ชายหนุ่มที่ทั้งสองพูดถึงก่อนเรียนได้เข้ามาที่ประตูด้านหลังห้องเรียบร้อยแล้ว เขามองไปที่เพื่อนสนิทสาวร่างเล็กที่คุ้นตา ก่อนที่จะเดินเข้าไปนั่งด้วย พร้อมกับเอ่ยทักเพื่อนที่นั่งข้างๆ อย่างแปลกใจ
“อ้าวไอ้นวิน เรียนวิชานี้ด้วยเหรอวะ”
“เออ มึงไปไหนมา นี่จะจบคาบแล้ว” นวินเห็นว่าเพื่อนที่เป็นหัวข้อสนทนาก่อนเริ่มเรียนมาถึงก็ท้ายคาบแล้ว เลยถามขึ้น เพราะว่าการมาเรียนในเวลานี้ก็เหมือนจะไม่ได้ความรู้อะไรเลย
“กูพึ่งเคลียร์กับต้องตาเสร็จก็เลยพึ่งมานี่แหละ”
“นี่เลิกคุยกันได้แล้ว เดี๋ยวอาจารย์ว่า” หญิงสาวร่างเล็กกระซิบบอกเพื่อนชายทั้งสอง ขณะที่มัวคุยกันไม่ยอมฟังอาจารย์ เธอกลัวว่าอาจารย์จะหันมาว่า ก็เลยเตือนเพื่อนด้วยเสียงกระซิบเบา ๆ
“เราโน๊ตไว้หมดแล้ว เดี๋ยวเมทัสเอาของเราไปดูตอนพักเที่ยงละกัน”
“ขอบใจมาก พลอยน่ารักที่สุดเลย” เมทัสยิ้มให้กับความมีน้ำใจของพลอยใสอย่างขอบคุณ
เขาเองต้องพึ่งเธอไปเกือบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องเรียน เธอช่วยเขาไว้เสมอและไม่เคยบ่นเลยสักครั้ง แม้ว่าเขาจะมาเรียนสายเพราะเหตุผลไร้สาระมากแค่ไหนก็ตาม
หลังจากที่คาบเรียนจบลง ทั้งสามก็พากันเดินไปทานข้าวที่โรงอาหารประจำคณะของมหาวิทยาลัยทันที ช่วงเวลานี้นักศึกษาไม่เยอะมากนักทำให้โต๊ะที่นั่งจึงว่างมากมาย
“เออนี่ สัปดาห์หน้าวันเกิดเรา ทั้งสองคนไปงานวันเกิดเราด้วยนะ” นวินพูดขึ้นก่อนที่เขาจะตักข้าวผัดกุ้งเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“ได้สิ เดี๋ยวพลอยเตรียมของขวัญรอเลย”
“ขอดูก่อนนะว่าว่างไหม สัปดาห์หน้าที่บ้านมีธุระว่ะ ไม่รู้ว่าจะว่างไปได้รึเปล่า” เมทัสพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเซ็ง ๆ
เขาแอบเครียดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพราะต้องตาแฟนสาวก็เหมือนจะงอนเรื่องนี้นี่แหละ เรื่องที่เขาให้คำตอบที่จะไปร่วมงานวันเกิดของนวินไม่ได้เสียที
จริง ๆ แล้วไม่ใช่ให้คำตอบไม่ได้ซะทีเดียว แต่เพราะตอบว่าไปร่วมงานไม่ได้นี่แหละ เลยทำให้เธอโกรธ เขาเลยต้องตอบว่ายังไม่แน่ จนเธอไม่พอใจพาลโมโหแทบไม่พูดกับเขาอยู่หลายวัน
“แล้วทำไมวันนี้เข้าเรียนช้าจัง ทะเลาะกับต้องตาเหรอ” พลอยใสเห็นว่าเพื่อนขมวดคิ้วทำหน้าเครียด เธอแค่มองสีหน้าของเพื่อนสนิทอย่างเมทัส ก็พอจะเดาได้ว่าเพื่อนเธอคนนี้กำลังกังวลอะไร และก็แน่นอนว่ามีแค่ไม่กี่เรื่องที่ทำให้เมทัสเป็นแบบนี้
“ก็ไม่เชิงนะ เรื่องที่จะไปงานวันเกิดไอ้นวินนี่แหละ ต้องตาบอกให้เราไปด้วย เราก็บอกไปว่าไม่แน่ใจว่าไปได้ไหม เธอก็งอนเราเลย บอกว่าเราไม่ให้ความสำคัญ แต่เรามีงานต้องช่วยที่บ้านพอดี เลยไม่รู้จะง้อยังไงแล้วเนี่ย” ชายหนุ่มเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กระบายคำพูดตัดพ้อพรั่งพรูออกมา
ทั้งคำพูดและสีหน้าของเมทัสทำให้พลอยใสและนวินมองหน้ากัน ก่อนที่จะพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ออกมาอย่างเข้าใจเหตุการณ์
“เดี๋ยวกูช่วยคุยให้” นวินจับไปที่บ่ากว้างของเมทัสอย่างแรง เจ้าของร่างถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองและยิ้มให้เป็นการขอบคุณ
หลาย ๆ ครั้งมักเป็นแบบนี้ พอเขาและสายธารทะเลาะกันก็มักจะได้นวินที่ช่วยไกล่เกลี่ยกับแฟนสาวให้เสมอ
“เดี๋ยววันงาน เราช่วยดูแลต้องตาให้ เราว่าง” พลอยใสที่ไม่อยากให้เพื่อนเครียดไปมากกว่านี้ เธอก็เอื้อมมือจับไปบ่าของเมทัสอย่างเข้าใจเหมือนกัน
แต่ไม่รู้ว่าเป็นความโชคร้ายของหญิงสาวหรือเป็นจังหวะนรกพอดิบพอดี ที่ตอนนี้ต้องตาหญิงสาวที่ทั้งสามพูดถึงเดินเข้ามาในโรงอาหาร เธอกำลังเดินมาที่โต๊ะ และดันเห็นเข้ากับภาพที่พลอยใสและเมทัสทั้งสองส่งยิ้มให้กัน นั่นทำให้เธอเกิดความไม่พอใจและเดินออกจากโรงอาหารไปทันที
...............
หญิงสาวร่างเล็กที่นอนแช่อยู่ในอ่างกว้าง เธอทิ้งตัวไหลลงไปนอนใต้น้ำอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่คิดถึงวันวาน เมื่อครั้งที่เธอและสามียังเป็นเพื่อนกัน ตอนนั้นทุกอย่างมันช่างดีไปหมด ใครคิดอย่างไร และรู้สึกอย่างไรต่างก็พูดมันออกมาได้ทันที แตกต่างจากตอนนี้ที่ทั้งสองแทบจะไม่พูดกันเลย หลังจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดบางอย่างเกิดขึ้นตอนนั้น
พลอยใสใช้เวลาอาบน้ำอยู่สักพักใหญ่ เธอจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะออกจากห้องน้ำ ทันทีที่ร่างบางเดินออกจากห้องก็เห็นว่าสามีกำลังเดินเข้ามาหยิบหมอนออกไปจากห้องนอนพอดี
“นายจะไปไหน”
“ฉันจะไปนอนข้างนอก เธอก็นอนในนี้ไปเถอะ”
คำพูดที่เฉยชาและท่าทางที่นิ่งขรึมของผู้เป็นสามี ทำให้เธอรู้สึกปวดหนึบที่อกข้างซ้ายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ใช่ว่าเธอต้องการความรักจากชายหนุ่ม เพียงแต่ว่าเธอนั้นต้องการเพื่อนคนเดิมของเธอกลับมา ต้องการเห็นรอยยิ้มที่สดใสจริงใจ และน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นสนุกสนานตลอดเวลาที่ครั้งคู่เคยมีให้กันต่างหาก
“นี่นายจะเป็นแบบนี้อีกนานแค่ไหน นายต้องการให้ฉันทำยังไง ฉันก็อึดอัดเป็นนะ” เจ้าสาวหมาด ๆ ไม่อยากทนกับความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกแบบนี้
เธอเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รักเหมือนกัน และที่สำคัญกว่านั้น เธอมองเขาเป็นเพียงแค่เพื่อนคนหนึ่งจริง ๆ
“ถ้าฉันบอกเธอว่า ทำให้ต้องตาฟื้นขึ้นมา เธอจะทำได้ไหมล่ะ” ใบหน้าหล่อของเจ้าบ่าวคืนแรกหันหน้ามามอง พร้อมใช้สายตาดุดันทิ่มแทงใส่หญิงสาว
เขานั้นทั้งแค้นทั้งเกลียด ที่คนตรงหน้าเป็นต้นเหตุทำให้แฟนสาวต้องตาย และยังมีหน้ามาแต่งงานกับเขาอีก
“ฉันบอกนายไปหลายครั้งแล้วนะ ว่าคืนนั้นฉันไม่รู้เรื่อง ฉันอยู่ในห้องนั้นเป็นคนสุดท้ายก็จริง แต่ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้ทำ!” คำพูดที่พยายามจะอธิบายดังขึ้นจากริมฝีปากบาง เธอพูดเรื่องนี้มาหลายครั้ง และเหมือนว่าคนตรงหน้าจะไม่ยอมเชื่อเธอเลยสักครั้ง นับตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อนานมาแล้วจนกระทั่งถึงตอนนี้
“คนร้ายน่ะมันไม่มีใครยอมรับหรอกนะว่าตัวเองทำผิด” คนปากร้ายพูดจบก็เดินออกจากห้องหอไปทันที ปล่อยให้อีกคนยืนตัวสั่นเกร็งด้วยความโมโหอยู่ในห้องนอนเพียงลำพัง
พลอยใสยิ่งคิดก็ยิ่งเหนื่อยที่จะอธิบายเรื่องนี้ปากเปล่าแล้ว เธอคิดว่าตอนนี้เธอเป็นหมอที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง บางทีอาจจะตามหาหลักฐานบางอย่างมาพิสูจน์ ว่าการตายของแฟนสาวสามี อย่างต้องตาในตอนนั้น ไม่ได้ตายเพราะการกระทำของเธอ และเมื่อถึงวันนั้นเธอก็หวังว่าสามีจะหันกลับมามองเธอด้วยสายตาแบบเดิมอีกครั้ง สายตาของเพื่อนสนิทที่มีแต่ความจริงใจเสมอ
ร่างเล็กของเจ้าสาวคืนแรกขยับขึ้นไปนอนบนเตียงกว้างเพียงลำพัง ความคิดพลางนึกถึงช่วงเวลาในอดีตที่ผ่านมาอีกครั้ง ตอนนั้นตอนที่เธอและสามีมียังเป็นเพื่อนสนิทร่วมเรียนคณะเดียวกันและมหาวิทยาลัยเดียวกันในวัยเยาว์
“พลอย ดูนี่สิ” ชายหนุ่มร่างสูงในชุดนักศึกษาใบหน้าหล่อเหลาหยิบตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลขึ้นมาชูให้หญิงสาวสวยที่กำลังเลือกของอยู่อีกด้านได้เห็น
“น่ารักดีนะ จะซื้อให้ต้องตาเหรอ”
“ชอบไหม” ชายหนุ่มยิ้มขี้เล่นไม่ตอบ เพียงแค่ถามกลับเพื่อนสาวอย่างยิ้ม ๆ
“ก็ชอบนะ”
“ดี งั้นเดี๋ยวเรามา” เจ้าของร่างสูงยิ้มให้กับคนตัวเล็กอย่างเพื่อนสาวคนสนิท ก่อนที่จะเดินหายไปตามทางเดินอยู่ครู่หนึ่ง และเดินกลับมาพร้อมกับถุงกระดาษที่ถูกปิดปากไว้อย่างดี
“อ่ะนี่ เราให้”
“อะไรเหรอ ให้เราทำไม” หญิงสาวใบหน้าสวยทำหน้างงไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มเพื่อนสนิทคนนี้จะซื้อของขวัญให้เธอในเนื่องโอกาสอะไร
“ก็เดี๋ยวจะถึงวันเกิดพลอยแล้ว เราก็เลยซื้อให้ และอีกอย่างเป็นการขอบคุณที่พลอยช่วยเราในทุกเรื่องที่ผ่านมา”
“เรื่องเล็กน่า ไม่เห็นต้องซื้อเลย”
“รับไปเถอะ เราตั้งใจซื้อให้ ไม่รับเราเสียใจนะ” คำพูดออดอ้อนของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวใจอ่อนจนต้องยื่นมือออกไปรับของขวัญที่เขาบอกว่าตั้งใจซื้อให้
เธอยิ้มให้อย่างอบอุ่นพร้อมกับพยักหน้าน้อย ๆ ด้วยความขอบคุณ
เจ้าสาวร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียง เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตตอนนั้นกลับผุดลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะขยับตัวไปเปิดลิ้นชักใส่ของที่อยู่หัวเตียง และหยิบตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลหม่นตัวไม่ใหญ่มากออกมา พร้อมกับยิ้มให้มันอย่างเหม่อลอย สองมือคว้าเจ้าตัวนิ่มเอามานอนกอดก่อนที่จะเข้าสู่ห้วงนิทราในราตรีนี้
ในเช้าวันต่อมา เจ้าสาวข้ามคืนยังคงใช้ชีวิตหลังการแต่งงานอย่างปกติ เธอกับสามี ยังคงไม่มีใครเอ่ยปากพูดจาหรือสนทนาอะไรกันมากมาย จะมีบ้างที่ผู้เป็นภรรยาสาวถามไถ่ในบางครั้งที่สามีหนุ่มกลับมาที่คอนโดหรูซึ่งใช้เป็นเรือนหอ
พลอยใสทำใจเรื่องนี้มาสักพักแล้ว หลังจากการแต่งงานแสนหรูหราได้จบลง สามีของเธอก็ทำท่าทางเหมือนเดิมเหมือนตอนก่อนจะแต่งงาน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในทางที่ดีขึ้น และด้วยอาชีพหมอทำให้สามีของเธอแทบไม่กลับบ้าน เขาเลือกที่จะลงเวรถี่ ๆ และตัดสินใจนอนที่ห้องพักแพทย์ที่โรงพยาบาลมากกว่าที่จะกลับมานอนที่คอนโดกับเธอ
หญิงสาวใช้ชีวิตในทุกวันประหนึ่งว่าเธอนั้นมีชีวิตเป็นสาวโสดปกติทั่ว ๆ ไปมากกว่าเป็นคนที่แต่งงานแล้ว เพราะเธอยังคงทานข้าวคนเดียว ไปทำงานคนเดียว และกลับมาถึงคอนโดที่พักก็อยู่เพียงลำพังคนเดียวตลอด
พลอยใสใช้ชีวิตแบบนี้ ในห้องสี่เหลี่ยมห้องใหญ่ที่คอนโดหรูใจกลางกรุงราวสี่เดือนเห็นจะได้ เธอไม่มีความพยายามขวนขวายหรือเรียกร้องให้สามีกลับมา และเธอก็ทำใจที่จะเป็นเพื่อนกับเขาเหมือนเมื่อครั้งอดีต มากกว่าจะตามตอแยสร้างความไม่สบายใจใด ๆ ให้กับเขา เรียกได้ว่าต่างคนต่างอยู่ก็ไม่ผิดนัก