คำกระซิบของเขาที่เจือความหิวกระหายนั้นไม่ต่างอะไรกับเสียงคำรามของนักล่าก่อนขย้ำเหยื่อ ร่างบางของเพียงขวัญสะท้านวาบ เธอก้าวถอยโดยไม่รู้ตัว มือหนาของเขายังคงจับต้นแขนเธอไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก
“ขอร้องนะคะ...” เสียงของเธอสั่นและแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน “วะ...วันอื่นได้ไหมคะ”
ภาคย์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แววตาของเขาที่มองมาเหมือนกำลังมองเด็กน้อยที่กำลังต่อรอง
“หนี้สินมันมีดอกเบี้ยนะคุณ.... และดอกเบี้ยมันเริ่มเดินตั้งแต่วินาทีแรกที่ฉันจ่ายเงินให้พวกมันไป” เขากล่าวเรียบๆ “และนี่...ก็คือวินาทีแรกของการชำระคืน”
ความหวังริบหรี่สุดท้ายดับวูบลง แต่เธอยังไม่ยอมแพ้ เธอนึกถึงข้ออ้างบางอย่างขึ้นมาได้
“แต่...แต่ในห้องฉัน...ไม่มี...อันนั้น” เธอพูดเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยความอับอายเกินกว่าจะเอ่ยชื่อของมันออกมาตรงๆ ได้
เธอหวังว่าข้ออ้างนี้จะทำให้เขาชะงักไปบ้าง อย่างน้อยก็ซื้อเวลาให้เธอได้อีกหนึ่งคืน
แต่ภาคย์กลับเพียงแค่ยิ้มมุมปาก เขายอมปล่อยแขนเธอ ก่อนจะเดินกลับไปที่เก้าอี้ที่เขาโยนเสื้อเชิ้ตพาดไว้ เขาล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์หนังสีดำสนิทออกมา แล้วเปิดมัน...
สิ่งที่เขาหยิบออกมาแล้วโยนลงบนโต๊ะข้างเตียงเบาๆ ทำให้หัวใจของเพียงขวัญหยุดเต้นไปชั่วขณะ
มันคือซองฟอยล์สี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่เธอกล่าวถึง...
เขาเตรียมพร้อมมาทุกอย่าง...
“คุณคิดว่าหมออย่างฉันจะพลาดเรื่องพื้นฐานแบบนี้เหรอ” เขากล่าวอย่างเย้ยหยัน “สุขอนามัยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อต้องสัมผัสกับของที่...ไม่รู้ว่าเคยผ่านอะไรมาบ้าง”
เพียงขวัญสั่นเทาอย่างสุดจะทน
"คุณไม่มีสิทธิ์พูดแบบนั้นกับฉัน..." เธอสวนกลับเสียงแผ่ว ดวงตาแดงก่ำด้วยน้ำตา "ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่คุณคิด..."
ภาคย์หัวเราะในลำคอ แววตาเยือกเย็นไม่ไหวติง
"เธอคิดเหรอ ว่าความคิดของฉันจะเปลี่ยน... แค่เพราะเธอพูดว่าไม่ใช่"
เขาก้าวเข้ามาอีกนิด จนลมหายใจร้อนๆ ของเขาปะทะกับผิวหน้าเธอ
"คนที่กลายเป็นหนี้แทนผู้ชายเลวๆ คนหนึ่งโดยไม่ดูให้ดี... มันสมควรได้อะไรดีๆ บ้างเหรอ"
น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลกลับมาเอ่อคลออีกครั้งด้วยความเจ็บปวดใจและความอัปยศ เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาทั้งน้ำตา คำถามที่ค้างคาใจพรั่งพรูออกมาอย่างไม่อาจกั้น
“ทำไม... ทำไมต้องเป็นฉัน” เสียงของเธอแตกพร่า “ทำไมคุณต้องช่วยฉัน แล้วทำไมคุณถึงต้องการให้ฉันเป็นของคุณ... ในเมื่อคุณแค่ปล่อยผ่านไปก็ได้ ไม่เห็นจะต้องเข้ามาเดือดร้อนเลย!”
เธอไม่เข้าใจ... ผู้ชายที่ดูสมบูรณ์แบบอย่างเขาจะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องสกปรกแบบนี้ทำไม เพื่ออะไรกันแน่!
ภาคย์ยืนนิ่งมองเธอทั้งน้ำตา แววตาของเขาในตอนนี้ลึกล้ำจนเธออ่านไม่ออก เขาไม่ตอบคำถามของเธอตรงๆ แต่กลับย้อนถามด้วยคำถามที่ทำให้เธอพูดไม่ออก
“แล้วทำไมฉันต้องปล่อยผ่านล่ะ” เขาก้าวเข้ามาหาเธออีกครั้ง “ในเมื่อฉันเห็นของที่ฉันอยากได้อยู่ตรงหน้า... ฉันก็แค่ซื้อมันมา”
เธอเบี่ยงหน้าหนี เสียงสั่นเครือ
"คุณทำแบบนี้เพราะอะไรคะ... แค่เพราะคุณมีเงิน? หรือเพราะคุณรู้ว่าฉันไม่มีทางหนี..."
ภาคย์เงียบไปครู่หนึ่ง แววตาเจือความวูบไหววาบเดียว ก่อนจะกลบมิด
"เปล่า... ฉันทำเพราะฉันไม่ชอบปล่อยให้ของที่ควรเป็นของฉันหลุดมือไป"
“ฉันไม่ใช่สิ่งของ!” เธอเถียงกลับไปทันควัน
“แต่ตอนนี้เธอเป็น” เขาสวนกลับมาอย่างเลือดเย็น “เธอเป็นของฉัน... ด้วยเงินหนึ่งล้านบาท”
เพียงขวัญพูดอะไรไม่ออกอีกต่อไป เธอส่ายหน้าไปมาอย่างสิ้นหวัง พยายามหาเหตุผลสุดท้ายมาเหนี่ยวรั้งเขาไว้ “แล้ว...แล้วเพื่อนฉัน...เปิ้ลเป็นคนไข้ของคุณนะคะ คุณเป็นหมอของเธอนะ!”
เธอพยายามจะดึงสติในความเป็นหมอของเขาออกมา เธอหวังว่าจรรยาบรรณในอาชีพจะสามารถหยุดยั้งความเถื่อนในตัวเขาได้บ้าง
แต่ภาคย์กลับหัวเราะในลำคอเบาๆ มันเป็นเสียงหัวเราะที่น่าขนลุกที่สุดเท่าที่เธอเคยได้ยิน
“เธอพูดถูก” เขายอมรับ “ที่โรงพยาบาล ในเวลางาน... ฉันคือหมอภาคย์ แพทย์เจ้าของไข้ของคุณอารีรัตน์”
เขาหยุดพูดไปชั่วครู่ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาจนชิดใบหูของเธออีกครั้ง ลมหายใจอุ่นร้อนของเขากระซิบประโยคที่ทำลายโลกทั้งใบของเธอ
“แต่ในห้องนี้... ในเวลานี้... ฉันคือเจ้าหนี้... และเป็นเจ้าของคนใหม่ของเธอ”
สิ้นคำนั้น... ทุกอย่างก็พังทลายลง
เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เคยมีหายไปหมดสิ้น เพียงขวัญยืนนิ่งราวกับรูปปั้น เหลือเพียงร่างกายที่รอรับชะตากรรมเท่านั้น
ภาคย์รับรู้ได้ถึงการยอมจำนนของเธอ เขายกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเนียนออกไป สัมผัสของเขาในตอนนี้ไม่ได้ดุดัน แต่กลับเต็มไปด้วยการแสดงความเป็นเจ้าของ
“ถอดเสื้อผ้าออกสิ” เขาสั่งเสียงเรียบ
เขาเอื้อมมือมาแตะปลายคางเธอเบาๆ
"ฉันไม่ต้องการแค่ร่างกายของเธอหรอกนะเพียงขวัญ... แต่ฉันต้องการให้เธอ ยอมจำนนทั้งหมด ให้กับฉัน"
เขาย้ำเสียงต่ำ
"ไม่ใช่เพราะหนี้... แต่เพราะเธอ ‘เลือก’ เองต่างหาก"
เพียงขวัญหลับตาแน่น เสียงสะอื้นหลุดลอดออกมาทางจมูก
"ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะคะ"
“...”
ภาคย์โน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง กระซิบชิดข้างแก้มเธอ
"งั้นก็ลองขัดขืนดูสิ... ถ้าเธอกล้า"
เพียงขวัญสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าขัดขืน มือที่สั่นเทาของเธอค่อยๆ เอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทำงานของตัวเองออกทีละเม็ด... ทีละเม็ด... หัวใจของเธอเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนกำลังถูกฉีกเป็นชิ้นๆ นี่คือการกระทำที่น่าอัปยศที่สุดในชีวิต แต่เธอก็ต้องทำ
เสื้อเชิ้ตสีขาวร่วงหล่นลงไปกองกับพื้น เผยให้เห็นบราเซียร์ลูกไม้สีอ่อนที่ห่อหุ้มทรวงอกอิ่มเอาไว้
สายตาของภาคย์ที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความพึงพอใจ เขาก้าวเข้ามาประชิดตัวเธอ โอบเอวบางของเธอไว้แล้วดึงเข้าไปชิดกับแผงอกกำยำของเขาจนร่างกายแนบสนิทกัน
“ไม่ต้องกลัว...” เขากระซิบเสียงพร่า “ฉันจะสอนให้เธอรู้เอง... ว่าการเป็นของผู้ชายคนเดียว...มันรู้สึกดียังไง”
พูดจบ เขาก็ก้มลงประกบริมฝีปากของตัวเองเข้ากับริมฝีปากที่สั่นระริกของเธอทันที