ครืด... ครืด...
เสียงโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหรูที่วางอยู่ที่โต๊ะทำงานสั่นครูดกับพื้นโต๊ะเรียบ ๆ ดังขึ้นมา มือเรียวบางหยิบยกขึ้นมาดูก็เห็นว่าสายที่โทรเข้ามาเป็นสายเรียกเข้าจากแม่ของสามี พลอยใสไม่รีรอเธอรีบกดรับสายทันที เพราะเกรงว่าคนปลายสายจะรอนาน
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
“หมายความว่ายังไงเหรอคะคุณแม่”
คิ้วสวยทำท่าจะผูกโบเข้าหากันด้วยความสงสัย เธอแน่ใจว่าทำงานที่โรงพยาบาลเดิมก็ดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้แม่สามีพูดถึงที่ทำงานใหม่ทำไมกัน
“อ๋อค่ะ พลอยจำได้แล้วค่ะคุณแม่”
น้ำเสียงสดใสของผู้เป็นแม่สามี ทำให้ลูกสะใภ้ถึงกับหนักใจ คุณแม่สามีคงไม่รู้เลยว่าเธอกับลูกชายของเธอได้แยกกันอยู่มาหลายเดือนแล้วนับตั้งแต่แต่งงานกันเลยก็ว่าได้ และนี่ยังจะให้ไปทำงานใกล้ชิดกันแบบนั้น อาจจะทำให้เมทัสรู้สึกอึดอัดก็เป็นได้
หลังจากที่หญิงสาวพูดคุยสายสนทนากับแม่สามีเสร็จ เธอก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างท้อใจ เพราะระหว่างนี้ตัวเธอเองก็มีความสุขในแบบของเธอเองที่ไม่ต้องเจอหน้านิ่ง ๆ ของสามี แต่ต่อจากนี้ไป เธอจะต้องเจอหน้าเขาเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย
เพียงแค่คิดพลอยใสก็เหมือนคนกำลังจมน้ำจนหายไม่ออก เพราะมันอึดอัดไปหมดพูดอะไรก็ไม่ได้ แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น จำใจต้องทำตามที่ผู้ใหญ่สั่งเหมือนกับการที่ต้องมาแต่งงานกับเมทัส ซึ่งเธอเองก็ทำตามผู้ใหญ่สั่งเหมือนกัน
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน คุณหมอพลอยใสก็เดินทางกลับบ้านตามปกติ ระหว่างทางที่ขับรถกลับกำลังจะถึงทางเข้าคอนโด เธอเหลียวมองหน้าตึกสูงตึกหนึ่งสายตาพลันเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ซึ่งเธอเองรู้สึกคุ้นตามากแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน เธอจึงเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย แล้วรถจอดข้างทางระหว่างที่ชายร่างสูงกำลังเดินอยู่
“นวิน” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นทำให้เจ้าของชื่อหันมามองตามเสียงเรียกแทบจะทันที
เมื่อเขาแน่ใจว่าเป็นใครแล้ว ชายหนุ่มพลันยิ้มให้กับคนตรงหน้า หญิงสาวที่ไม่ได้เจอกันมานานคนนี้คือเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเขาเอง นวินดีใจมากที่ได้เจอกับพลอยใสอีกครั้ง
“พลอยใส มาทำอะไรแถวนี้” นวินเอ่ยทักขึ้นทันที ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นเขาก็ไปเรียนต่อเมืองนอก ไม่ได้เจอหรือติดต่อกับเพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัยอีกเลย ไม่คิดว่าพอกลับมาก็ได้เจอกันเร็วขนาดนี้
“พลอยพึ่งเลิกงานกำลังกลับคอนโด เห็นแว้บ ๆ คุ้น ๆ คล้ายเหมือนจะเป็นนวิน เลยจอดรถทักดู” ใบหน้าหวานก้มมองผ่านหน้าต่างรถเพื่อพูดคุยกับเพื่อนที่ห่างหายไปนาน
เธอเพียงแค่จอดเปิดกระจกแล้วลองเรียกดู ไม่คิดว่าจะเป็นเพื่อนเก่าอย่างนวินจริง ๆ
“เราออกมาเดินเล่น อยู่บ้านเบื่อ ๆ” ชายหนุ่มพูดจบก็ยิ้มให้กับหญิงสาวเพื่อนเก่าที่อุตส่าห์จอดรถทัก
แต่ว่ารอยยิ้มนั้นกลับปนด้วยความเศร้าและความกังวลใจบางอย่างอย่างบอกไม่ถูก พลอยใสเห็นว่าเพื่อนของเธอมีท่าทีแปลก ๆ จึงเอ่ยชวนขึ้นรถด้วยความเป็นห่วง
“งั้นเราไปหาอะไรกินกันไหม ไม่เจอกันนานเลย”
“ได้สิ”
ชายหนุ่มตอบรับทันที เขาเปิดประตูรถฝั่งของที่นั่งข้างคนขับแล้วเคลื่อนตัวเข้าไปนั่งอย่างสบาย ๆ คาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จแล้วก็หันมายิ้มให้กับหญิงสาวเจ้าของรถอีกครั้ง
“นวินกำลังจะไปที่ไหนเหรอ” พลอยใสยังไม่ได้ออกรถทันทีกลับเอ่ยถามขึ้นมาก่อน เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนมีธุระจะไปไหนหรือเปล่า อยู่ดี ๆ เธอเอ่ยชวนก็กลัวว่าเพื่อนจะเกรงใจเลยขึ้นรถมาด้วย
“เราก็เดินไปเรื่อยเปื่อย คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะ ยังไม่เจาะจงว่าจะไปไหนเลย”
“อ๋อ งั้นไปกินข้าวที่ร้านประจำของพลอยดีไหม ที่เราชอบไปกินกันตอนเรียนนั่นแหละ ทุกวันนี้พลอยยังแวะไปกินคนเดียวบ่อย ๆ เลย แต่ก็ไม่ได้ไปนานแล้ว ช่วงนี้ยุ่ง ๆ หลายเรื่อง” แพทย์สาวเสนอทางเลือก เธอเองก็ไม่ได้ไปที่นั่นมานานมากแล้วเหมือนกันตั้งแต่แต่งงานเลยก็ว่าได้ นี่ก็หลายเดือนมาแล้ว
“ได้สิ ว่าแต่เมทัสไม่มาด้วยกันเหรอ”
“ไม่จ้ะ เราทำงานคนละที่กันน่ะ”
คำพูดที่ฟังดูเหมือนชิล ๆ ของหญิงสาวคนขับรถ แต่ตัวชายหนุ่มที่นั่งด้านข้างรู้ดีว่าเธอกำลังปกปิดความรู้สึกอะไรบางอย่างเอาไว้ เขาเลยเอ่ยถามขึ้นมาอีก “แล้วชีวิตหลังแต่งงานเป็นไงบ้าง”
“ก็เหมือนเดิมนะ พลอยว่าเราไม่คุยเรื่องนี้ดีกว่า เราไปลำลึกความหลังกันหน่อย มื้อนี้กินให้พุงกางเลยดีมั้ย”
“ตกลง” นวินเห็นว่าเพื่อนสาวไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว เขาเลยหยุดพูดถึงเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายจะดีกว่า
จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่ควรถามถึงเรื่องส่วนตัวมากตั้งแต่แรก แต่เพราะเป็นห่วง เผื่อว่ามีอะไรที่เขาพอจะช่วยได้บ้าง หากพลอยใสเอ่ยปาก เขาเองก็ยินดีจะช่วยเธอเต็มที่
หญิงสาวเลี้ยวรถเข้ามาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่อยู่ไม่ไกลจากที่คอนโดที่เธอพักมากนัก ขับรถมาจากจุดที่จอดรับนวินเมื่อสักครู่ไม่ถึงสิบห้านาทีก็ถึงแล้ว ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารประจำที่พวกเขาทั้งสี่ชอบมานั่งกินกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย สี่คนนี้ก็คือเมทัส ต้องตา นวินและพลอยใส
แพทย์สาวคนสวยขับรถมาจอดในที่จอดรถแคบ ๆ อย่างคุ้นเคย เพื่อนชายที่นั่งมาด้วยก็เผลอมองไปกับท่าทางที่แสนจะชำนาญอย่างอดไม่ได้ ร่างเล็กที่กำลังจอดรถสนิทแล้วรับรู้ได้ถึงการจับจ้อง เธอจึงดับเครื่องยนต์และหันไปมองเขาด้วยสายตาสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่านวิน”
“เปล่า พลอยนี่ขับรถเก่งจังเลยนะ”
“นิดหน่อยจ้ะ”
ครืด... ครืด... ระหว่างการสนทนา จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มก็ดังขึ้น ทำให้เขาต้องหยิบมาดูว่าใครโทรเข้ามา
“ไอ้เมทัส” เสียงเรียกชื่อเมื่อเห็นหน้าจอสายเรียกเข้า พร้อมกับโชว์หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่กำลังสั่นพร้อมกับหน้าจอสว่างให้เพื่อนสาวที่นั่งข้าง ๆ ดู
ภรรยาเจ้าของสายที่โทรเข้ามากลับทำสีหน้าที่นิ่งเฉย ประหนึ่งว่าบอกให้เพื่อนของเธอรับสายได้ตามสบาย
“ว่าไงเมทัส”
น้ำเสียงเรียบเฉยของคนปลายสายถามขึ้น ส่วนคนรับสายกลับรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจบางอย่างของเจ้าของน้ำเสียงที่เอ่ยถาม
“กูมากินข้าวที่ร้านประจำตอนที่เราเรียนมหาวิทยาลัยน่ะ มึงมีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า กูอยู่กับพลอย มึงจะมาด้วยไหมล่ะ”
คำพูดของนวินทำให้พลอยใส สาวสวยที่นั่งข้าง ๆ ถูกพาดพิง ถึงกับต้องหันมามอง ทั้งที่ทีแรกเธอเองก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นักว่าทั้งสองจะมีธุระอะไรคุยกันถึงได้โทรหากัน
สิ้นเสียงคำพูดนั้น นวินถึงกับเงยหน้าหันไปมองรอบ ๆ รถที่จอดข้าง ๆ ด้วยความตกใจเขาไม่ได้สังเกตว่ามีรถบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ย์ล่าสุดขับมาจอดข้าง ๆ ตั้งแต่ตอนไหน สงสัยเป็นช่วงจังหวะที่เขาแอบเผลอมองไปที่พลอยใสตอนจอดรถแน่ ๆ
“แล้วมึงจะโทรมาเพื่อ?”
คำพูดก่อนที่จะวางสายบ่งบอกอารมณ์ซับซ้อนของคนพูดและเขาก็กดตัดสายทันที
นวินหันมามองทางคนขับรถสาวสวยและเหล่ตาให้เธอหันไปมองตามสายตาเขาไป พอหญิงสาวมองตามไปแล้วเห็นว่ารถสามีจอดอยู่ข้าง ๆ เธอถึงกับถอนหายใจออกมาทันทีอย่างลืมตัว
ทีแรกเธอก็ไม่มั่นใจว่าใช่รถของเมทัสไหม แต่ก็แอบคิดว่าไม่น่าใช่ เพราะเขาน่าจะนอนพักผ่อนอยู่ที่โรงพยาบาลมากกว่าจะกลับคอนโดหรือขับรถออกมาข้างนอกในเวลานี้
“พลอย นวินว่าเรามีเพื่อนกินข้าวเพิ่มอีกคนแล้วล่ะ” นวินยิ้มให้กับพลอยใสอย่างแหย ๆ
เขาเองก็แอบขำเพื่อนสนิทของตัวเองเหมือนกัน กับท่าทางหวงเมียจนต้องโทรมาเช็ก แถมยังทำน้ำเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจนอีกด้วย
“งั้นเราไปกันเถอะ พลอยหิวล่ะ”
เมื่อแพทย์สาวลงมาจากรถแล้ว ทันทีที่เธอกดรีโมตล็อกรถเรียบร้อยก็หันไปเห็นใบหน้าที่ค่อนข้างไม่พอใจของสามีหนุ่มในนาม ที่ไม่เคยแม้แต่แสดงตัวว่าเป็นสามีของเธอให้ใครรู้ เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะชักสีหน้าแบบนี้ไปทำไม ในเมื่อเขาเองก็ไม่ได้อยากจะเห็นหน้าเธอสักเท่าไหร่นัก
“อะไรกัน ถึงกับสะกดรอยตามเลยเหรอวะ” คำพูดหยอกล้อของเพื่อนสนิท ทำให้นายแพทย์หนุ่มถึงกับรีบเดินเข้าร้านไปทันที จนคนพูดแซวต้องหันมาถามภรรยาสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“ไอ้เมทัส เป็นแบบนี้ทุกวันไหมพลอย”
“ไม่รู้สิ พลอยไม่ได้สนใจเท่าไหร่” หญิงสาวที่เป็นภรรยาของคนหน้างอที่พึ่งเดินเข้าร้านอาหารไปพูดอย่างไม่สนใจ
แล้วเธอก็เดินเข้าร้านไปทันที ทิ้งให้นวินอยู่กับอากาศร้อนอบอ้าวด้านนอกร้านอาหารด้วยความไม่เข้าใจสองสามีภรรยาคู่นี้เท่าไหร่นัก