บทที่ 1.2 ยัยตัวร้าย
แกร๊ก…
“อุ๊ย ขะ…ขอโทษค่ะ ป้าไม่รู้ว่าคุณยังอยู่”
แม่บ้านที่หญิงสาวจ้างประจำให้มาทำความสะอาดคอนโดฯ เอ่ยอย่างตกใจเมื่อไขประตูเข้ามาแล้วพบว่าเธอยังอยู่ในห้อง ปกติเวลานี้มาริลินจะออกไปมหาวิทยาลัยแล้ว
“ป้าโดนไล่ออกนะคะ”
“คะ?”
แม่บ้านตกใจด้วยคิดว่าโดนไล่ออกเพราะเปิดประตูเข้ามาตอนเธอยังอยู่ คนตัวเล็กหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดโอนเงินแสนปอนด์ให้กับอีกฝ่าย
“หลังจากนี้ก็ทำงานให้น้อยลงนะคะ เอาเงินนี้ไปส่งลูกชายเรียนแล้วก็ไปหาของอร่อยกินบ้าง เลิกแอบจิ๊กของใกล้หมดอายุในตู้เย็นของฉันไปกินด้วย มันไม่ดีต่อสุขภาพ ในสายตาของคนเป็นพ่อแม่อาจคิดว่าการทำงานหนักและยอมทนลำบากขนาดนี้คือการทำเพื่อลูก แต่รู้ไหมคะ…สำหรับคนเป็นลูกแล้ว สิ่งที่ต้องการไม่ใช่เงินทองที่ได้มาจากการทำงานหนักของพ่อแม่หรอก”
“...”
“แต่เป็นการที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน ได้กินข้าวด้วยกัน และได้เห็นว่าพ่อกับแม่ยังคงแข็งแรงดีเพื่อจะได้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ต่างหาก ยังไงพอโดนไล่ออกแล้วป้าคงจะมีเวลาว่างอีกสักพักกว่าจะหางานใหม่ได้ ลองพาลูกชายไปกินของอร่อยด้วยกันดูนะคะ ส่วนวันนี้…กลับไปได้เลยค่ะ”
แม่บ้านคิดตามที่หญิงสาวพูด มองแจ้งเตือนจากธนาคารที่ส่งเข้ามาในมือถือว่ามียอดเงินถูกโอนเข้าถึงแสนปอนด์ด้วยความซาบซึ้งใจ
“คุณจะไปไหนหรือคะ”
“ก็แค่…ไปในที่ที่ไม่อยากไป คนอย่างฉันมันไม่มีที่ไหนให้ไปอยู่แล้ว ไม่มีใครต้อนรับฉันหรอกค่ะ เป็นเหมือนส่วนเกินเสียมากกว่า”
คำพูดของเธอฟังดูเศร้าแต่น้ำเสียงและแววตาของคนพูดกลับดูนิ่งสนิทราวชินชาไปแล้ว
หมับ…
“ป้าอาจจะไม่ได้พูดคุยอะไรกับคุณบ่อยนัก แต่ป้าก็เป็นแม่บ้านให้คุณมาตลอดสามปี สิ่งหนึ่งที่ป้าสัมผัสได้คือคุณเป็นคนใจกว้างมาก ๆ แม้จะรู้ว่าของในตู้เย็นหายไปบ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยพูดหรือว่า แถมยังซื้อมาเติมอยู่เรื่อย ๆ เหมือนตั้งใจจะให้ป้าเอากลับไปกิน คุณไม่เคยเอาเปรียบใคร จ่ายเงินเดือนตรงเวลา เมื่อไหร่ที่ป้าทำงานนานกว่าที่ตกลงกันไว้ก็ไม่เคยต้องทำฟรีเพราะคุณจ่ายเพิ่มเสมอ มันบ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่ใครดีมาก็จะดีตอบ แต่ถ้าใครร้ายมา คุณก็พร้อมจะร้ายกลับเหมือนกัน นิสัยแบบนั้นมันไม่ใช่ข้อเสียหรอกนะคะ แต่มันคือกลไกการปกป้องตัวเองต่างหาก”
แม่บ้านจับมือของหญิงสาวขึ้นมาแล้วพูดในสิ่งที่คิด การทำงานกับหล่อนอาจมีกฎมากมายที่สร้างความน่าอึดอัดในครั้งแรก แต่เมื่อนานวันไปก็จะชินและเข้าใจกับมันเอง ขอแค่จับทางนิสัยของมาริลินให้ถูกเท่านั้น
“พูดมากจังนะคะ น่ารำคาญชะมัด”
“ขอโทษด้วยค่ะ ป้าแค่อยากบอกให้คุณรู้ว่า…จะต้องมีที่ไหนสักแห่งในโลกนี้ที่มีผู้คนใจดีรอต้อนรับคุณอย่างแน่นอน”
แม่บ้านยิ้ม สายตาที่มองหล่อนราวกับกำลังมองลูกหลาน มาริลินชักมือกลับแล้วเก๊กหน้าเย่อหยิ่งตามเดิม
“โดนไล่ออกแล้วก็กลับไปสิคะ จะมายืนอยู่ทำไมอีก รีบไปหาของอร่อยกินกับลูกชายได้แล้วค่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ ลาก่อนนะคะ”
คนตัวเล็กยิ้มออกมาเล็กน้อย ยกมือขึ้นกอดอกมองดูแม่บ้านเดินออกจากห้องไป พอประตูปิดลงหล่อนก็รีบเดินไปที่หน้าต่างเพื่อรอดูบางอย่าง
ทุกครั้งที่แม่บ้านมาทำความสะอาด ลูกชายของเธอมักจะมาส่งและรอรับกลับเสมอ เพราะมีกันอยู่แค่สองคนแม่ลูกเนื่องจากบิดาเสียชีวิตในอุบัติเหตุการทำงานไปเมื่อสามปีก่อน เพราะเหตุผลนั้นถึงมาสมัครงานกับมาริลินหลังจากหล่อนประกาศหาแม่บ้านเอาไว้ที่หน้าคอนโดฯ
รอไม่นานแม่บ้านก็เดินออกไปจากคอนโดฯ ลูกชายที่นั่งอ่านหนังสือเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยรออยู่ตรงฟุตบาทริมถนนรีบวิ่งเข้ามาหา สองแม่ลูกคุยอะไรกันเล็กน้อยก่อนตัวลูกชายจะกอดแม่ด้วยท่าทางดีใจ
“อ๊ะ!”
พรึ่บ!
มาริลินรีบดึงผ้าม่านมาปิดเมื่อสองคนนั้นเงยหน้ามองมาทางห้องของเธอพร้อมโค้งศีรษะขอบคุณ ให้ตายสิ มัวแต่ยืนทำบ้าอะไรกันแทนที่จะรีบไปใช้เงินให้มีความสุข เมื่อหลบได้สักพักก็แง้มม่านแอบดูใหม่จึงเห็นว่าทั้งสองพากันเดินข้ามถนนเข้าไปยังร้านพิซซ่าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
‘ป้าอยากจะลองพาลูกชายเข้าไปกินพิซซ่าในร้านนั้นสักครั้งค่ะ ตั้งใจว่าถ้าเข้ามหา’ ลัยได้ก็จะพาไปกิน’
นึกถึงคำพูดที่แม่บ้านเคยบอกเอาไว้ในวันที่หล่อนกลับมาแล้วเห็นอีกฝ่ายยืนมองร้านนั้นจากหน้าต่างบานนี้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยของหญิงสาว
ในที่สุดความฝันนั้นของคนเป็นแม่ก็สำเร็จแล้วสินะ
“กินให้อร่อยนะคะ”
คนตัวเล็กพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางออกมาเพราะเธอเองก็ต้องเตรียมตัวเหมือนกัน
ครืด…ครืด…
มีข้อความเข้ามาจากบิดา หญิงสาวกดเปิดอ่านอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ด้วยพอจะรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร สิ่งเดียวที่ได้จากผู้เป็นพ่อมาตลอดคือเงิน ชีวิตที่สุขสบายราวกับเจ้าหญิงแบบนี้อาจเป็นฝันของใครหลายคนแต่ว่า…
…มันเงียบเหงาเกินไป
‘พี่ศรันย์จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้เรียบร้อยแล้ว พ่อจะรอลูกกลับมานะ รัก’
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่พี่”
พูดกับตนเอง แค่คิดว่าจะต้องกลับไปเจอหน้าสองแม่ลูกคู่นั้นก็อยากจะอาละวาดรอแล้ว