CHAPTER 5
MISUNDERSTAND
อึดอัด...หายใจไม่ออก
มองไปทางไหนก็มีแต่สีแดงฉาดของเลือดเต็มไปหมด ยิ่งพยายามทุรนทุรายเอาชีวิตรอดมากเท่าไรก็ยิ่งดำดิ่งลงลึกมากขึ้นเท่านั้น ผมอยู่ที่ไหน ทำไมอยู่ๆก็มาจมน้ำที่มีสีแดงของเลือดเจอปนแบบนี้ ความรู้สึกตอนนี้คือผมกำลังจะขาดอากาศหายใจ สติค่อยๆดับวูบลงช้าๆ ภาพสุดท้ายที่เห็นคือใบหน้าสวยของผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเอื้อมมือมาบีบคอผม
เฮือก
“เธอ!!!”
เอ๊ะ...ก็ไม่มีใครนี่หว่า...
ฝัน?
ผมสะดุ้งตื่นจากฝันบ้านั่นด้วยอาการวิตกจริต มองไปรอบห้องของตัวเองทุกอย่างยังปกติดีผมจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ในหัวนึกถึงงานที่จะต้องทำในวันนี้ว่ามีอะไรบ้างและต้องไปที่ไหนบ้าง เหลือบตามองนาฬิกาที่ตอนนี้ก็ตีสาม ปกติผมจะตื่นเจ็ดโมงเช้า นี่ก็ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงที่จะพักผ่อนแต่กลับนอนไม่หลับ ความรู้สึกเหมือนกังวลอะไรอยู่สักอย่างที่นึกไม่ออก
ไม่รู้อะไรดลใจเหมือนกันที่จู่ๆก็ลุกจากเตียงแล้วเดินมายังห้องน้ำ
ตาผมเบิกโพลงบ่งบอกได้ถึงอาการที่ผมตกใจสุดขีด ผมลืมเธอไว้ในห้องน้ำ!! ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะสะเพร่าแบบนี้ ยัยนี่คงไม่ได้สำคัญต่อชีวิตผมจริงๆละมั้งขนาดเซลล์สมองผมยังไม่ยอมจดจำเลยว่าทิ้งเธอไว้ในนี้
“นะ หนาว...”
ร่างบางที่เพิ่งเสียความบริสุทธิ์ให้ผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้นอนขดตัวหนาวสั่นอยู่ภายในอ่างอาบน้ำที่ตอนนี้น้ำในอ่างเปลี่ยนสีจากสีขุ่นของสบู่กลายเป็นสีแดงเพราะเลือดในกายเธอ สองแขนเล็กกอดตัวเองพร้อมกับเสียงเบาหวิวที่ดังออกมาจากริมฝีปากทั้งที่ตายังหลับสนิท
“ภาระชะมัด”
อันนี้เสียงผมเอง ไม่รู้ว่าตอนนี้รู้สึกยังไงกับสิ่งที่เห็นแต่ที่รู้ๆคือต้องพาเธอไปให้พ้นจากน้ำอ่างอาบน้ำนี่ให้เร็วที่สุด ผมคงจะรำคาญละมั้งถึงต้องกระวนกระวายขนาดนี้
“อือ..”
ผมอุ้มเธอขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็วพร้อมกับพามานอนราบบนเตียงกว้าง จัดการหาเสื้อผ้าในตู้มาให้เธอใส่บรรเทาอาการหนาวนี่ไปก่อน ที่ผมรู้สึกได้ตอนนี้คือตัวเธอร้อนมาก ร้อนเหมือนโดนไฟสุม ผิวสีขาวเริ่มซับสีแดงไปทั้งตัว
“เป็นไข้หรือไงวะ”
แล้วต้องทำยังไงล่ะไอ้ไรเฟิลเอ้ย มันหน้าที่ไหมที่ต้องมาดูแลใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จักกันแบบนี้ มันใช่หน้าที่ผมไหมเนี่ย?!
ผมได้แต่ยืนเท้าเอวมองเธอจากปลายเตียงด้วยอาการสับสนของความคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินไปหยิบยาแก้ปวดหัว คือก็รู้ว่าเธอเป็นไข้แต่ผมไม่มียาแก้ไข้เพราะผมไม่เคยเป็นไข้ ที่เคยเป็นก็มีแต่ปวดหัวนี่แหละเลยมียาแค่นี้
“มันก็ยาเหมือนกันล่ะวะ หรือยังไง จะพาไปโรงพยาบาลก็ดึกแล้ว ขี้เกียด”
ปากก็ยังคุยกับความคิดในหัวตัวเองไม่เลิกเหมือนคนบ้าที่ยืนคุยคนเดียว ถ้าก็แค่เป็นไข้กินยาก็หาย แต่ที่ผมสับสนอยู่ตอนนี้คือผมไม่เคยทำร้ายผู้หญิงเลยสักครั้งเพราะผมไม่สุงสิงกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนในชีวิต จะมีก็แค่หลับนอนชั่วคราวแล้วจากไป ลูกน้องรอบตัวผมก็เป็นผู้ชายหมด แต่นี่ ตอนนี้ เธอเป็นแบบนี้เพราะผม ผมข่มขืนเธอ ก็ไม่เชิงข่มขืนนะบางทีเธอก็เด้งรับผมดีเกินคาด อ่ะๆ ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นที่สำคัญคือผมทำรุนแรงกับเธอเกินไปแบบที่ยั้งแรงตัวเองไม่ได้
“ไอ้ไรเฟิลเอ้ย...เวรจริงๆ”
สองขาผมมาหยุดยืนข้างเตียงอีกครั้งพร้อมกับน้ำและยาในมือ พลันสายตาก็ปะทะกับคราบเลือดบนเตียงบริเวรแถวกลางกายของเธอ ที่ตอนนี้เจ้าของเรือนร่างขยับเปลี่ยนท่าจากเดิมเล็กน้อย ยอมรับว่าตกใจที่ยังเห็นเลือดออกอยู่ คิดว่าออกมาผสมกับน้ำในอ่างอาบน้ำก็มากพอที่ควรจะหยุดได้แล้ว แต่นี่ยังไหลออกมาอีก ผมวางยาและน้ำลงกับโต๊ะข้างเตียงแล้วพลิกร่างเธอให้ตะแคงเพื่อจะดูว่าเลือดไหลออกมาจากตรงนั้นจริงไหม
แล้วมันก็จริง มีเลือดซึมออกมาจากกางเกงบริเวณตรงนั้นของเธอจริงๆ..
“เลือดออกขนาดนี้แผลมันฉีกไปถึงไหนวะ”
ปากก็ก่นด่าตัวเอง ใจก็ว้าวุ่น ไวเท่าความคิดที่ผมคว้าโทรศัพท์มาต่อสายไปยังลูกน้องที่อยู่หน้าห้อง
“ไอ้ริค!! เตรียมรถไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!!”
[นายเล็กเป็นอะไรครับ]
“ฉันเปล่า แต่ยัยนี่เป็น!!”
น้ำเสียงไอ้ริคเป็นกังวลทันทีที่ผมบอกว่าจะไปโรงพยาบาลซึ่งก็ไม่ต่างจากน้ำเสียงของผมเท่าไรนัก ก็ไม่แปลกที่ลูกน้องจะตกใจเพราะผมไม่เคยล้มป่วยถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล ผมมีงานมากพอที่จะไม่พาตัวเองไปนอนเป็นผักอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนั้น
HOSPITAL
“เธอเป็นอะไรหรอครับนายเล็ก”
“เป็น...ไข้”
ริคมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยกับอาการอ้ำๆอึ้งๆของผม ตอนนี้ผมไม่ค่อยจะเป็นตัวของตัวเองเท่าไรเพราะโดนความรู้สึกผิดกลบความเป็นตัวเองไปแทบหมดสิ้น ผมกลายเป็นคนทำร้ายผู้หญิงไปซะแล้วครับ น่าไม่อาย...
ผมก็วางใจลงบ้างแล้วที่เธอมาถึงมือหมอคงไม่มีอะไรน่าห่วง รู้ว่าไม่เป็นอะไรเธอปลอดภัยแน่ๆอันนี้รู้ดี ยิ่งโรงพยาบาลแห่งนี้มีผมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ถึงหกสิบเปอร์เซ็นด้วยแล้วยิ่งได้รับการดูแลอย่างดี แต่คือผมก็ทำไปแล้วไงมันแก้ไขอะไรไม่ได้เข้าใจผมไหม อาจจะเป็นครั้งแรกล่ะมั้งที่ผมทำผู้หญิงเลือดตกยางออก มันไม่ใช่วิถีลูกผู้ชายเลยว่ามั้ย
“หมอออกมาแล้วครับนายเล็ก”
เสียงของริคทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิดทันทีพร้อมกับลากสายตาไปยังร่างบุรุษที่อยู่ในชุดกราวด์ขาวสะอาดกำลังก้าวเดินมายังที่ผมนั่งอยู่
“เธอเป็นไงบ้างครับหมอ ปลอดภัยไหมครับแล้วเลือดหยุดหรือยัง แล้ว...”
“เดี๋ยวครับคุณไรเฟิลฟังหมอก่อน ใจเย็นๆนะครับ”
“อ่อ ครับ”
“คนไข้อวัยวะเพศฉีกขาดสาเหตุเกิดจากการร่วมเพศที่รุนแรง เหมือน...ถูกข่มขืนมา”
หน้าผมชาขึ้นมาทันทีทันใดที่หมอพูดจบ ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมามากกว่าเดิมหลายเท่านัก รวมถึงสายตาและสีหน้าตกใจของไอ้ริคที่มองผมนี่ยิ่งกดดันให้ผมทำตัวไม่ถูก ไอ้ริคเป็นลูกน้องคนสนิทที่โตมาด้วยกัน ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่รู้จักกันมาแต่จำความได้ก็มีมันนี่แหละทำหน้าที่บอดี้การ์ดให้ผมมาตลอด
“ไข้ขึ้นสูงและมีอาการอ่อนเพลียอย่างหนัก ร่างกายคนไข้อ่อนแอมากครับ ใช้ร่างกายค่อนข้างหนักจนลืมพักผ่อน”
เอ๊ะ...หมายถึงเธอใช้ร่างกายทำงานหนัก หรือผมใช้ร่างกายเธอหนักจนไม่ได้พักผ่อนวะ ผมสินะ ต้องเป็นผมอยู่แล้วแหละต้นเหตุทั้งหมดที่เธอเป็นแบบนี้
“แล้วต้องทำยังไงต่อครับหมอ”
“คนไข้มีอาการเครียดร่วมด้วยนะครับ คงต้องให้ผ่อนคลายลงและพักผ่อนร่างกายให้มากๆเพื่อให้พิษไข้บรรเทาลงและรักษาอาการเจ็บป่วยที่เป็นให้หาย คงต้องใช้เวลานะครับเพราะคนไข้คงเพิ่งผ่านเรื่องร้ายมาเห็นละเมอเพ้อด่าใครสักคนนี่แหละครับ”
“ด่าว่าอะไรครับหมอ”
“อืม...หมอก็ไม่ยินไม่ถนัดนะครับ คนไข้ไม่มีแรงแม้แต่จะพูดด้วยซ้ำเสียงเบามากเลย ได้ยินว่า เลว หล่อ เจ็บ แล้วก็...”
“แล้วก็อะไรครับ!”
“ปากหมา...ครับ คำนี้หมอได้ยินชัดมาก”
หน็อย..ยัยนี่มันร้ายกาจนัก กล้านินทาฉันให้หมอฟังอย่างงั้นหรอ ไม่เอ่ยชื่อไปเลยล่ะว่าด่าฉันอยู่ นี่เป็นไข้จริงๆหรือแกล้งวะถึงได้พูดคำนั้นซะชัดถ้อยชัดคำแบบนี้
จู่ๆผมก็โมโหขึ้นมาซะงั้น...
“แผลอวัยวะเพศคนไข้คงต้องใช้เวลาสักพักนะครับเพราะค่อนข้างฉีกขาดเยอะพอสมควร ต้องรอให้แผลสมานกันถึงหายเป็นปกติดี หลังจากนี้ก็เดินเหินได้แต่จะมีอาการเจ็บแผลอยู่ ถ้าเจ็บอย่าให้คนไข้ฝืนเดินนะครับจะทำให้แผลอักเสบ”
ถึกอย่างยัยนั่นไม่เป็นไรหรอกหมอ ขนาดกลิ้งตกบันไดหนีไฟสูงๆเธอยังแค่หัวแตกนิดเดียว มีแรงละเมอด่าผมไม่นานก็คงหายดี!!
“อ่อ ส่วนที่ถามหมอว่าเลือดหยุดไหลหรือยัง คำตอบคือยังนะครับ เลือดคนไข้ยังไม่หยุดไหลง่ายๆเพราะไข่เพิ่งตก”
“ไข่ตก?”
“คนไข้เป็นประจำเดือนครับ เลยมีเลือดไหลออกมาปกติ”
อึ้ง......
ผมนี่แหละอึ้ง ที่ผมเห็นเลือดไหลไม่หยุดไม่หย่อนจนรู้สึกผิดขนาดนี้เพราะยัยนี่เป็นเมนส์เนี่ยนะ!! เกลียดยัยนี่ชะมัด ทำผมหัวหมุนจนทำอะไรไม่ถูกเพราะเห็นเมนส์เธอไหล?
บัดซบเอ้ย!!! โมโหจนอยากจะตียัยนั่นให้ตายไปเลย
“ไม่มีอะไรแล้วผมขอพาเธอกลับนะครับ”
“คนไข้ควรนอนพักให้น้ำเกลือก่อนนะครับ หมอว่ารอฟื้นก่อนดีกว่า”
ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นผมรีบสาวเท้าไปหาเธอพร้อมกับดึงสายน้ำเกลือออกด้วยความเดือดดาล สองแขนแกร่งอุ้มร่างที่ไร้สติไว้ในอ้อมแขนที่โอบรัดแน่น ท่ามกลางสายตาของคนที่กำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่ แต่ด้วยความที่เป็นผมไงเลยไม่มีใครกล้าพูดกล้าขัดอะไร
“เดี๋ยวค่ะคุณ เอาผ้าอนามัยไปด้วยค่ะคนไข้จำเป็นต้องใช้นะคะ พยาบาลใส่ให้แล้วค่ะแต่อันนี้เอาไว้เปลี่ยน”
เท้าผมหยุดอยู่กับที่เมื่อมีร่างของพยาบาลวิ่งมาขวางหน้าผมไว้พร้อมกับยื่นถุงอะไรนั่นมาตรงหน้า อ้อมแขนที่ผมโอบอุ้มเธอว่าแน่นแล้วตอนนี้กลับแน่นขึ้นกว่าเดิมด้วยความโมโห จนยัยนี่หลุดร้องเสียงหลงออกมาด้วยความเจ็บล่ะมั้ง
นี่ผมยืนฟังเรื่องอะไรอยู่ เรื่องผ้าอนามัยยัยนี่หรอ!! ผู้ชายอย่างผมกำลังทำอะไรอยู่ เธอสร้างเรื่องอับอายให้ฉันเกินไปแล้วนะ
“ไอ้ริค หยิบถุงเวรนี่มา!!”
ผมเดินนำมายังรถด้วยความว่องไว ไม่อยากจะเป็นจุดเด่นอยู่ที่นี่ให้มันนานเกินไป อีกอย่างผมว่าผมเสียเวลาให้กับผู้หญิงคนนี้มามากพอแล้ว เวลานี้ตามปกติผมคงกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงนุ่มๆในห้องพร้อมกับเปิดแอร์เย็นๆไม่ใช่หรอวะ
“จะไปส่งเธอที่บ้านหรือกลับบ่อนครับนายเล็ก”
“กลับบ่อน บ้านอยู่ไหนฉันยังไม่รู้เลย ขับไวๆหน่อย”
ก็จริงอย่างที่ผมว่านั่นแหละ เธอเป็นใครมาจากไหนผมยังไม่รู้เลย และที่จริงไม่จำเป็นต้องทำความรู้จักด้วย ไม่ได้มีผลต่อชีวิตอะไรเลย แต่ยัยนี่ทำให้ชีวิตผมวุ่นวายไง ไม่รู้แหละเอาเป็นว่าเธอผิดที่ทำให้ผมไม่ได้นอนแล้วกัน!
“ไรเฟิล..”
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคนไร้สติเพราะพิษไข้ที่นั่งพิงประตูรถอีกฝั่งเรียกชื่อผมขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ แม้เสียงจะเบามากจนแทบไม่ได้ยินแต่ก็สามารถทำให้ผมหันไปมองเธอได้
“อย่ามาเรียกชื่อฉันนะ!!”
เธอยังคงหลับตาอยู่ซึ่งก็เท่ากับว่าเสียงที่ได้ยินออกมาจากปากบางนั่นคือเธอละเมอ ละเมอเหมือนที่ด่าผมให้หมอฟังไง แล้วไง? ตอนนี้จะด่าอะไรอีกล่ะ
“ทำไม...นาย...”
“อะไรอีก จะด่าอะไรฉันอีกล่ะ!พูดออกมาเลย จะได้เคลียกันตอนตื่นทีเดียว”
“หล่อจัง...”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ยัยนี่พล่ามบ้อบออะไรออกมาวะ มาชมอะไรตอนนี้มันใช่เวลาปะ แล้วไอ้หน้าอกข้างซ้ายนี่เป็นห่าเหวอะไร ทำไมจู่ๆมันเต้นแรงขึ้นมาได้
ผมเบนสายตาไปทางอื่นเพื่อเลี่ยงจะมองเธอ เสียการควบคุมอีกแล้ว บ้าฉิบ! พลันสายตาก็ไปสบกับกระจกมองหลังที่สะท้อนหน้าไอ้ริคกำลังมองมาที่ผมผ่านกระจกมองหลังอยู่ก่อนแล้ว
“มองอะไรวะไอ้ริค”
“แค่แปลกใจ ที่เห็นนายเล็กยิ้ม”
“หะ เห้ย!! ใครยิ้มวะ ฉันเปล่านะโว้ยตอนนี้กำลังโมโหยัยนี่อยู่ต่างหาก”
“หรอครับ แล้วที่หูแดงๆกับทำตาเลิ่กลั่กนี่คืออาการโมโหด้วยหรือเปล่าครับนายเล็ก”
“แกอยากโดนฉันเตะมากใช่ไหม! ขับรถไปอย่าพูดมาก”
ถึงกับเสียหลักเลยทีเดียวเมื่อเจอไอ้ริคทักแบบนี้ ฮึ่ย! หงุดหงิดๆ
ฟรึ่บ
“เกลียดเธอว่ะ”
ผมคว้าถุงใส่ผ้าอนามัยที่พยายาลให้มาเมื่อครู่สวมหัวเธอทันทีอย่างไม่อยากจะเห็นหน้า
“อื้อ ..”
เธอยกมือมาปัดหน้าพัลวันเหมือนรำคาญที่ถุงมันขัดต่อการหายใจอะไรประมาณนั้น แต่ก็แล้วไงล่ะ ไม่มีปัญญาเอาออกก็ให้มันตายคาถุงนี่แหละ
“ร้อน...”
ยัง ยังไม่หยุดพล่ามอีก ผ่านไปราวสิบนาทีเธอก็ยังคงบ่นไม่หยุด แล้วก็ยังคงไม่มีปัญญาจะเอาถุงออก
โถ่โว้ย!ก็ลืมตาขึ้นมาดูสิวะว่าถุงครอบหัวอยู่ จะยกมือมาปัดๆแล้วมันจะออกมั้ยวะ
“ไรเฟิล...”
“จิ๊! เออๆเอาออกให้ก็ได้ ยัยโง่”
“กว่าจะเอาถุงออกให้เธอได้ก็เล่นนั่งมองเธอตั้งนานเลยนะครับนายเล็ก”
“หุบปาก!! ถ้าไม่อยากโดนไล่ออกนะไอ้ริค”
“นายเล็กไม่ไล่ผมออกหรอกครับ ไม่มีใครรู้ใจนายเล็กได้เท่าผมอีกแล้ว”
เสียมาดโหดๆเพราะยัยนี่คนเดียว รอยยิ้มที่ผมสงวนไว้ก็ผุดขึ้นมาเองโดยไม่รู้ตัว เกลียดท่าทางตัวเองชะมัด แล้วผมก็เกลียดเธอด้วย