CHAPTER 6
FORMER STORY
“พายัยนี่ไปนอนห้องคนงานโน่นไป ฉันเกลียดขี้หน้า”
“นายเล็ก แต่ห้องคนงานมันเต็มแล้วนะครับ ห้องว่างก็ยังไม่ได้ทำความสะอาด อีกอย่างเธอป่วยอยู่นะ มันจะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรอครับ นายเล็กจะ...”
“ฉันสั่ง!! สกปรกก็ปล่อยให้นอนไปแบบนั้นแหละ ไม่ตายหรอก!”
“ครับ นายเล็ก”
ไอ้ริคมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัดกับคำสั่งของผม ใจร้ายอะไร? เธอมีความสำคัญขนาดไหนถึงต้องคอยดูแลใกล้ชิด แค่ตื่นก็ไล่กลับบ้าน นี่ยังใจดีด้วยซ้ำนะที่อุตส่าห์พาไปโรงพยาบาล จริงๆจะปล่อยให้นอนแช่น้ำจนปอดบวมตายก็ไม่เห็นจะแคร์
“เสียเวลาชีวิตโดยใช่เหตุจริงๆ”
เมื่อผมเดินมาถึงห้องนอนก็ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างไม่รีรอ วันนี้ผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้วยังต้องมาวุ่นวายกับยัยนั่นอีก เหลือเวลาอีกสองชั่วโมงที่ผมจะได้พักผ่อนก่อนจะต้องตื่นมาเคลียงานในส่วนที่เหลือ
สายตาผมเหลือบไปเห็นคราบเลือดบนเตียงเลยทำให้เห็นหน้าเธอลอยขึ้นมากลางอากาศ
“คนหรือผีวะ หลอกหลอนอยู่ได้”
พาให้ผมหงุดหงิดได้ในทันที จึงต้องพาตัวเองออกมานอนที่โซฟาห้องทำงาน เอาวะ นอนพักไปก่อนแค่สองชั่วโมงเอง พรุ่งนี้เปลี่ยนผ้าปูเตียงอีกรอบก็ได้นอนเหมือนเดิมแล้ว ได้แต่ปลอบใจตัวเองอย่างนั้นจนกระทั่งหลับไป...
END TALK
หนักหัว...
นี่เป็นความรู้สึกของฉันในตอนนี้ รู้ได้เลยว่าตัวเองกำลังไม่สบาย ความรู้สึกต่อมาคือหายใจไม่ค่อยออก มันอึดอัด ทำให้ฉันต้องลืมตาตื่นขึ้นมาเจอสภาพห้องที่ไม่คุ้นเคย
ที่นี่ที่ไหนวะเนี่ย....
ฉันหันไปมองรอบๆห้องด้วยความตื่นกลัว ห้องสี่เหลี่ยมโง่ๆแคบๆที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากที่นอนยางพาราเก่าๆวางอยู่บนพื้นซึ่งก็มีตัวฉันนอนทับมันอยู่นี่แหละหน้าต่างที่ไม่มีผ้าม่านบดบังแสงจากข้างนอกทำให้ห้องนี่มีอุณหภูมิสูงขึ้นโดยไม่ต้องสงสัย บนพื้นมีฝุ่นหนาเตอะ ไหนจะเพดานที่มีหยากไย่เต็มไปหมด บ่งบอกได้เลยว่าห้องนี้ไม่ได้ทำความสะอาดเลย คือมันโครตสกปรกอย่างกับบ้านร้าง..
สมองคิดย้อนไปว่าก่อนหน้านี้ฉันทำอะไรอยู่ที่ไหน แล้วหน้าผู้ชายคนนั้นก็ปรากฏขึ้นมาในความคิด ไอ้บ้าไรเฟิลไง ล่าสุดฉันอยู่กับเขา ใช่แน่ๆ แล้วฉันมาอยู่ห้องโกโรโกโสนี่ได้ยังไง พอนึกขึ้นได้ก็โมโห ดันเสียซิงให้ไอ้บ้าหน้าหล่อแต่ปากหมานั่น ไม่ได้เสียดายเท่าไรแค่เสียใจนิดหน่อยที่มันทำฉันรุนแรงเกินไป แถมยังมาให้ฉันอยู่ที่แคบๆอีก ฉันไม่ชอบเอาซะเลย
“โอ้ย...”
ความเจ็บแล่นเข้ามาทันทีที่ฉันหยัดตัวขึ้นนั่ง เจ็บบริเวณตรงนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมถึงเจ็บ นึกแล้วแค้นบอกให้เบาๆหน่อยก็ไม่ฟัง ถ้ารู้ว่าจะมาทรมารทีหลังขนาดนี้ฉันจะยอมให้มันยิงตายไปก็ดี โมโห!
“ที่นี่ที่ไหน?”
เมื่อฉันกระชากประตูห้องเปิดออกด้วยความเดือดดาลก็พบเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งใส่เสื้อเชิตแขนยาวสีดำยืนอยู่หน้าห้อง
“วินเซ้นต์คาสิโนครับ”
“ไรเฟิลอยู่ไหน”
“นายเล็กน่าจะรับประทานอาหารอยู่ที่ห้องอาหารครับ”
หน็อย...ทำฉันเจ็บแล้วยังมีหน้าระรื่นไปกินข้าวอีกนะ ฉันก็หิวเหมือนกันนะโว้ยตอนนี้อ่ะ รู้สึกว่าไม่มีข้าวตกถึงท้องเลยสักเม็ดนานเท่าไรแล้วไม่รู้
“พาฉันไปหาเขาที”
“ไม่ได้หรอกครับ นายเล็กสั่งไว้ว่าถ้าคุณผู้หญิงตื่นแล้วให้ไล่กลับบ้านไปเลย อย่าให้อยู่ที่นี่ต่อ”
“ทำไมฉันจะอยู่ต่อไม่ได้ล่ะ”
“นายเล็กบอกว่าคุณคือภาระครับ”
“ไอ้บ้าไรเฟิล!!”
เคยโมโหจนลืมเจ็บไหม? ฉันกำลังเป็นอยู่นี่ไง จากที่เจ็บจนแทบจะก้าวขาไม่ออกตอนนี้เดินฉับๆกระแทกเท้าจนสะเทือนไปถึงมดลูกก็ไม่เจ็บ อยากจะงัดหน้าไอ้บ้านั่นชะมัด ภาระงั้นหรอ? เหอะ! ใช้ปืนจี้แล้วขู่ข่มขืนฉันจนฉันยอม ถึงแม้จะเคลิ้มในความหล่อของมันก็เถอะ แต่จำเป็นต้องเอาฉันมาทิ้งในห้องโกโรโกโสแล้วมาไล่อย่างกับตัวอะไรที่น่ารังเกียจแบบนี้หรอ สันดารหมาว่ะ!!
“เดี๋ยวๆ คุณจะไปไหนครับ”
“ไปหานายเล็กของนายไง หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ต้องตามมา!!!”
เสียงมีเท่าไรฉันใส่เต็มปรอท จนลูกน้องที่วิ่งตามฉันมาหน้าเหวอไปหมด ฉันก็ไม่เคยแหกปากดังขนาดนี้หรอก ปกติก็ไม่เคยทะเลาะกับใครเขาเท่าไร
“ขอโทษนะคะ ห้องอาหารไปทางไหน?”
เมื่อฉันเจอเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งดูเหมือนจะเป็นบริกรมั้ง แต่งตัวเหมือนบ๋อยอ่ะ เลยเข้าไปถามด้วยท่าทางยั่วยวนและสายตาอันเร่าร้อนที่สร้างขึ้นมาเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว ให้ตายเหอะ หมอนี่ก็ทำตาลุกวาวใส่ฉันเชียวนะ ผู้ชายก็เป็นแบบนี้วันยันค่ำ
“ห้องกระจกมืดตรงนั้นน่ะครับ”
“ขอบคุณนะคะ”
ไม่เสียแรงที่ยั่วใส่ บอกกันง่ายๆแบบนี้ก็ดี ขืนรู้ว่าฉันจะมาเพ่งกะบาลนายเล็กของเขามีหวังไม่บอกแน่ๆ ต้องอ่อยบ้างอะไรบ้าง
ฉันยิ้มหวานให้บริกรก่อนจะโฉบหน้าไปข้างหูเพื่อบอกขอบคุณ เหอะ..ตัวแข็งทื่อไปเลย ดี จะได้มาช่วยเจ้านายไม่ทัน ก่อนที่ฉันจะก้าวขาเดินออกมาก็ไม่ลืมที่จะขยิบตาให้อีกทีเป็นรางวัล
“ห้องนี้หรอ”
มันมืดจนฉันมองไม่เห็นข้างในอะ คงจะเป็นกระจกแบบที่ข้างนอกมองเข้าไปไม่เห็นแต่ข้างในมองออกมาเห็นอะไรประมาณนั้นแน่ๆ เพื่อความมั่นใจลองถามอีกสักทีดีกว่า
“พี่คะๆ ไรเฟิลอยู่ในห้องนี้ไหมคะ”
“ค่ะ นายเล็กอยู่ในห้อง มีอะไรหรือเปล่าคะคุณ”
“เปล่าค่ะ”
เมื่อฉันเห็นผู้หญิงร่างท้วมถือถาดออกมาจากห้องนั้นเลยรีบปรี่เข้าไปถามเลย เพื่อความแน่ใจอ่ะนะ แล้วจะรอช้าอยู่ใย
ครืด
ฉันเลื่อนเปิดประตูกระจกก็พบว่าเขากำลังนั่งกินข้าวกับผู้ชายสูงอายุคนหนึ่ง เหมือนกำลังคุยอะไรกันอยู่ด้วยล่ะมั้ง ลูกค้าหรอ? จะไล่ให้เปิงไปเลย
“ไอ้บ้าไรเฟิล!!!!!! นายมันบ้า นายทิ้งฉันไว้ที่ห้องนั้นได้ยังไง โครตสกปรก แล้วมากินข้าวคิดจะชวนฉันไหม? ฉันก็หิวเป็นนะ!”
“เสียมารยาท ไม่อยากอยู่ห้องนั้นก็กลับซ่องไปสิ!!”
“ฉันจะไม่กลับจนกว่าจะได้กินข้าว ฉันหิว!!”
ดูออกเลยว่าหมอนี่กำลังโกรธ ฉันเห็นเขากัดกรามแน่นจนเส้นเลือดที่ขมับปูดและเต้นตุบๆ แต่ฉันต้องแคร์หรอ ไม่แคร์อยู่แล้ว ตอนนี้ขอกินข้าวก่อนเถอะจะได้มีแรงไว้ตีกับเขาต่อ
“ออกไปเดี๋ยวนี้!”
“นายกินอะไรน่ะ”
“แล้วเสือกอะไรด้วยวะ”
“ไอ้....”
“ไปเถอะครับพ่อ ผมหมดอารมณ์จะกินแล้ว”
“อย่ามาหนีฉันนะ นายทำอะไรกับฉันไว้จะตอบแทนด้วยข้าวสักมื้อมันจะตายหรอ ใจดำฉิบหาย!”
“เออ!! อยากจะแดกก็เชิญแดกไปคนเดียวเลย!”
แล้วเขาก็กำลังเดินออกไปจากห้องนี้พร้อมกับผู้ชายสูงอายุอีกคนที่เขาเรียกว่าพ่อ ทำไมไรเฟิลไม่ดูใจดีเหมือนพ่อเขาบ้างนะ
“พ่อว่า พ่อไปก่อนดีกว่า เคลียกันไปนะ”
“ไม่มีอะไรต้องเคลียครับ เราไปคุยเรื่องงานต่อที่ห้องทำงานผมดีกว่า”
“หยุดเลยนะไรเฟิล ฉันต้องเคลียกับนาย!”
เมื่อสิ้นสุดประโยค พ่อของเขาก็เดินออกไปจากห้องนี้แต่ก็ไม่วายหันมามองฉันด้วยสายตาสงสัย จะสงสัยก็ไม่แปลกหรอก จู่ๆก็มีคนมาด่าลูกชายเขานี่เนอะ
“เธอต้องรับผิดชอบกับการกระทำของเธอวันนี้ ฉันคุยธุระสำคัญกับพ่ออยู่ก็ล้มไม่เป็นท่า เพราะมารยาททรามๆของเธอ!!”
“แล้วที่นายทำระยำต่ำตมกับร่างกายฉันล่ะ นายจะรับผิดชอบยังไง!!”
“ไม่จำเป็น”
“ฉันขอร้องนายแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาทำเหมือนฉันมันน่าสมเพชแบบนี้ แต่ดูสายตานายสิ เห็นฉันเป็นเชื้อโรคหรือไงถึงต้องมองด้วยความเหยียดหยามขนาดนี้”
“....”
“ฉันไม่ได้ให้นายรับผิดชอบฉันที่พลาดท่าเสียทีให้นายไป แต่ฉันก็ไม่ต้องการให้นายมาทิ้งฉันไว้ในที่สกปรกและแคบแบบนั้น ฉันก็คนนะเว้ย ไม่ใช่ตัวอะไรที่นายอยากจะทิ้งอยากจะปล่อยไว้ตรงไหนก็ได้ ฉันมีความรู้สึก”
“....”
“ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน ไม่รู้ว่านายทำอะไรกับฉันบ้าง ฉันไม่รู้สึกตัวอะไรเลยสักอย่าง”
“โกรธที่ฉันให้เธอไปนอนห้องคนงานเนี่ยนะ? ปัญญาอ่อน”
“ฉันกลัวที่แคบ!! นายไม่เข้าใจหรอก สำหรับนายมันก็แค่ห้องธรรมดา แต่ฉันไม่ชอบ เข้าใจไหมว่าไม่ชอบ!”
บางทีคนเราก็มีอดีตที่ไม่อยากจะนึกถึงใช่ไหม ฉันก็เหมือนกัน อดีตที่ลืมไปแล้วด้วยซ้ำแต่วันนี้ทำให้ฉันนึกถึงมันขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเขา
“ฉันจะไปรู้หรอว่าเธอกลัวที่แคบขนาดนี้ ทำไม? ห้องแคบๆมันยังไง ผีหลอก? งูกัด? กำแพงถล่ม? หรือไฟไหม้? เหอะ ตลกว่ะ!!!”
พลั่ก
หลังฉันถูกกระแทกเข้ากับผนังกระจกด้วยแรงของไรเฟิล มือใหญ่บีบที่ต้นแขนของฉันทั้งสองข้างพร้อมกับออกแรงเขย่าจนฉันหัวสั่นหัวคลอนไปหมด
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนาย! ฉันเจออะไรมาก็เรื่องของฉันสิ”
“ก็แค่ตอแหลว่างั้น?”
“....”
“สำออยทำเป็นกลัวให้ฉันรับผิดชอบในตัวเธอ?”
“....”
“ตอบมาสิ เหตุผลปัญญาอ่อนที่เธอกลัวห้องแคบๆน่ะ ฉันรอฟังอยู่ เงียบทำไม? มารยาร้อยเล่มเกวียนจริงๆว่ะ”
“....”
“ถ้าตอบไม่ได้ งั้นก็เชิญเธอกลับซ่องไปซะ!!!”
ตุ้บ
ร่างฉันถูกเหวี่ยงให้ล้มลงกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ ไม่รู้เหมือนกันว่าน้ำตาฉันมันไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไร มันคงจะไหลออกมาพร้อมๆกับภาพเหตุการเก่าๆที่ฉายขึ้นมาในหัว อดีตที่เจ็บปวดของฉัน
“ฮึก ฉันเคยเกือบโดนรุมโทรมในห้องแคบๆไง ฮืออออ ฉันถึงกลัว!! ผู้ชายเป็นสิบคนรุมทึ้งเสื้อผ้าฉัน จับฉันขึง ทำร้ายร่างกายฉัน แล้วก็ถ่ายคลิปไว้ ฮือออ ที่บ้านร้าง ที่ห้องแคบๆนั่น ฉัน...กลัว”
“....”
“มันน่าสมเพชมากไหม ที่ฉันต้องกลัวห้องแคบๆแบบนี้ ฮึก นายรู้แล้วสะใจดีใช่ไหมล่ะ ฮืออออ”
“....”
“ฉันทั้งโมโหทั้งกลัวที่ตื่นมาเห็นตัวเองนอนอยู่ในที่แบบนั้น และฉันก็รู้สึกแย่มากที่รู้ว่านายเป็นคนสั่งให้ฉันไปนอนในห้องนั้น เพราะคำสั่งนายไง ฮือออ”
“ฉัน...ไม่รู้อดีตของเธอ ฉันไม่ผิด”
“ฮืออ นายมันไม่เคยผิดหรอกไรเฟิล ฉันผิดเอง ผิดที่พาตัวเองมาข้องเกี่ยวกับนาย ผิดที่อดีตของฉันเอง ผิดที่ฉันนี่แหละ นายมันถูกเสมอ ฮึก”
“ยะ อย่าร้อง”
อย่าทำเสียงอ่อนโยนแบบนี้ใส่ฉันนะ ยิ่งเขามองฉันด้วยสายตารู้สึกผิดฉันยิ่งสมเพชตัวเอง
“ฉันจะกลับบ้าน”
ไม่รอช้า ฉันหยัดตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับใช้มือสองข้างปาดน้ำตาลวกๆ หมดเวลาของฉันที่นี่แล้ว จริงๆไม่ควรจะมาข้องเกี่ยวอะไรด้วยซ้ำ
“แต่เธอต้องกินข้าวก่อน”
“ไม่ ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก ลาก่อนนะไรเฟิล”
“บอกให้มากินข้าวก่อนไงเล่า!!”
เมื่อฉันเดินผ่านเขาไปได้ไม่กี่ก้าว ตัวฉันก็ต้องถูกรั้งไว้ด้วยมือไรเฟิลที่เอื้อมมาดึงแขนฉันไว้ จนตัวฉันเซไปชนกับแผงอกของเขา
“เอ๊ะ นายนี่ประสาทหรือเปล่า เดี๋ยวให้กินเดี๋ยวไม่ให้กิน”
“ตอนนี้อยากให้กินแล้วนี่ไง พูดมากว่ะ นั่งลง”
“โอ้ย ปล่อย”
ฉันโดนกดให้นั่งลงกับเก้าอี้ที่เขานั่งเมื่อครู่ พร้อมกับลากจานข้าวของเขามาไว้ตรงหน้า ฉันไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างที่ยอมทำตามคำสั่งง่ายๆหรอกนะ โดยเฉพาะคนใจร้ายอย่างไรเฟิลน่ะ
เมื่อเขาปล่อยมือออกจากบ่า ฉันก็ดีดตัวลุกขึ้นทันที
“เห้ย!! บอกให้นั่งไง”
“ไม่ ฉันจะกลับแล้ว”
“ทำไมดื้อจังวะ”
ฉันโดนกดตัวให้นั่งอีกครั้ง แต่คราวนี้เขากดให้ฉันนั่งบนตักเขาพร้อมกับรัดเอวฉันไว้แน่น ยิ่งฉันดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น
“ทำแบบนี้ทำไมไรเฟิล ปล่อย อย่ามากอด”
“แหม ทีเมื่อคืนยิ่งกว่ากอดเธอยังเด้งใส่เอาๆ ทีงี้ทำมาสะดิ้ง”
“ก็นายบัง...”
อ้ำ
ข้าวคำโตถูกยัดเข้าปากฉันด้วยฝีมือของไรเฟิล ฉันไม่รู้ว่าเขาใช้อีกมือตักข้าวตอนไหน มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาเถียงเขาจนถูกข้าวยัดเข้าปากนี่แหละ
หิวอะ..
อยากจะอารยขัดขืนอยู่หรอก แต่กระเพราะไม่เป็นใจ เอาจริงๆที่ฉันโมโหเพราะหิวด้วยแหละ และที่ตื่นเพราะท้องมันร้อง เลยพาลไปหมด
“กินเยอะๆ ดูตัวเธอสิ เล็กนิดเดียวเอง”
“ยุ่งน่า”
ฉันยังคงนั่งให้เขาป้อนข้าวอยู่แบบนั้น ซึ่งก็งงๆเหมือนกันที่อยู่ๆมันมาลงเอยแบบนี้ได้
“เห้ย!! ฉันมานั่งป้อนข้าวเธอทำไมวะเนี่ย ลุกออกไปเลยนะ!!”
“นายบังคับให้ฉันนั่งตักเองนะ แล้วนายก็ป้อนข้าวฉันเองด้วย เป็นบ้าอะไรขึ้นมาล่ะ”
“แล้วทำไมไม่ปฏิเสธวะ”
“ก็ฉันหิว”
อย่ามาทำหน้าเหมือนฉันไปบังคับขืนใจนายแบบนั้นได้ไหม ฉันไม่ได้ไปบังคับอะไรนายเลยนะ มีแต่นายบังคับฉันล้วนๆเลย นายนี่มันบ้าหรือมันดีวะเนี่ย