ์ซาบซ่านเมื่อคืนผ่านเข้ามาในห้วงคิดแบบปัจจุบันทันด่วน ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งพร้อมกับก้มลงมองตนเองด้วยสายตาเครียดจัด ท่อนบนเปล่าเปลือยแต่ท่อนล่างมีผ้าห่มผืนหนาปกปิด กระนั้นเขาก็รู้ดีว่าภายใต้ผ้าผืนนี้ไม่มีอะไรนอกจากเนื้อกายล่อนจ้อน มือใหญ่ถูกยกขึ้นเสยผมลวกๆ ใบหน้าคมคายหันไปหยุดยังพื้นเตียงอีกด้านที่ว่างเปล่า ก่อนจะมาสะดุดลงยังสิ่งแปลกปลอมที่เปรอะติดอยู่กับผ้าปูอันยับย่น คิ้วหนาได้รูปสีดำขมวด ริมฝีปากปิดเม้มเมื่อครู่เผยอออกพร้อมเสียงครางเบาๆอย่างไม่อยากเชื่อ… รอยหยดเลือดสีแดงสามสี่จุดและเป็นทางทำให้เขาต้องเขม้นตามองและขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าเคร่งเครียดอยู่แล้วก็ยิ่งเพิ่มร่องรอยแห่งความกลัดกลุ้มมากขึ้น ริมฝีปากได้รูปเม้มเข้าหากันอีกครั้งเมื่อคิดถึงเจ้าของร่องรอย ชายหนุ่มเหลียวมองไปรอบห้องแต่ก็ไม่มีวี่แวว เขาจึงปัดผ้าห่มให้พ้นไปอีกทางเหวี่ยงขาลงจากเตียงแล้วคว้าเอาผ้าขนหนูผืนเดียวกับเมื่อคืนที่เขาสะบัดทิ้งขึ้นมาพันกายท่อนล่าง เดินตรงเขาไปยังห้องน้ำก็ว่างเปล่า จึงตัดสินใจลงไปดูยังชั้นล่างแต่แล้วก็ว่างเปล่าอีกตามเคย เท้าใหญ่เรียวของเขาชะงักอยู่หน้าประตูเมื่อสำนึกได้ถึงสภาพของตน จึงหมุนกลับไปยังโทรศัพท์ตั้งโต๊ะแล้วกดเบอร์ที่ต้องการลงไปทันที… กริ๊ง… เสียงเรียกยาวของโทรศัพท์บ้านทำให้คนที่กำลังซอยเท้าออกไปต้องชะงัก ไม่กล้ารับสายเกรงว่าจะเป็นอัคคี แต่หากไม่รับแล้วเป็นคุณป้าของหล่อนท่านก็จะเป็นห่วง จึงตัดความกังวลแล้วรับโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะ บ้านสลารัตน์ค่ะ” เสียงหวานที่รับสายทำให้คนโทร.หากำโทรศัพท์แน่น “อย่าเพิ่งออกไปทำงาน เรามีเรื่องต้องคุยกัน!” เสียงทุ้มที่ดังแทรกเข้ามาภายในโทรศัพท์ทำให้คนรับสายหัวใจกระตุกฮวบ มันดิ่งวูบลงสู่แทบเท้าก่อนจะค่อยๆ ลอยขึ้นมาอยู่ยังที่เดิมด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นเล็กๆ “หวานไม่ว่าง” กัดฟันตอบ ประคองเสียงไม่ให้สั่น “วันนี้ต้องรีบเข้าที่ทำงาน มีอะไรไว้คุยกันเย็นนี้นะคะ สวัสดีค่ะ” “หวาน! หวาน! โธ่โว้ย!” กระแทกโทรศัพท์ลงกับแป้นเต็มแรงด้วยความโกรธฉิว “มธุรส! ลองดีกับฉันใช่ไหม?” มธุรสวางโทรศัพท์ลงด้วยใจตื่นระทึก รีบสืบเท้าไปยังหน้าต่างบานเล็กจัดการปิดลงกลอนแล้วตรงไปยังประตูบ้านเพื่อออกไปทำงานให้เช้ากว่าเดิม ตั้งใจหลีกหนีหลบหน้าคนที่ฝากรอยมลทินไว้บนกายหล่อน ต่างจากคนที่ฝากฝังรอยมลทินเพราะหลังจากวางสายเขาก็กลับขึ้นไปเปลี่ยนเป็นชุดคลุมแล้ววิ่งลงไปด้านล่างอีกครั้ง งานนี้เขาไม่ยอมให้มธุรสหนีหน้าได้อย่างเด็ดขาด หล่อนรู้จักเขาน้อยพอๆ กับที่เขาต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้าที่เขาจะบ้าคลั่งไล่ปล้ำเอาหล่อนทำเมียเสียไม่รู้กี่ครั้งกี่หนเมื่อคืนนี้! ชายหนุ่มแทบสะบัดหน้าเมื่อคิดถึงตอนที่เขาจับหล่อนกดลงบนเตียงกว้างที่มีเพียงเขาเท่านั้นครอบครองมันมาตลอดระยะเวลาที่เป็นเจ้าของ แต่เมื่อคืน… แม่ผู้หญิงร้อยเล่มเกวียนคนนั้น ได้ครอบครองมันร่วมกันอย่างที่เขาไม่เคยคิดล่วงหน้ามาก่อนว่ามันจะเป็นเช่นนี้! เขาอยากจะบ้าตายนัก! “มธุรส!!” เสียงกระโชกที่ดังออกมาจากด้านข้างทำให้คนที่กำลังเปิดประตูรถต้องชะงัก หันขวับไปมองยังต้นเสียงแผดคำรามจนคอแทบเคล็ด “อาเพลิง…” ครางเสียงแผ่วใบหน้าเผือดซีดก่อนจะกระชากประตูออกแล้วรีบเข้าไปในนั้นหวังปิดกั้นตนเองจากสายตาคมกร้าวของคนในชุดคลุม แต่ร่างสูงที่เตรียมตัวพร้อมแล้วไม่ปล่อยให้แม่ผู้หญิงเจ้าเล่ห์หนีหายไปต่อหน้าต่อตา เขาก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็กระชากร่างบางของหญิงสาวให้ออกมาจากรถ “ยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น! มานี่เลยแม่ตัวดี!” เขากระชากลากถูร่างเล็กเข้าไปในตัวบ้านของหล่อน “เปิดประตู!” “ไม่! วันนี้หวานรีบ ก็บอกแล้วไงว่าไว้คุยกันตอนเย็น!” พยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมแน่นหนาของเขา ทว่ายิ่งพยายามเท่าไร ก็ดูเหมือนพันธนาการเลือดเนื้อจะยิ่งแน่นขึ้นมากเท่านั้น “เปิดประตู!” สั่งทั้งน้ำเสียงและแววตา มธุรสแทบไม่กล้าสบตาคนหน้าเข้มเลยสักนิด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยกลัวเขามาก่อน ทว่าหลังจากเมื่อคืนเขามีอะไรหลายอย่างทำให้หล่อนเริ่มกลัว แต่มันก็สายไปเสียแล้วเมื่อรู้ว่ากลัว เพราะเวลานี้ร่างกายของหล่อนได้ถูกเปลวเพลิงเผาผลาญจนแทบจะมอดไหม้ ริจะเล่นกับไฟเลยถูกไฟเผาเสียจนเกือบไม่เหลือดี! “แต่…” “เปิด!” มือเล็กล้วงลงควานหากุญแจมือไม้สั่น แต่เมื่อหยิบออกมาได้ก็ไขผิดไขถูกจนอีกฝ่ายต้องแย่งเอาไปเปิดเสียเอง หญิงสาวถูกผลักเข้าไปภายในจนเซไปอีกทางพร้อมประตูที่ถูกปิดลง “มีอะไรก็พูดมาสิคะ หวานจะรีบ!” บอกเสียงสั่นพร่าเมื่อสบตาคมวับจากเจ้าของร่างกายกำยำตรงหน้า เขาไม่พูดแต่เดินเข้าหาหล่อนช้าๆ ด้วยกิริยาย่างสามขุม เตรียมที่จะขย่ำหล่อนได้ทุกเมื่อ “บอกมา! เมื่อคืนเธอทำอะไร?” เพียงเท่านั้น หญิงสาวก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร แต่คิ้วเรียวสวยจึงขมวดมุ่น นั่นสิ! แล้วหล่อนทำอะไรล่ะ? คำตอบคือ… เปล่า! เพราะเมื่อคืนคนที่ทำไม่ใช่หล่อนแต่เป็นเขาต่างหาก ตั้งแต่ช่วงดึกจนค่อนรุ่ง! ใบหน้าที่แดงก่ำของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มเม้มปากแน่น มือหนาเผลอกำเข้าหากันเมื่อเขาเองก็เผลอไผลคิดไปถึงบทรักอันเร่าร้อนจนบางอย่างภายในกายตื่นตกใจขึ้นมาพร้อมๆ กับเขา “ว่าไง? เมื่อคืนเธอทำอะไร ทำไมฉันถึง…” ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง อีกคนหนึ่งค้นคว้า หากอีกคนหนึ่งกลับกำลังครุ่นคิดหาสาเหตุ นั่นสิ! แล้วเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น ยานั่น มันเป็นแค่ยานอนหลับธรรมดาๆ แต่ทำไม… นอกจากเขาจะไม่หลับแล้ว อัคคียังคึกจัดเสียจนหล่อนอ่อนเปลี้ยไปทั้งกาย แล้วจู่ๆ หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตเบิกกว้างคล้ายกับคนตื่นตระหนกจนชายหนุ่มเองต้องหรี่ตามองด้วยความแปลกใจ “หรือว่า…” ครางเสียงแผ่ว หันหลังให้เขาอย่างไม่กล้าสบตาอีก หรือว่ายาเมื่อคืนมันไม่ใช่ยานอนหลับ แต่ยาที่หล่อนได้มาจากอุษาเป็นยาปลุกเซ็กซ์! โอ… ไม่นะ! คิดได้เช่นนั้นหญิงสาวก็รีบควานมือลงหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวออกมามากดหาคนปลายสายทันที ส่วนชายหนุ่มจับตามองพฤติกรรมของมธุรสด้วยความประหลาดใจไม่น้อย หล่อนดูเหมือนคนที่กำลังครุ่นคิดและก็กำลังสับสนและตกใจไปในเวลาเดียวกัน แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและหล่อนกันแน่?! “ฮัลโหล…” เสียงจากปลายสายทำให้คนที่เป็นฝ่ายโทรศัพท์หาเม้มปากก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนหน้าบึ้งด้านหลังด้วยความหวาดหวั่น ขยับเดินห่างเขาอีกนิดแล้วพยายามกรอกเสียงลงไปให้เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ “ษา นี่ฉันเองหวาน” “หวาน!! เมื่อคืนษาโทร.หาตั้งหลายหนแน่ะทำไมไม่รับ ษาจะบอกว่าไอ้ยาที่ให้หวานไปน่ะมันไม่ใช่ยานอนหลับแต่มันเป็นยาปลุกเซ็กซ์! พอดีเพื่อนษามันบ้า เอายาผิดมาให้ เดี๋ยววันนี้ษาจะเอาไปเปลี่ยนให้ก็แล้วกันนะ แล้วยาที่อยู่กับหวานน่ะทิ้งไปเลย อย่าไปลองใช้เข้าละเดี๋ยวจะแย่…” “ยาปลุกเซ็กซ์?...” เสียงหวานครางแผ่วจนคนปลายสายแทบไม่ได้ยิน คำเตือนประโยคหลังๆ ของเพื่อนจึงเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะทุกอย่างไม่มีประโยชน์อีกแล้ว ยานั่น หล่อนใช้มันไปเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนั้นหล่อนก็สังเวยความสาวให้กับความโง่เขลาของตนเองจนเกือบเช้า! “ใช่! ยาปลุกเซ็กซ์ ยังไงวันนี้เที่ยงเดี๋ยวษาเอาไปเปลี่ยนให้ใหม่นะ” ดวงหน้าหวานของคนฟังเผือดซีด ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าหล่อนใช้ยาที่ว่านั่นไปกับคนข้างหลังอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยว่ามันคือยาปลุกกำหนัด คนปลายสายเห็นเพื่อนเงียบไปก็เอ่ยเรียก “หวาน? หวานได้ยินฉันหรือเปล่า” “เอ่อ จ้ะ ได้ยิน” เสียงตอบรับแหบพร่าแต่ดูเหมือนคนทางโน้นจะไม่ได้สนใจฟังสักเท่าไร “งั้นโอเคตามนี้นะ เดี๋ยวเที่ยงนี้ษา…” “ไม่ต้องแล้วษา” คำปฏิเสธทำให้คนฟังขมวดคิ้วมุ่น “ฮึ!? ทำไมล่ะ” “หวานไม่ต้องใช้แล้วละ” คนเป็นธุระจัดหาขมวดคิ้วมุ่น เตรียมอ้าปากถามอีกแต่ถูกตัดบทเสียก่อน “แค่นี้ก่อนนะ หวานต้องรีบไปทำงาน” กดตัดการติดต่อทันทีที่บอกลาเพื่อน ส่วนคนที่ยืนด้านหลังก็ตัวชาดิก ใบหน้าคมกระด้างที่เคร่งขรึมอยู่แล้วก็ยิ่งเลวร้ายลงไปอีกเมื่อได้ยินเสียงเบาๆ ที่มธุรสเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้ มือหนากำแน่นก่อนจะยกขึ้นกระชากร่างบางให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา “ฉันอยากฆ่าเธอให้ตายนัก! ผู้หญิงไร้ยางอาย!” มธุรสหน้าเผือด สั่นหน้าปฏิเสธ “ทำไม อยากนักหรือไง! ถึงได้ต้องพึงไอ้ยาอุบาทว์นั่นน่ะ? ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ คงจะเคยทำมาบ่อยแล้วสิท่า!” “ไม่นะคะ! หวานไม่เคย…” “โกหก! อย่ามาปลิ้นปล้อน อย่าคิดนะว่าสิ่งที่เธอทำกับฉันแล้วจะจับฉันได้! ผู้หญิงอย่างเธอผ่านใครมามั่งก็ไม่รู้ คงจะมั่วจนเปรอะเลยสิท่าถึงได้กล้าใช้ยานั่น!!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม