“วันนี้ไปเที่ยวเป็นเพื่อนหน่อย”
“ไม่ ใกล้สอบแล้ว มึงน่ะหัดอ่านหนังสือที่ห้องบ้างเถอะ” เชรีบปฏิเสธคำชวนของเพื่อนสนิทอย่างไอ้ซันทันที หลังเขาถูกชักชวนให้ไปสถานบันเทิงอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่เราเพิ่งไปกันเมื่อสัปดาห์ก่อน
“โธ่….เชชชช” อีกฝ่ายเรียกชื่อเช พยายามทำหน้าเว้าวอนเพื่อให้เขาใจอ่อน แต่มันกลับไม่ง่ายเช่นนั้น เพราะเชตั้งใจจะอยู่อ่านหนังสือที่ห้องจริง ๆ
“ไม่ต้องมาเรียกชื่อเลย ไม่ไป”
“ใจคอจะให้กูไปคนเดียวจริง ๆ เหรอวะ” ซันยังคงตอแยไม่เลิก
แน่ล่ะ….การที่เชไม่ไปด้วยก็แปลว่า อีกฝ่ายต้องไปที่นั่นคนเดียวและกลับเพียงลำพัง เนื่องจากเราอยู่หอเดียวกันแต่พักคนละห้อง หากไม่อยากนอนห้องคนอื่น ซันก็ต้องห้ามเมาเพราะไม่มีใครหิ้วกลับ
“มึงอยากไปเที่ยวก็ไปดิ แต่กูไม่ไปด้วย”
“เช…..” ซันเรียกชื่อเขาเสียงอ่อนอีกครั้ง
“…….”
“ไปอีกแค่คืนเดียวเอง อีกตั้งสองสัปดาห์กว่าจะสอบ” ถึงจะอ้างเช่นนั้น แต่เชก็ยังส่ายหัว หนักแน่นในคำตอบว่าคืนนี้จะใช้เวลาว่างอ่านหนังสือที่ห้อง
“แต่คืนนี้พี่โปรดไปนะ”
“……” ตอนแรกก็ว่าจะไม่สนใจแล้ว แต่พอเจอประโยคถัดมา เชถึงกับชะงักกึก เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะทำทีเปิดหนังสือหน้าต่อไปอย่างไม่คิดอะไร
“เอาไง ตกลงจะไปด้วยกันไหม? พี่โปรดไปด้วยนะ” ซันถามซ้ำอีกครั้ง
“พี่โปรดไปก็ช่างเขาสิวะ เกี่ยวไรกับกู”
“อ้าว….ก็ปกติเวลามึงไปเที่ยวก็เห็นตัวติดกับพี่เขาตลอด ก็นึกว่าสนิทกับพี่โปรดมากซะอีก”
“ไม่ได้สนิทกัน” จะเรียกว่าสนิทได้ยังไง ในเมื่อเราเจอกันแค่ตอนเที่ยว เบอร์ติดต่อหรือแม้กระทั่งไลน์ก็ไม่มีของกันและกันด้วยซ้ำ
“งี้ก็แปลว่าที่ผ่านมา กูเข้าใจผิดมาโดยตลอดเหรอวะ”
“ก็คงงั้น”
ความสัมพันธ์ระหว่างเชและพี่โปรดคือพี่น้องร่วมคณะ ตอนนี้อีกฝ่ายเรียนอยู่ปีสี่กำลังฝึกงานอยู่บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ส่วนเชกำลังเรียนอยู่ปีสอง อายุเพิ่งครบยี่สิบมาได้ไม่กี่เดือน
คณะที่เชกำลังศึกษาอยู่ไม่ใช่คณะใหญ่ ทำให้เรารู้จักกันทั่วถึงทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง ขนาดที่ว่าต่อให้เราไม่เคยคุยกัน เราก็จะรู้ว่าใครชื่ออะไร เชและพี่โปรดก็เช่นกัน หนึ่งปีก่อนตั้งแต่เชเข้ามาเป็นรุ่นน้องของพี่โปรด เขารู้แค่ว่าอีกฝ่ายชื่อโปรด ส่วนพี่โปรดก็แค่รู้ว่าเขาชื่อเช
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ใคร ๆ ต่างเข้าใจผิด คิดว่าเราสองคนสนิทกัน นั่นคือความบังเอิญ ในคืนนั้น….เชก็ได้ออกเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนของเขา พี่โปรดเองก็เช่นกัน
เราบังเอิญเจอกันในร้านนั่งดื่มกึ่งผับซึ่งร้านนี้เป็นร้านดังประจำมหา’ลัย พอกลุ่มเพื่อนพี่โปรดเห็นว่าพวกเชเป็นรุ่นน้องร่วมคณะ จึงมีการชักชวนให้มานั่งดื่มโต๊ะเดียวกัน สานสัมพันธ์ตามประสารุ่นพี่รุ่นน้อง คุยไปคุยมาเกิดความถูกคอจึงกลายเป็นว่านับจากนั้นกลุ่มเชและกลุ่มรุ่นพี่ปีสี่ก็มักมีการนัดออกเที่ยวด้วยกันเป็นประจำ
“เช มึงจะเข้าไปเลยไหม”
“มึงเข้าไปก่อนเถอะ เดี๋ยวกูตามเข้าไป”
“โอเค…..โต๊ะในสุดที่เดิมนะ รีบตามมา”
“อืม….” เชขานรับก่อนจะมองตามเพื่อนที่เดินเข้าไปในร้านแล้ว
ตอนแรกก็ยืนกรานเสียงแข็งว่าจะอ่านหนังสือที่ห้อง แต่ทำให้สุดท้ายเชก็มายืนอยู่หน้าร้านดังในช่วงสี่ทุ่ม เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องมาที่นี่ ไม่รู้ว่าเพราะทนเสียงรบเร้าของเพื่อนไม่ไหวหรือเพราะอะไรกันแน่….
“สวัสดีครับพี่” หลังตบตีกับความคิดตัวเองอยู่หน้าร้านเสร็จ เชก็เดินเข้ามาในร้าน เมื่อมาถึงโต๊ะประจำของเรา เขาก็เอ่ยทักทายรุ่นพี่ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี แน่นอน….เขาได้รับการต้อนรับที่ดี
“น้องเชชชชชช พี่กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย” พี่เฟิร์นสายเอ็นเตอร์เทนตัวแม่ ตัวสร้างบรรยากาศของโต๊ะวี้ดว้ายกับการปรากฏตัวของเช ก่อนที่เธอจะตบเก้าอี้ตัวว่าง ๆ ให้เขานั่งด้วยกัน
“เป็นยังไงบ้าง พี่คิดถึงจังเลย”
“ก็ดีครับ….ใกล้สอบแล้ว ตอนแรกก็ว่าจะไม่มา”
“เนี่ย พี่เฟิร์นตอนแรกไอ้เชมันไม่ยอมมาด้วยเว้ย บอกจะอ่านหนังสือ ผมกล่อมตั้งนานกว่ามันจะยอมใจอ่อน” ไอ้ซันได้ทีรีบฟ้องใหญ่ ทำเอาคนที่ถูกกล่าวถึงถึงกับส่ายหน้ากับอาการขี้ฟ้องของเพื่อนตัวดี
“จริงเหรอคะ น้องเช” พี่เฟิร์นหันมาถามเชเสียงอ่อน ก่อนจะหันไปชี้หน้าไอ้ซันและพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไป “อีซัน หล่อนนั่นแหละบาป! เพื่อนเขาจะอ่านหนังสือ หล่อนจะลากมาทำไม”
“อ้าว พี่เฟิร์นเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนสั่งผมอะ”
“ฉันเหรอวะ” พี่เฟิร์นถามเสียงสูง
“หลักฐานยังอยู่ในไลน์ จะเอาไหมล่ะ”
“แหม่….ฉันก็แค่หยอกเล่นย่ะ น้องเชอย่าโกรธพี่น้า พี่ก็แค่อยากให้เรามากันครบทีมเฉย ๆ” พี่เฟิร์นไม่ว่าเปล่า แต่ยังหันมากะพริบตาถี่ ๆ เพื่อจะขอความเห็นใจ ทำเอาเชถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆ ไม่เป็นไรหรอกครับ แล้วนี่มากันเท่านี้เหรอ ผมก็นึกว่าจะมาเยอะกว่านี้ซะอีก”
“จริง ๆ มันแค่จะถามหาพี่โปรดพี่ แต่สงวนท่าทีไว้เฉย ๆ”
“ไอ้ซัน อย่ากวนตีน” เชมองค้อนเพื่อน อยู่ดีไม่ว่าดี ชอบหาเรื่องให้โดนด่า
“ยังมีอีก ๆ แต่ยังมาไม่ถึงกัน โปรดก็เหมือนกัน แต่เห็นบอกว่าใกล้ถึงแล้วนะ อ้อ! วันนี้พวกแกก็เพิ่งอย่ารีบเมานะ ยาว ๆ ไปค่ะ เดี๋ยวเสร็จจากนี่ เดี๋ยวเราไปต่อ”
“โห สุดจริง” ซันว่า
“เถอะน่า เอาหน่อย ๆ เดี๋ยวพวกแกก็จะสอบไฟนอลแล้ว คงไม่ได้เจอกันยาว ๆ ส่วนพวกฉันก็เครียดเรื่องงานเนี่ย ปลดปล่อยกันหน่อย อุตส่าห์ว่างตรงกันทั้งที” พี่เฟิร์นมาพร้อมถอนหายใจออกมา ดูเหมือนชีวิตใกล้จบของพวกพี่ปีสี่จะหนักหนากันเหลือเกิน
“ชีวิตการทำงานมันเหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอพี่” เชถาม
“ใช่ เหนื่อยมากกกก” พี่เฟิร์นลากเสียงยาว ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าพวกแกว่าเรียนก็เหนื่อยแล้ว ชีวิตในวัยทำงานมันยิ่งกว่าเสียอีก มันไม่ใช่แค่ทำงานแลกเงินเดือนไง แต่มีภาระหลาย ๆ อย่างที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้น ตอนนี้พวกแกมีเวลาเที่ยวก็เที่ยวไปเถอะ ขอแค่อย่าให้เสียการเรียนเป็นพอ”
“โห ได้ยินแบบนี้ ผมรู้สึกไม่อยากทำงานเลยอะ ” ซันพูดต่อ
“งั้นแกก็จบพร้อมหมอสิ ยังพอยืดเวลาออกไปได้นิดนึงหรือว่าจะเรียนครบแปดปีตามโควตาก็ไม่มีใครว่าหรอกค่ะคุณน้อง”
“ถ้าแบบนั้น ผมคงโดนแม่ฆ่าก่อนอะ” ไอ้ซันพูดพร้อมทำท่าขนลุก
เชรู้จักนิสัยแม่เพื่อนดี แม่ของซันจะโหดก็ว่าจะโหด จะมองว่าเป็นคนใจดีก็ได้ เรื่องอื่นเธอมักจะยอมไอ้ซันเสมอ ไม่เคยเห็นบ่นลูกชายสักคำ แต่ถ้าเป็นเรื่องเรียนแม่มันจะซีเรียสมาก ประมาณว่าเที่ยวได้ อยากทำอะไรก็ทำเถอะ แต่อย่าให้เสียการเรียนเชียว ไม่งั้นมีตัดค่าขนม มีตัดออกจากกองมรดกแน่
“ชีวิตวัยทำงานพวกแกอย่าไปกลัวเลย หนียังไงก็ไม่พ้นหรอก” พี่เฟิร์นว่าพร้อมกับเบียร์ให้เช
“ถ้าพวกฉันผ่านไปได้ พวกแกก็คงผ่านไปได้เหมือนกันแหละน่า นั่งลงก่อน ๆ” ช่วงท้ายประโยคพี่เฟิร์นก็หันไปพูดกับพวกรุ่นพี่ปีสี่ที่เพิ่งเดินทางมาถึง
ความวุ่นวายเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อรุ่นพี่และกลุ่มเพื่อนของเชเริ่มทยอยมาถึงกันทีละคนสองคน จนในที่สุดโต๊ะของพวกเขาก็ว่างแค่ที่เดียว….
….ที่ของพี่โปรด
“น้องเชอย่าเพิ่งเมานะ จิบเบียร์เบา ๆ ก่อน เดี๋ยวค่อยไปเมาร้านที่สอง” พี่เฟิร์นกระซิบบอก ในขณะที่มือของเธอก็กำลังรินเบียร์แก้วที่สองให้เช
“ผมจะเมาเบียร์ เพราะพี่รินให้ไม่หยุดนี่แหละ”
“อ้าวเหรอ โทษ ๆ”
เวลาล่วงเลยมาจนถึงเที่ยงคืน จวนจะตีหนึ่งแล้วก็ยังไร้เงาพี่โปรด มีเป็นไปได้ว่าค่ำคืนนี้พี่โปรดจะไม่มา จากที่คนนั่งกันเต็มโต๊ะ ก็เหลือเพียงแค่เชที่นั่งอยู่เพียงลำพัง เชไม่ได้รอพี่เขา….แต่โดยปกติแล้ว เขามักจะได้เฝ้าโต๊ะกับพี่โปรดเสมอ เราเป็นสายนั่งเฝ้าโต๊ะเหมือนกัน เรามักจะนั่งคุยกัน ในขณะที่คนอื่นบ้างก็ออกไปเต้น บ้างก็เดินไปนั่งโต๊ะอื่น ทำความรู้จักไปทั่วร้าน
พอต้องนั่งเฝ้าโต๊ะคนเดียว เชก็รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก เขานั่งเท้าคาง จิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมกับมองการกระทำต่าง ๆ ของคนในร้านไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งพี่เฟิร์นจะเดินกลับมาหาที่โต๊ะ
“นั่งเหงาอะไรคนเดียวคะคุณน้อง ออกไปเต้นกับพวกพี่เร็ว! พวกไอ้ไอซ์ก็ถามหาเราเนี่ย”
“ถ้าผมไปแล้วใครจะเฝ้าโต๊ะ”
“ก็ทิ้งไว้นี่แหละ โต๊ะมันไม่หายไปไหนหรอก”
“……”
“มาเร็ว! ไปหาพวกเพื่อนทางนั้นกัน เขาถามหาแกด้วย” คราวนี้พี่เฟิร์นไม่ว่าเปล่า แต่ยังดึงมือเชให้ลุกขึ้น ก่อนจะเริ่มออกแรงลาก จนในที่สุดเชก็ยอมแพ้ เขายอมทิ้งโต๊ะแล้วเดินไปทางหากลุ่มเพื่อนที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของร้าน
หากการเที่ยวกลางคืนคือการปลดปล่อยความเครียด งั้นการเต้นคือการพักผ่อน เชปล่อยให้ร่างกายของเขาขยับไปตามจังหวะเพลง เขาอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อน เต้นเบาที่สุดเพราะไม่ได้อยากเป็นดาวเด่นและไม่ชอบหากถูกใครจับตามอง เขาแค่ขยับเบา ๆ โดยที่มือข้างหนึ่งก็ถือเครื่องดื่มเอาไว้
สติของเชเริ่มลดลงเรื่อย ๆ ขณะปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างเขากำลังเพิ่มมากขึ้น เชพยายามยั้งปากตัวเองแล้ว แต่ดูจะเป็นเรื่องยาก เพราะเวลาใครเดินผ่านมาก็ชนแก้วกันตลอด
ยิ่งดึกยิ่งสนุกจะมาหมดสนุกอีกทีก็ตอนร้านปิด ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีการต่อร้านสองตามที่วางแผนเอาไว้แล้ว เพราะทุกคนกำลังได้ที่ สภาพบางคนเริ่มไปต่อไม่ไหว รวมถึงเชด้วย….สติเขากำลังเลือนหายไปอย่างช้า ๆ
การบังคับตัวเองไม่ให้เมา มันไม่ต่างจากการต้านแรงโน้มถ่วงที่ไร้ประโยชน์ มันเป็นการฝืนธรรมชาติ ยากเกินไป จนในที่สุดเชก็เลือกที่จะปล่อย ไม่คิดว่ายั้งตัวเองอีกแล้ว
“เมาแล้วเหรอวะ” ไอ้ซันที่หายหัวไปตั้งนานเดินกลับเข้ามาถามเช
“ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“นี่คือคนไม่อยากเที่ยวเหรอวะ” มันว่าพร้อมหัวเราะใส่หน้าเช “เออ ๆ เดี๋ยวกูมานะ ถ้าเมาแล้วก็อยู่เรียบร้อย ๆ ด้วย วันนี้ไม่มีใครมาดูแลมึงตอนเมานะ”
“อือ กูจะพยายามแล้วกัน มึงเองก็รีบกลับมาด้วย เจอกันที่โต๊ะ”
“เออ ๆ เจอกัน”
ไอ้ซันเดินหายไปจากสายตาเชแล้ว เขายังยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มรุ่นพี่และเพื่อนเหมือนเดิม ในตอนนี้เชยังพูดคุยรู้เรื่อง ใครถามอะไรก็ยังตอบได้ แต่การตัดสินใจและการนึกคิดของเขา มันไม่เหมือนตอนขามาแล้ว
“น่าเอา” ขณะที่กำลังเต้นอยู่กับกลุ่มเพื่อน ก็มีเสียงกระซิบข้างหูพร้อมกับแรงโอบกอดจากด้านหลัง เชถึงกับหันขวับ ใบหน้าที่แสนคุ้นตาอยู่ห่างกันแค่เอื้อม เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปโอบคออีกคนไว้พอหลวม ๆ
“ก็เอาดิ ใครห้าม” พูดจบก็ยกยิ้มมุมปาก ที่กล้าต่อปากต่อคำเช่นนี้ ก็เพราะเขารู้ว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นจริง
“เนี่ย แกก็เป็นแบบนี้” พี่โปรดพูด ถึงน้ำเสียงจะดูดุแต่ริมฝีปากของพี่โปรดกลับกำลังคลี่ยิ้ม
ใบหน้าหล่อเหลายังคงระบายยิ้มให้กันเหมือนอย่างทุกครั้งที่เจอ มือหนาของพี่โปรดโอบเอาเชไว้อย่างหลวม ๆ แต่ดูจะเป็นการประคองไม่ให้เขาล้มมากกว่า
“ทำไมถึงมาช้า” นึกว่าไม่มาแล้ว พอเห็นหน้าได้ก็อดถามไม่ได้ เชตะโกนถามพี่โปรดแข่งกับเสียงเพลงที่กำลังดังสนั่นจนหัวใจเขาเต้นไปพร้อมกับจังหวะเพลง พี่โปรดไม่เคยมาช้าขนาดนี้ อีกอย่างก็เห็นพี่เฟิร์นบอกว่าอีกฝ่ายใกล้มาถึงตั้งแต่หลายชั่วโมงก่อนแล้ว
คนเขาอุตส่าห์รอ….
“อะไรนะ?” พี่โปรดขมวดคิ้ว เหมือนเสียงเพลงจะดังเกินไป พี่โปรดพยายามจ้องการขยับปากของเช
“ทำ-ไม-ถึง-มา-ช้า” คราวนี้เชไม่ตะโกน ไม่มีการตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงเพลง เขาเขย่งตัวขึ้นกระซิบข้างหูของคนที่แก่กว่าตัวเองสองปี
“แวะไปทำธุระก่อนมา ทำไมรอพี่เหรอ”
“ใช่” เชยอมรับ ไม่คิดจะปิดบังความจริง
“ไอ้เช อย่าน่ารักให้มากนัก”
“อ้าว ๆ สองคนนี้ใจเย็น ๆ นะเว้ย คนอยู่เยอะนะ!” พี่เสือหนึ่งในรุ่นพี่ปีสี่รีบตะโกนห้ามเราสองคน เมื่อเชกอดคอพี่โปรดแน่นมากขึ้น เรายืนกอดกันท่ามกลางผู้คนที่กำลังเต้น
ผิดปกติสำหรับคนอื่น แต่เป็นเรื่องปกติสำหรับเรา เวลาเที่ยวกลางคืน เชมักจะตัวติดกันกับพี่โปรดเสมอ นับตั้งแต่เจอกันครั้งแรกนั่นแหละ เขาชอบอยู่ใกล้ ๆ พี่โปรดยามที่ตัวเองเมา เราสัมผัสเนื้อตัวกันบ่อย แต่ไม่เคยจูบกันเลยสักครั้ง ส่วนใหญ่ก็มีแค่การโอบกอด คลอเคลียกันประสา หากเมาจนยั้งตัวเองไม่อยู่อย่างมากก็แค่จูบข้างแก้ม มันมีแค่นั้น
พวกเราชอบเล่นถึงเนื้อถึงตัวกันเสมอ เวลาเชอยู่ที่ไหน พี่โปรดก็มักจะอยู่ที่นั่น เราเจอกันที่ร้านเหล้ามากกว่าที่มหา’ลัย เพราะแบบนี้ไงล่ะ เชถึงไม่กล้าพูดว่าเราสนิทกัน
“ถ้าจะเอา ไม่เอาที่นี่หรอก” พี่โปรดตะโกนกลับไป ในขณะเดียวกันเชก็หลุดหัวเราะออกมา ไม่ได้ถือสาในคำพูดของพี่เขา ทุกคนต่างรู้ดีว่าทุกอย่างคือการล้อเล่น
“เช พี่ว่าเรากลับไปคุยกันที่โต๊ะเถอะ เดี๋ยวจะล้มเอา” ไหน ๆ ก็ไม่คิดจะเต้นต่ออยู่แล้ว สู้ออกไปนั่งคุยกันที่โต๊ะ ให้พื้นที่คนอื่นที่อยากเต้นน่าจะดีกว่า เมื่อพี่โปรดเสนอเช่นนั้น เชก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที
“เอางั้นก็ได้”
เมื่อกลับมาที่โต๊ะก็มีแต่ผู้หญิงจ้องตามพี่โปรด ทุกการกระทำของพี่โปรดดูน่ามองไปเสียหมด เป็นเรื่องธรรมดา คนหน้าตาดีมักจะถูกให้ความสนใจเสมอ ตอนที่รู้จักกันแรก ๆ เชเองก็ไม่ชิน แต่เดี๋ยวเขาเริ่มชินแสร้งทำเป็นไม่เห็นการกระทำของคนรอบข้างก็จบแล้ว
พี่โปรดเป็นผู้ชายหน้าตาดี มีชื่อเสียงในมหา’ลัย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ไปแข่งขันวิชาการหรือเป็นนักกิจกรรมตัวยงของคณะ แม้เชจะไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีนี้เท่าไรนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนหน้าตาดี มักจะถูกจดจำ
เชได้ยินมาว่าตอนนี้นอกจากพี่โปรดจะฝึกงานแล้ว เวลาว่าง ๆ อีกฝ่ายยังรับงานถ่ายแบบด้วย พี่โปรดไม่ได้มีชื่อเสียงแค่ในมหา’ลัยอีกต่อไป ยิ่งปัจจุบันโลกออนไลน์มันไปไว เห็นใครคนหน้าตาดีเข้าหน่อย ก็มีการแอบถ่ายรูปแล้วแชร์ลงบนโลกอินเทอร์เน็ต นั่นยิ่งทำให้ชื่อเสียงความหล่อเหลาของพี่โปรดดังมากขึ้นเรื่อย ๆ
“วันนี้ดื่มเยอะเหรอ ปกติแกไม่เคยตาเยิ้มขนาดนี้” พี่โปรดชวนคุย
“ก็คงงั้นอะ วันนี้เจอคนรู้จักเยอะก็เลยชนแก้วกันบ่อย”
“เพลา ๆ ลงบ้าง เดี๋ยวกลับห้องไม่ไหว”
“ไหวววววว พี่โปรดก็น่าจะรู้นี่ว่าเชเก่ง” เชพูดพร้อมหลุดหัวเราะ
เชชอบมองตาพี่โปรด มันเป็นเรื่องเดียวที่เขาไม่เคยบอกอีกฝ่าย สายตาของพี่โปรดแพรวพราว ดูเจ้าชู้และน่ามองในเวลาเดียวกัน
สายตาของพี่โปรดชวนให้คิดไปไกลเสมอ แม้ว่านั่นจะเป็นการมองด้วยสายตาปกติ หากแต่มันกลับทำให้คนอื่นใจเต้นแรงและนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ใคร ๆ ก็หลุมรักพี่โปรด….รวมถึงเชด้วย
เรากลับมาทำหน้าที่นั่งเฝ้าโต๊ะกันเหมือนเดิม เรานั่งข้างกัน มือของเราสอดประสานกันอย่างแนบแน่น ไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ไม่มีใครรู้ว่าทำไมต้องทำ แต่มันเป็นไปอย่างอัตโนมัติเหมือนคลื่นแม่เหล็กที่ดึงดูดให้เราตัวติดกัน
“สาวโต๊ะนั้นเขาหันมามองพี่หลายครั้งแล้วนะ ไม่สนใจหน่อยเหรอ” เชพูด เมื่อสายตาของเขาหันไปเจอสายตาจากสาวโต๊ะเดิมอีกแล้ว พวกเธอจ้องพี่โปรดครู่หนึ่งแล้วหันกลับไปซุบซิบกัน
“โต๊ะไหน”
“นั่นไง”
“ไม่หรอก ไม่สนุก”
“ถ้าเขาเดินมาหาล่ะ”
“ก็จะปฏิเสธไง”
“ใจร้ายอีกแล้วนะ”
“ฮ่า ๆ เราก็รู้นี่ว่าพี่เป็นคนยังไง” พี่โปรดพูดพร้อมกับหัวเราะในลำคอ นั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูร้ายขึ้นเป็นเท่าตัว เชรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ชอบให้ใครเข้าหาก่อน พี่โปรดชอบเข้าหาเอง พี่เขาชอบความท้าทาย ชอบความแข่งขันและลองใจคน
และเชก็รู้ด้วยว่าเขาไม่มีสิทธิ์
“เช….”
“ครับ?”
“เปลี่ยนน้ำหอมใหม่เหรอ”
“รู้ได้ไง”
“ก็จำกลิ่นเดิมได้ มันไม่ใช่กลิ่นนี้นี่”
“ใช่ครับ เชเปลี่ยนกลิ่นใหม่” แอบแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่พี่โปรดจำกลิ่นน้ำหอมเขาได้ด้วย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ด้วย
“หอมดี…..พี่ชอบนะ” คำว่า ชอบ ของพี่โปรดคือน้ำหอม อีกฝ่ายชอบน้ำหอมกลิ่นใหม่ของเช แต่ไม่รู้ทำไมใบหน้าของเขากลับกำลังร้อนผ่าว มันออกสี….แข่งกับแสงนีออนในร้าน