๒ แฉ
เจ้าของใบหน้างดงามไร้ที่ติเม้มปากแน่น เมื่อนึกย้อนกลับไปสองสามเดือนก่อนภายในโรงแรมที่มีบิดาของอุษาเป็นเจ้าของ ที่นั่นหล่อนได้พบกับมณีและใครคนหนึ่ง
คนรักของอัคคีปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นโอบกอดเข้าไปภายในโรงแรม และหายกันไปกว่าชั่วโมงจึงกลับออกมา หญิงสาวขอความช่วยเหลือจากอุษาให้ตรวจว่าทั้งสองพักห้องไหน แล้วหล่อนก็ได้รู้ว่าทั้งคู่เปิดห้องชั่วคราว และเคยไปที่นั้นไม่น้อยกว่าห้าครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งมักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันเพียงหนึ่งถึงสองชั่วโมงเท่านั้น จากกล้องวงจรปิดที่อุษาเปิดให้หล่อนดู จึงเดาได้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งลับหลังอัคคีแน่ๆ
คนรักลอบคบชู้สู่ชาย หากเขารู้จะทำยังไง จะเสียใจแค่ไหน…
“คุณมณี ไม่คู่ควรกับอาเพลิงหรอกค่ะ”
ดวงตาคมกริบวาววับ ก่อนจะไหววูบเมื่อหญิงสาวหลุดออกมาอีกประโยคหนึ่ง
“เพราะเธอไม่ซื่อสัตย์ต่ออาเพลิง! เธอมีคนอื่นไปพร้อมๆ กับอาเพลิง!”
“อย่ามาพูดพร่อยๆ!”
ดวงตาคู่สวยตวัดมองใบหน้าคมที่เข้มขึ้นอย่างเยาะๆ ก่อนจะเมินหน้าหนีไปอีกทาง นึกแล้วเชียวเขาต้องไม่เชื่อหล่อน…
“ช่างเถอะค่ะ ก็หวานบอกแล้ว ว่าอาเพลิงต้องไม่เชื่อ”
หญิงสาวหมุนตัวเตรียมกลับ เพราะอยู่ไปก็รังแต่จะเจ็บช้ำ คนอย่างเขาไม่มีวันเชื่อหล่อนก็รู้อยู่ แต่เมื่อต้องทนอยู่ใกล้คนที่มองหล่อนด้วยสายตาไม่เชื่อถือและมองหล่อนเป็นเด็กเลี้ยงแกะก็คงไม่ขอทน
“ยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นหวาน!” แขนข้างหนึ่งถูกเขายึดไว้ หญิงสาวมองคนที่รั้งหล่อนไว้ด้วยสายตาเป็นคำถาม
“แล้วจะให้หวานอยู่เพื่ออะไร…” ถามออกไปแล้วก็หรี่ตามองคนตัวโตหน้าเข้มก่อนจะยิ้มบางที่มุมปาก “หรือจะให้หวานขึ้นไปนวดให้ที่ห้องคะ”
อัคคีแสยะยิ้ม กวาดตามองหญิงสาวทั่วร่างด้วยแววตาหยาบคาย มธุรสหน้าร้อนผ่าวกับสายตาของเขาทว่ายังฝืนยิ้มยั่ว
“ฉันว่าคนที่ทำตัวแบบนั้นไม่ใช่มณีหรอก เป็นเธอมากกว่ามธุรส!”
“อาเพลิง!” ดวงตาคู่สวยวาววับ เจ็บใจ เสียใจที่ถูกเข้าใจผิด
“ทำไม?” อัคคียิ้มเยาะ แล้วใช้สายตาแบบเดิมมองหล่อนอีกครั้ง “รับความจริงไม่ได้หรือไง จะบอกอะไรให้นะ ว่าเธอไม่มีทางใส่ร้ายเขาได้หรอกเพราะฉันไม่มีวันเชื่อเด็ดขาดจำไว้!”
เมื่อถูกผลักออกห่าง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจึงมองเขาอย่างเจ็บใจ
“ก็คอยดู ไหนๆ ก็ไม่เชื่อ งั้นถ้าหวานมีอะไรมาให้ดูก็อย่าช็อกไปเสียก่อนละ อ้อ! พรุ่งนี้นะคะ แล้วพรุ่งนี้ตาที่บอดมานานของอาเพลิงจะสว่างเสียที!”
ว่าแล้วร่างเล็กก็หมุนออกไปจากบ้านของอัคคีอย่างรวดเร็ว หญิงสาวก้าวยาวๆ ขณะที่มือไม้สั่นเทาจนรู้สึกได้ น้ำตารื้นอย่างน้อยใจคนข้างในบ้าน อุตส่าห์หวังดีแต่กลับถูกมองว่าโกหก เอาเถอะพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน อยากรู้นักว่าหากได้เห็นคลิปนั่นแล้วจะทำหน้ายังไงอีก!
ส่วนอัคคีเองก็ยืนนิ่งอยู่กับที่เป็นนาน คำพูดของมธุรสยังดังก้องในโสตประสาท เขาไม่อยากเชื่อหล่อนแต่ประโยคนั้นกลับกวนใจเขาอยู่ร่ำไป ให้ตายสิ! เด็กบ้านั่นพยายามทำให้เขากับมณีแตกจากกัน ทำให้ผิดใจกัน เขาก็อยากรู้นัก ว่าพรุ่งนี้มธุรสจะเล่นอะไรอีก
“ฉันจะคอยเธอก็แล้วกัน…”
รุ่งขึ้นมธุรสตื่นแต่เช้า ใบหน้างดงามสดใสถูกตกแต่งบางเบา พวงผมยาวสลวยรัดไว้เป็นหางม้า ร่างบอบบางในชุดเสื้อแขนยาวสีชมพูดอ่อนพับครึ่งแขนแล้วทับด้วยกระโปรงสั้นเหนือเขาสีดำทรงสอบ เท้าเรียวเล็กถูกห่อหุ้มด้วยรองเท้าคู่หรูสีเดียวกับกระโปรงก้าวเร็วๆ ไปยังรถยนต์คันเล็กของหล่อน เช้านี้ที่นราธร กรุ๊ป บริษัทที่หล่อนทำงานในตำแหน่งฝ่ายการตลาดมีประชุมแต่เช้าจึงทำให้ต้องรีบกว่าปกติ หญิงสาวเปิดประตูเตรียมเข้าไปนั่งแต่ต้องชะงักค้างเมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่อีกบ้านมองมายังหล่อนนิ่ง และดูเหมือนเขาเองก็กำลังออกไปทำงานเช่นกัน
“ขับรถดีๆ นะคะอาเพลิง อ้อ แล้ววันนี้เย็นๆ หวานมีอะไรจะให้ดูตามที่สัญญาไว้เมื่อคืนนะคะ บายค่ะ…”
หญิงสาวยิ้มหวานให้เขาก่อนผลุบเข้าไปในรถยนต์คันเล็กของหล่อน แล้วขับผ่านหน้าบ้านของชายหนุ่มออกไปยิ้มๆ ก่อนจะเลื่อนกระจกปิดสนิท ขณะที่เจ้าของร่างสูงได้สัดส่วนชวนมองยังยืนจ้องตาม จนเมื่อท้ายรถของหญิงสาวลับตาจึงสั่นหน้าเบาๆ ไม่ใส่ใจในสิ่งที่หญิงสาวพูดไว้นัก ก่อนจะเข้าไปในรถของตัวเองแล้วขับตามออกไป
จากเช้าจดเที่ยง เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่คิดถึงหญิงสาวมธุรส วันนี้ทั้งวันอัคคีนึกถึงแต่คำพูดของหญิงสาว แม้จะบอกกับตัวเองว่าไม่สนใจ แต่เอาเข้าจริงเขากลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างค้างคาอยู่ลึกๆ
กริ๊งงง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นภายในห้องทำงานส่วนตัวของประธานกรรมการแห่งเวโรจน์ เฮาส์ หรือผู้บริหารและสถาปนิกมือหนึ่งของบริษัทรับออกแบบและสร้างบ้านขนาดกลางที่มีเงินลงทุนหนาแน่นซึ่งประสบความสำเร็จเหนือบริษัทอื่นในภายในระยะเวลาเพียงไม่นาน จนเป็นที่จับตามองของยักษ์ใหญ่ที่เปิดธุรกิจประเภทเดียวกันมานานหลายสิบปี ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ด้วยฝีมือของเขาและทีมงานอันยอดเยี่ยม ทำให้เวโรจน์ เฮาส์ ประกาศศักดาได้ในเวลาอันรวดเร็ว รวมทั้งตรึงความเชื่อถือไว้วางใจของลูกค้าให้ติดหนึบอยู่กับเวโรจน์ เฮาส์ ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมในลำดับถัดมาได้อย่างมหาศาล โดยมีเสียงตอบรับดีเยี่ยมนับแต่ผลงานชิ้นแรกที่ออกสู่สายตาจนมาถึงบัดนี้ก็ไม่ได้แผ่วลงแต่อย่างใด หนำซ้ำยังมีแนวโน้มว่าจะประกาศตัวเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการการจัดสร้างที่อยู่อาศัยแทนที่รายเดิมได้ในไม่ช้านี้…
“ครับมณี…” กรอกเสียงตอบรับหลังจากมือได้รูปของเขาเอื้อมหยิบโทรศัพท์ตั้งโต๊ะขึ้นแนบหู
“เพลิงขา… วันนี้มณีคงไปทานข้าวเที่ยงกับเพลิงไม่ได้นะคะ พอดีว่าติดงานด่วนค่ะ” เสียงหวานจากคนต้นสายออดอ้อนมาแต่ไกล
“โธ่… ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ว่างก็เอาไว้วันหลังก็ได้” ชายหนุ่มเอ่ยพลางยิ้มให้โทรศัพท์ เสียงหวานๆ ของมณียังเจื้อยแจ้วต่อไป ทว่ากลับมีบางอย่างดังเข้ามายังโทรศัพท์ส่วนตัวอีกเครื่องที่วางไว้บนโต๊ะ…
ตื๊ดตื๊ด… ตื๊ดตื๊ด…
มือข้างหนึ่งที่ว่างเอื้อมหยิบ กดสัมผัสแค่นิดเดียวภาพก็ปรากฏให้เห็น ร่างสูงที่นั่งเอนๆ กับเก้าอี้สูงภายในห้องทำงานต้องขยับตั้งตรง คิ้วหนาที่เป็นแนวเข้มขมวดมุ่น เมื่อภาพและเสียงเริ่มทยอยเล่น…
‘คมน์ขา…’
‘หืม…’
‘อื้ม… คะ… คมน์ ณี ไม่ไหวแล้วค่ะ อ๊า!’
‘โอ้ว พระเจ้า! คุณวิเศษมาก อ่า ดีมากเยี่ยม ใช่ แบบนั้น อ่า…’
เสียงกระเส่าที่ดังออกมาจากสมาร์ตโฟนทันสมัยทำให้อัคคีถึงกับมือสั่น แต่เวลาเดียวกันเขาก็ยังฟังคนรักพูดทางโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่ง
“เพลิงขา… ทำไมเงียบไปล่ะคะ นี่ เย็นๆ มณีจะไปที่บ้านคุณนะคะ”
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?” เสียงนุ่มๆ เมื่อครู่แข็งกระด้างขึ้นโดยอัตโนมัติ ทว่าคนต้นสายไม่ทันสังเกตจึงหันไปมองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงกว้างแล้วเอื้อนเอ่ยเบาๆ
“อ๋อ เอ่อ ณีออกมาคุยงานกับลูกค้าน่ะค่ะ พอดีมีงานด่วนเข้ามา…”
กรามแข็งแกร่งบดกันจนเป็นสัน เวลาในคลิปบอกว่าเพิ่งจะผ่านมาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
“แน่ใจนะ?”
คนต้นสายขมวดคิ้วมุ่น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่คมน์ตื่นขึ้นแล้วขยับตัวบิดไปมาอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะเลิกคิ้วล้อเลียนร่างบางที่เดินเข้าไปหาอ้อมแขนร้อนเร่าของคมน์ทั้งที่ยังคุยโทรศัพท์อยู่กับคู่หมั้นหนุ่ม
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ พูดแบบนี้ไม่เชื่อใจกันนี่คะ…” แสร้งทำเสียงขุ่น ทว่ากลับแอ่นอกรับฝ่ามือหยาบที่เคล้นคลึงบดบี้ตุ่มไตอย่างเร่าร้อน อัคคีกำโทรศัพท์แน่น กัดฟันกรอกเสียงออกไปอย่างใจเย็น
“ไม่มีอะไรหรอก แต่ตอนนี้คุณคงยุ่งอยู่ใช่ไหม?” คนถูกถามเริ่มหน้ามืดตาลาย เมื่อยอดถันถูกคนที่นอนบนเตียงกว้างยันตัวขึ้นตวัดงับฉกลิ้นไล้ก่อนดูดดึงหนักสลับเบา
“อ๊ะ… เอ่อค่ะ ยุ่งมากเลย เอ่อ แค่นี้ก่อนนะคะเพลิง แล้วเจอกันเย็นๆ ค่ะ” พยายามเปล่งเสียงให้เป็นปกติที่สุด ก่อนจะดันใบหน้าของคมน์ให้ถอยห่าง เพราะหล่อนกำลังทนไม่ไหวที่จะไม่ให้หลุดเสียงครางเข้าไปในโทรศัพท์ อัคคีบดกรามจนเป็นสันนูนก่อนจะตอบออกไปหนักๆ
“ได้! แค่นี้แล้วกัน!”
“ค่ะ ค่ะ…”ตอบรับเสียงกระเส่า รีบปิดเครื่องฉับพลันเมื่อความเสียวซ่านทะยานสูง “คมน์จ๋า… โอ้ว ณี อืม…”
เสียงสะท้านนั้นสั่นระรัวเช่นเดียวกับเนื้อตัวที่สั่นเทา ก่อนจะกรีดเสียงร้องออกมาอย่างไม่จำเป็นต้องเก็บกลั้นอีกต่อไป โดยไม่รับรู้เลยว่าหายนะกำลังมาเยือน ทั้งเสียงและภาพคมชัดอยู่โทรศัพท์ของอัคคี เขากำลังโกรธจัดอย่างที่ไม่ได้โกรธมานาน ยิ่งโกรธเขาก็ยิ่งเงียบ…
“แพศยา! ทำไม?...” คำถามนั้นปราศจากคำตอบ แต่วินาทีหนึ่งเขาฉุกคิด ใคร? คือคนที่ส่งคลิปนี้มา แล้วเสียงหวานๆที่ดังในห้วงสำนึกก็ทำให้เขารู้…
‘ขับรถดีๆ นะคะอาเพลิง อ้อ แล้ววันนี้เย็นๆ หวานมีอะไรจะให้ดู ตามที่สัญญาไว้เมื่อคืนนะคะ บายค่ะ…’
คิ้วหนากระตุกวูบ แต่ไม่ทันไร เสียงข้อความก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ตื๊ดตื๊ด… ตื๊ดตื๊ด…
‘ว่าจะรอให้ถึงเย็น แต่อดรนทนไม่ไหว ต้องขออภัยอาเพลิงมากๆ ที่ทำให้ทานข้าวกลางวันไม่ลง…หวาน’
“มธุรส!”
อัคคีผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก้าวพรวดหมายจะออกไปจากห้อง แต่ทว่าจู่ๆ ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อนึกขึ้นได้ว่าถึงอย่างไร ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว คลิปนั้น ไม่ได้ถูกตัดต่อและเสียงครางรวมทั้งเสียงพูดคุยเขาก็จำได้แม่นยำ
มณี! ผู้หญิงที่เขากำลังเข้าพิธีแต่งงานด้วยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้ากลับไปนอนกับคนอื่น! เขาอุตส่าห์ให้เกียรติ ทะนุถนอม แต่ไม่ยักรู้ว่าหล่อนจะร้อนจนต้องหาคนมาแก้ขัดแทนเขา! ที่แท้ หล่อนก็ไม่ผิดอย่างที่มธุรสบอกจริงๆ
แล้วมธุรสรู้ได้อย่างไร ไปเอาคลิปพวกนี้มาจากไหน?
เกิดคำถามขึ้นอีกครั้งกับอัคคี เขาลังเล สับสน แต่คลิปที่เห็นไม่ตัดต่อแน่ๆ เขามั่นใจ มันใจและแน่ใจว่าคนในคลิปนั่นคือคู่หมั้นของเขาเอง! มณีทำเขาเจ็บแสบนัก ทั้งที่เขาทั้งรักและให้เกียรติ แต่หล่อนกลับเหยียบย่ำเกียรติที่เขามอบให้ด้วยฝ่าเท้าของหล่อนเอง!