“ทำงานมัดไหมทำงาน อย่าคิดฟุ้งซ่าน” ร่างบางพึมพำเรียกสติตัวเองเบาๆ ขณะที่กำลังทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า ตั้งแต่ที่เจอได้หน้าของลีวายอีกครั้ง เธอก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ความร้อนรุ่มสุมอยู่เต็มหัวใจดวงน้อย
“มัด เติมหน้าให้ผมหน่อยสิ” เสียงเรียกของเจ้านายช่วยดึงสติของมัดไหมให้หลุดออกจากภวังค์ เธอรีบเช็ดแปรงแต่งหน้าให้แห่งแล้วเก็บใส่โหลใส ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาดาราหนุ่ม
“เหงื่อเยอะเลยนะคะเนี่ย” มือบางเอื้อมไปหยิบทิชชู่มาซับหยาดเหงื่อตามกรอบหน้าของชายหนุ่ม เธอเอ่ยแซวเขาด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างเช่นทุกครั้ง
นี่อีกเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เจ้านายเลือกจ้างเธอมาเป็นช่างแต่งหน้าส่วนตัว เขาชอบใบหน้าสวยหวานของเธอ ชอบรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสดใส เพราะมันช่วยเพิ่มพลังบวกให้กับเขาได้เป็นอย่างดี
“ครับ วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน”
“สู้ๆ นะคะ” ริมฝีปากอวบอิ่มฉีกยิ้มหวานให้เขาอีกครั้ง เจ้านายมองใบหน้าจิ้มลิ้มของคนตัวเล็กอย่างหลงใหลไม่วางตา
“....” เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วและเสียงหัวเราะคิกคักตกอยู่ในสายตาของใครบางคนที่ยืนแอบมองอยู่ตรงหน้าประตู ลีวายขบกรามแกร่งแน่น เมื่อเห็นทั้งสองคนยิ้มร่าให้กันอย่างมีความสุข
“ลีวาย! หายหัวมาอยู่ตรงนี้เองเหรอ!” เสียงทุ้มของอัศวินดังขึ้นทำเอาลีวายตกใจสะดุ้งรีบวิ่งหนีไปอีกทาง เช่นเดียวกับมัดไหมและเจ้านายที่ชะงักเสียงพูดคุยแล้วมองไปยังด้านนอก
“ไอ้ลีวายมันมาทำอะไรตรงนี้” เจ้านายพึมพำเบาๆ ด้วยความสงสัย แต่ก็พอทำให้คนข้างๆ ได้ยินมันอย่างชัดเจน ปกติแล้วลีวายแทบจะไม่อยากเดินผ่านห้องของเขาเลยด้วยซ้ำ
“มะ..ไม่รู้สิคะ” ร่างบางก้มหน้างุดเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตา เธอพยายามไม่คิดเข้าข้างตัวเองว่าลีวายอยากเจอเธอเลยเดินมาทางนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถห้ามหัวใจดวงน้อยไม่ให้เต้นแรงได้
“แล้วนี่มีไปแต่งหน้าใครอีกไหม” เขาเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นร่างบางดูแปลกไป เพราะอยากให้เธอรู้สึกสบายใจตลอดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน
“เหลือแค่เติมหน้าคุณพอลล่าค่ะ” มัดไหมเอ่ยตอบสั้นๆ เธอชะงักไปเล็กน้อยเมื่อนึกถึงพอลล่า เพราะมันทำให้ภาพเหตุการณ์ที่เห็นว่าลีวายกำลังมีอะไรกับอีกฝ่ายฉายซ้ำเข้ามาในหัวอีกครั้ง
“คุณมัด คุณมัด” มือหนาสะกิดที่เรียวแขนเล็กเบาๆ เมื่อเห็นเธอนิ่งเงียบไป สีหน้าของเธอในวันนี้ดูผิดแปลกไปจนเขาเริ่มสงสัยว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า “คุณมัดมีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่าครับ”
“มะ..ไม่มีค่ะ..ยังไงมัดต้องขอบคุณคุณเจ้านายนะคะที่อนุญาตให้มัดได้รับงานพิเศษแต่งหน้าคนอื่นๆ” เธอส่ายหน้าปฏิเสธแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“ผมเคยบอกแล้วไงว่าไม่ได้จ้างคุณมาเป็นแค่ลูกน้อง ฉะนั้นอะไรที่คุณทำแล้วสบายใจหรือมันดีต่อตัวคุณเองก็ทำเถอะครับ”
“ค่ะ ยังไงเดี๋ยวมัดขอตัวไปดูคุณพอลล่าก่อนนะคะ” มัดไหมเดินไปหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางค์ขึ้นมาคล้องบ่า ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป โดยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้เอ่ยถามอะไรอีก
“เฮ้อ.. ตามจีบมาตั้งนาน มีหวังกับเขาบ้างไหมนะ” เจ้านายมองตามแผ่นหลังบางที่เพิ่งเดินออกไป พลางถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ เขาชัดเจนกับเธอมาตลอดและก็รู้ดีว่าเธอคงรู้ว่าเขาคิดยังไง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมเปิดใจให้เขาเลยสักนิด
“ลีวาย! หยุดเดี๋ยวนะ! ไม่งั้นเดือนนี้พ่อจะตัดบัตรเครดิตของแกให้หมดเลย!!” คำข่มขู่ของคนเป็นพ่อทำให้อัศวินต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังวิ่ง
“โธ่พ่อ วายก็แค่จะแวะไปทักไอ้นาย ทำไมพ่อต้องวิ่งไล่วายด้วย” ลีวายพ่นคำโกหกกับอัศวิน ความจริงที่เขาไปยืนอยู่ตรงนั้นก็เพราะอยากที่จะมองใบหน้าของเธอให้ชัดๆ
“แล้วถ้าแค่ไปทักเจ้านายแกจะวิ่งหนีพ่อทำไม”
“..อะ..เอ่อ..คะ..คือ” ใบหน้าคมคายเลิ่กลั่กไปมาเมื่อตอบคำถามไม่ได้ เขาคงไม่กล้าพอที่จะตอบคนเป็นพ่อไปว่าที่วิ่งหนีเพราะกลัวมัดไหมจะรู้ว่าเขามาแอบมอง เขาไม่อยากเสียฟอร์มให้คนอย่างเธอ ยิ่งถ้าความจริงแล้วเธอคือคนๆ นั้นที่เขาเคยปฏิเสธคงจะยิ่งน่าอายเข้าไปใหญ่