EP2 - เกวลินตายได้ไง

1730 คำ
2 - เกวลินตายได้ไง อีกด้านหนึ่ง ไวน์หวานและกอไผ่นั่งมองดูความสลัวของไฟเย็นเล่นแสงในเงามืดอย่างโรแมนติก ผมเกือบสติหลุดลอยไปดาวอังคารแล้ว ยังดีที่เสียงโทรศัพท์ดึงตัวผมกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ผมเห็นเบอร์ของเท็มเป้รีบยกหูทันที “ฮัลโหลเท็มเป้ เราอยู่กับกอไผ่ ปล่อยโคมแล้ว... อะไรนะ” ผมหันหน้ามามองกอไผ่ ผมหน้าซีดไปพักหนึ่ง เขาเห็นสีหน้าผมนิ่งราวกับกดหยุดด้วยรีโมท เขาคว้าโทรศัพท์ผมมารับสายต่อ ได้ยินแบบเดียวกันว่าเกวลินจมน้ำหลังจากถูกใครบางคนผลักลงไปในแม่น้ำที่ห่างจากสะพานใหญ่ที่มีรถยนต์วิ่งผ่านไปอีกฝั่งได้ ผมได้ยินยังช็อกไม่แพ้กอไผ่ ผมบอกให้เขาช่วยสงบสติและบอกตำแหน่งว่าอยู่ตรงไหน ผมกับกอไผ่จะได้เดินทางไปทันที “รีบไปกันเถอะ” กอไผ่ดึงตัวผมไปตามพิกัดที่ทุกคนบอก ผมมาถึงที่ริมแม่น้ำฝั่งห่างจากสะพานข้ามไปอีกฝั่ง ผมและทุกคนมองดูกันด้วยความตื่นตระหนกจะลงไปช่วยก็ช่วยไม่เป็น แต่ว่าเวลานี้ช่วยได้ช่วยไม่ดีกว่าเหรอ ป่านนี้ผมไม่เห็นตัวเกวลินแล้วคงไปสบายแล้วมั้ง จมไปนานไม่เห็นร่างแล้ว “ใครอยู่กับเกวลินเป็นคนสุดท้าย” ไวน์หวานถามทุกคนว่าใครอยู่กับเกวลินเป็นคนสุดท้าย เพราะก่อนแยกย้ายเราตกลงบอกพิกัดกันก่อนไปว่าเราจะไปตรงไหนกันบ้าง ผมถามเพื่อขอคำตอบจากความสงสัย ถามไปพักหนึ่งพบว่าเท็มเป้อยู่กับเกวลินเป็นคนสุดท้ายเพราะเขาเป็นคนมาส่งกระทงให้ก่อนต่างคนต่างปล่อย “เท็มเป้ ทำไมนายไม่อยู่กับเกวลิน เขาไม่ค่อยชอบอยู่ใกล้สระน้ำบึงน้ำนี่” ผมรู้มาเสมอว่าเกวลินไม่ค่อยชอบอยู่ใกล้สระน้ำขนาดใหญ่เพราะเคยจมน้ำเกือบตาย มันเลยฝังใจต่อให้ใครจะบังคับให้ไปเรียนว่ายน้ำ มันใช้ไม่ได้กับคนแบบเธอ “เราออกไปโทรหาเพื่อน” “เพื่อนคนไหน เรามากันห้าคนนะจะนัดใครมาอีก อีกอย่างเพื่อนสนิทที่สุดก็มีแค่พวกเราเท่านั้น” ไวน์หวานแปลกใจเพราะผมไม่เคยเห็นเพื่อนของเท็มเป้มาก่อน ตั้งแต่คบกันมาเพื่อนสนิทที่ผมเห็นหน้าคร่าตาแทบจะเป็นคนในครอบครัวก็มีห้าคนนับผมแล้ว แล้วมันจะมีใครมาอีกล่ะ “เอาเป็นว่าเพื่อนกูแล้วกัน ไปสนุกกันต่อเถอะ” “ขอโทษนะ มึงยังสนุกอีกเหรอ เกวลินจมน้ำไปแบบนี้มึงควรหาคนช่วยนะ มึงห่วงเสื้อผ้าชุดที่มึงใส่ราคาแพงโดนน้ำไม่ได้เหรอ” ผมไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ช่วยเท่าที่ช่วยได้ มันยังต่อว่าผมเลยเพราะผมไม่ลงไปช่วย ให้ได้งี้สิ ผมตัวผอมบางจะยกร่างผู้หญิงอย่างเกวลินไหวเหรอ ผมว่ายน้ำเป็นเหมือนเธอที่ไหน ผมถึงบอกให้ช่วยอยู่นี่ไง “ให้หน้าที่กู้ภัยมางมหาร่างเถอะ” เท็มเป้ดูเป็นคนที่ชอบปัดความรับผิดชอบง่ายจนไม่ต้องทำอะไร ไวน์หวานเองยังไม่เข้าใจเลยว่าเกวลินจมน้ำจริงหรือเปล่า ผมถามมันมันก็บอกว่าจมไปแล้ว ผมเป็นคนคิดมากเกินไปหรือเปล่าก็เลยมองไม่ตรงตามความจริง ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่ก็น่าคิด “แล้วพวกมึงล่ะ อ้าวเห้ยย” ผมก็ไม่เข้าใจว่าผมยังเห็นมนุษย์ในสายตาผมอยู่หรือเปล่า ทำไมพูดคำว่าเกวลินแล้วมันเดินหนีผมไปหมดเลยรวมถึงรางแฟนของผมด้วย ผมไม่รู้ว่าทุกคนเป็นอะไรไปหมดถึงได้มองคนตรงหน้าจากไปอย่างไม่ใยดี ยังมีความเมตตาเป็นเพื่อนมนุษย์อยู่ไหม “ราง...” “แต่เรายังอยู่ข้างนายอยู่นะ” ผมเห็นกอไผ่โอบมือวางพร้อมซบไหล่ผมไปด้วยกัน นาทีนี้ผมคิดไปเองอย่างกระวนกระวายหลังจากได้ยินเท็มเป้บอกว่าเกวลินจมน้ำ ผมมาก็ไม่แน่ชัดว่าเกิดจริงหรือเปล่า แต่ความตายมันไม่ใช่เรื่องเอามาล้อเล่นด้วยซ้ำ ผมต้องสืบอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ผมเดินไปตรงริมน้ำใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์ส่องดูเผื่อว่าบนพื้นคอนกรีตหรือตรงหญ้าจะมีความเปียกและคราบน้ำเวลาพุ่งกระจายตกลงไปจะเห็นได้เป็นหลักฐาน ผมส่องและก้มดูพบว่ามีคราบน้ำเปียกใหม่ได้ไม่นานแสดงว่าอาจจะเป็นเรื่องจริง “กระทงที่เกวลินปล่อยก็ลอยไปข้างหน้าแล้ว มีอยู่อันเดียวจะเป็นของใครได้ล่ะ” ผมคิดว่ากระทงอันนั้นเป็นของเกวลินยังไม่ทันปล่อยมันลอยออกไปแต่ตัวคนปล่อยหายลงไปใต้น้ำ ผมว่าผมใจคอไม่ดีแล้วขอให้กู้ภัยช่วยมางมหาร่างเพื่อความแน่ใจดีกว่า “เดี๋ยวว มึงอย่าไปรบกวนกู้ภัยดีกว่า มึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ใครเขาจะเชื่อ” “แต่เกวลินคือเพื่อนพวกเราคิดว่าตำรวจจะไม่สงสัยหรือไง ยังไงเวลาหาความเกี่ยวข้องก็ต้องสืบมาถึงเราอยู่ดี” ผมเตือนกอไผ่ว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ถึงจะหนียังไงหลักฐานทุกอย่างจะเชื่อมโนงหาความสัมพันธ์มาถึงพวกเราได้ง่าย แต่กอไผ่ไม่ยอมให้ผมเรียกใครมาช่วย ยังบอกอีกว่าเท็มเป้แกล้งเล่น เกวลินไปเดินอยู่ในงานก็ได้ ไอ้ที่เห็นก็คงจะเป็นคนอื่นที่ตกลงไปก็ได้ “คนที่ตกไปจะเกวลินหรือใครก็ต้องช่วยไหม” “แล้วมึงช่วยเขาได้ไหม ถ้าลงไปแล้วจมน้ำไปอีกคน กูไม่อยากไปงานศพมึงนะ” การเป็นคนดีมันก็ถือว่าเป็นพื้นฐานของมนุษย์ แต่ถ้าช่วยแล้วตัวเองเป็นภัยไปอีกคน ชีวิตที่เกิดมามันไม่เสียดายหรือไง กว่าจะเติบโตกว่าจะรู้จักสร้างความรักความดีความสัมพันธ์มาทุกวันนี้จะเสียเปล่าเพราะตายฟรีหรือไง ถ้าอยากเป็นคนดีต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน “กูชอบมึงนะไม่อยากให้หายไปจากชีวิต” “สรุปมึงจริงจังกับกูใช่ไหม” ผมว่ากอไผ่เหมือนคนเอาจริงกับแฟนคนอื่นมากเกินไป เขาก็รู้ว่าผมมีเจ้าของแล้วแต่พูดเหมือนจะเคลมผมอีกคน ผมว่าผู้ชายคนนี้เหลี่ยมเหมือนที่รางพูดให้เพื่อนฟังทุกคนเลย “ไปเที่ยวกันต่อเถอะ” กอไผ่จับมือผมเดินออกไปจากบริเวณนี้ ไม่ยอมให้ผมหันไปมองเพราะมันไม่มีอะไรให้มองอยู่แล้ว ผมได้ยินสิ่งที่เท็มเป้โทรเรียกทุกคนมาคิดว่าเขาเล่นตลกกับเรื่องแบบนี้หรือไง ทุกคนเห็นเท็มเป้เป็นเด็กเลี้ยงแกะหรือไง พูดอะไรไปถึงไม่มีคนเชื่อ เวลาต่อมา ไวน์หวานเดินในงานวันลอยกระทงกับกอไผ่ ผมเดินเข้ามาในส่วนถนนคนเดินขนาดเล็ก เตรียมซื้อโคมลอยไปปล่อยขึ้นฟ้าให้ความทุกข์ของผมหมดไป ผมเลือกโคมขนาดพอดีเวลาปล่อยขึ้นฟ้าจะได้เห็นความสวยงามของโคมตกแต่งหลากสีบวกกับสีของเปลวไฟลุกโชนลอยไปบนท้องฟ้า “มาปล่อยโคมกันเถอะ” ผมถือโคมลอยเดินไปตรงริมน้ำจะปล่อยลงไป กอไผ่มันด่าผมเลยว่าผมปัญญาอ่อนเหรอ เอากระทงลอยขึ้นฟ้าแต่เอาโคมลอยปล่อยลงน้ำ ใช้งานไม่ถูกวัตถุประสงค์ไม่แปลกที่ผมจะมีความลื่นล้มทางภาษาออกแนวซื่อบื้อเลยก็ว่าได้ ผมแกล้งไปแบบนั้น ผมรู้อยู่แล้วว่าควรปล่อยโคมลอยขึ้นฟ้า ลอยกระทงในน้ำไม่ใช่ทำสลับกัน “กูแซวเล่น กูติดตลก” “เดี๋ยวกูจะเผาหัวมึงนี่แหละ” ผมชักไม่ชอบอาการติดตลกในเวลาจริงจังของไวน์หวานเลย ผมจุดไฟให้โคมลอยพองตัวหาจุดปล่อยที่เหมาะสม ผมและเขาอธิษฐานให้คำขอในชีวิตเป็นจริง สิ่งที่ผมอธิษฐานโทรศัพท์หาสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือผมขอให้ชาติหน้าผมได้คบกับไวน์หวานจริงจังไม่ต้องไปแย่งกับใคร แม้ผมจะมีศัตรูคนเดียวแต่ล้มยากกว่าหลายคนอีก ผมปล่อยโคมลอยลอยออกไปจากตัวผมขึ้นสู่ท้องฟ้าไปช้า ๆ เปลวไฟสว่างไปทั่วโคมลอย เหมือนคำขอผมเป็นจริง ไฟลุกพรึ่บทันที ผมคิดว่าเป็นแบบนั้น “นายอธิษฐานว่าไง” “อยากรู้ก็เป็นแฟนเราสิ” “นายนี่ไม่ล้มเลิกความพยายามเลยนะ อยากเป็นก็เป็นได้นะ แฟนเดย์พอแล้ว ไม่ต้องเติมเอส” ถ้าเขาพยายามจะเป็นแฟนผมขนาดนี้ผมว่าไม่ต้องรอชาตินี้แล้วล่ะ ผมทำให้คำขอของเขาเป็นจริงเลยดีกว่า ไม่อยากเห็นกอไผ่น้อยใจเรื่องความรักในชาตินี้แล้ว อีกด้านหนึ่ง เท็มเป้เดินมาในถนนคนเดินที่มีร้านขายของ ผมมองหาน้ำตาลสดเพราะมันเป็นของโปรดที่ผมชอบมาก เดินหาพักหนึ่งไม่เจอสักทีไม่รู้ว่าที่นี่ไม่มีหรือไง แต่ผมอยากกินมากเลย ขาดไม่ได้รองลงมาจากเหล้า เวลาผมอยากกินอะไรผมตั้งใจหาทุกวิธีเพื่อได้มันมาเลย ผมมองไปทางขวาเห็นซุ่มร้านหนึ่งประดับเหมือนเพลิงไม้ไผ่ ต่างจากร้านอื่นเป็นเต็มท์เหล็กพับได้ ผมมองดูใกล้ ๆ พบว่าร้านนี้ขายน้ำ พอดีเลยกำลังคอแห้งหาน้ำตาลสดพอดี “เจ้าของร้านไม่อยู่เสร็จโจร” เท็มเป้มีความคิดพิเรนทร์ ผมคิดได้ยังไงอาศัยช่วงเจ้าของร้านไม่อยู่ เตรียมขโมยน้ำตาลสดดื่มคนเดียวสบายใจฉ่ำ ผมมองดูรอบด้านแล้ว ปลอดคนดี ผมรีบหยิบกระบวกใส่น้ำแข็งตักเองทันที “สวัสดีค่ะ!!” “แฮรรรร่”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม