บทที่ 01 บาดเลือดแค้น [1]

1383 คำ
บทที่ 01 บาดเลือดแค้น [1] ปัง! ประตูห้องทำงานของภูมิพัฒน์ปิดลงหลังจากที่คนของเขาพาตัวพลอยกะรัตมาส่งแล้วเดินกลับออกไป บรรยากาศภายในห้องเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศที่ถูกเปิดเอาไว้ดังสลับกับเสียงหอบหายใจของพลอยกะรัตเพราะเธอดิ้นและพยายามขัดขืนมาตลอดทาง “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน คุณทำแบบนั้นกับพ่อฉันได้ยังไง” ไม่ทันนั่งเธอก็แผดเสียงดังลั่นพลางตบโต๊ะทำงานของภูมิพัฒน์อย่างวางอำนาจ ทั้งที่ตัวเองเป็นเพียงแค่พนักงาน แม้จะมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิจัยการตลาด แต่หากเทียบกับเขาที่เป็นประธานกรรมการบริหารบริษัทแล้ว การกระทำของเธอถือเป็นเรื่องไร้มารยาทที่สุด “นั่งลง” “แต่...” “ผมสั่งให้นั่ง ตั้งสติแล้วฟัง” ภูมิพัฒน์ย้ำอีกรอบด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบอย่างคนที่กำลังพยายามจะสะกดกลั้นอารมณ์ สีหน้าและแววตาของเขาดุดันจนอีกฝ่ายจำต้องนั่งลงอย่างไม่มีทางเลือก แม้ว่าสายตาจะยังดื้อดึงอยู่ในที ในสายตาของเขา พลอยกะรัตเป็นผู้หญิงฉลาด หน้าตาสะสวย มีความรู้และสามารถ มีฐานะทางการเงินมั่นคง นอกจากนั้นเขายังรู้ว่าเธอถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ โตมาในสังคมชั้นสูง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่ทั้งสายตาและท่าทางของเธอจึงเย่อหยิ่งอยู่เสมอเพราะมันเป็นสิ่งที่เขาเห็นจนชินตา เพียงแต่ว่านับจากวันนี้ไป ทุกอย่างที่ทั้งเขาและเธอเคยชินกำลังจะกลายเป็นเพียงแค่อดีต ฟุ่บ! “นี่คือเอกสารหลักฐานที่ผมให้ทีมกฎหมายตรวจสอบแล้วว่าเชื่อถือได้” พลอยกะรัตกระชากมันออกจากมือของเขาตั้งแต่ที่เขายังพูดไม่ทันจบ รีบเปิดมันดูในทันที ซึ่งข้อความและภาพในแฟ้มเอกสารนั้นแม้จะมีเพียงไม่กี่ใบ ใช้เวลากวาดสายตามองเพียงปราดเดียวเธอก็สามารถทำความเข้าใจได้ทันทีว่ามันคือหลักฐานที่ยืนยันว่าพ่อของเธอทุจริต “เหลวไหล พ่อฉันไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่” เธอบอกอย่างมั่นใจ และไม่ว่าจะมีอีกกี่คนที่ยืนยันว่าทุกอย่างในเอกสารชุดนี้เป็นเรื่องจริง เธอก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด “คุณคิดว่าพ่อฉันทุจริตจริงๆ อย่างนั้นเหรอคะ” พลอยกะรัตเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดอธิบายอะไรสักคำ แม้เธอกับภูมิพัฒน์จะไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร เพราะในสายตาของเธอ เขาเองก็ดูเย่อหยิ่งไม่ต่างจากที่เขามองเธอนัก แต่หากตัดเรื่องนิสัยใจคอรวมถึงเรื่องของบุคลิกภาพภายนอกออกไปแล้วมองกันแค่เรื่องงาน เธอเองก็มองเขาเป็นคนเก่งคนหนึ่ง ที่ทั้งเฉลียวฉลาดในด้านของการทำธุรกิจจนบางครั้งเธอยังอยากจะทำให้ได้แบบเขาด้วยซ้ำไป “ทุกอย่างต้องว่ากันไปตามหลักฐาน” “ฉันไม่ได้อยากจะรู้เรื่องหลักฐาน ฉันถามว่าคุณเชื่อว่าพ่อฉันทุจริตใช่ไหม กรุณาตอบให้ตรงคำถามด้วยค่ะ” พลอยกะรัตถามย้ำอย่างไม่ยอมความ และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ตอบคำถามของเธอ แต่เพียงแค่นั้นมันก็มากพอจะทำให้เธอรู้ว่าความซื่อสัตย์ที่พ่อของเธอมีให้กับบริษัทนี้เสมอมามันไม่มีค่าอะไรเลย “ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้น ฉันจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพ่อฉันเอง” พลอยกะรัตบอกอย่างแน่วแน่ ทว่าไม่ทันที่เธอจะได้ก้าวเท้ากลับออกไป ภูมิพัฒน์ก็หยิบเอกสารอีกหนึ่งชุดออกมาจากลิ้นชักแล้ววางมันตรงหน้าเธอเสียก่อน “คุณยังไปไหนไม่ได้จนกว่าจะเซ็นเอกสารฉบับนี้” คำสั่งของเขาทำให้เธอต้องก้มมองเอกสารตรงหน้าด้วยความไม่ไว้ใจ ตอนนี้เธอมีเวลาไม่มากพอจะมานั่งเล่นเกมอ่านใจกับเขา ทางที่ดีคือรีบเปิดเอกสารอ่านให้เรียบร้อยแล้วเซ็นชื่อลงไป เพื่อที่จะได้รีบตามพ่อของเธอไปที่โรงพัก “หา!” ข้อความบรรทัดแรกบนเอกสารแผ่นแรกทำให้เธอตกใจยิ่งกว่าเดิมเพราะมันคือ ‘เอกสารยอมรับสภาพหนี้’ ก่อนหน้านี้คำว่า ‘หนี้’ ถือเป็นสิ่งที่ไกลตัวเธอเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่าพอมันมีโอกาสเข้ามาทักทาย ก็มาเสียรวดเร็วราวกับว่ารอคอยโอกาสนี้มานาน “ในฐานะที่คุณเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณลุงเพชรกรุณ คุณมีส่วนต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เขาทำ มูลค่าความเสียหายที่ทางบริษัทประเมินเบื้องต้นไว้คร่าวๆ ก็สิบสองล้าน” ภูมิพัฒน์อธิบายเสียงเรียบ ทั้งประโยคมีความยาวไม่สั้นไม่ยาว แต่สิ่งที่พลอยกะรัตได้ยินชัดเจนมีเพียงคำว่า ‘เขาทำ’ ซึ่งนั่นหมายความว่าภูมิพัฒน์ปักใจเชื่อไปแล้วว่าพ่อเธอทุจริตจริง คงไม่มีประโยชน์ที่จะแย้งอะไร ทางออกเดียวที่เธอคิดได้ก็คือต้องรีบหาทางพิสูจน์ความจริงเท่านั้น “แล้วถ้าฉันสามารถพิสูจน์ได้ว่าพ่อฉันบริสุทธิ์ คุณจะรับผิดชอบยังไง” พลอยกะรัตถามพลางเอื้อมคว้าปากกาที่เสียบอยู่บนแท่นเสียบปากกาของเขามาควง “ถ้ามีหลักฐานมาหักล้างหรือพิสูจน์ได้ว่าพ่อของคุณบริสุทธิ์ เอกสารชุดนี้ก็จะถือเป็นโมฆะ ไม่มีผลตามกฎหมาย” “น้อยไปหน่อย” “น้อยยังไง” “จำเอาไว้ว่าถ้าฉันพิสูจน์ได้ว่าพ่อฉันบริสุทธิ์เมื่อไร ฉันจะเอาคืนทุกบาททุกสตางค์ นอกจากนั้นแล้วคุณยังต้องชดใช้ค่าเสียเวลาและค่าศักดิ์ศรีของพ่อฉันอย่างสาสม” พลอยกะรัตประกาศกร้าวแล้วจรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงไปในเอกสาร ก่อนจะกระแทกปากกาในมือลงบนแฟ้มเอกสารที่ถูกปิดลงด้วยความหงุดหงิด “เดี๋ยว!” พลอยกะรัตหลับตาแน่นพลางกลั้นลมหายใจเมื่อความอดทนของเธอใกล้หมด “ยังมีอีกใบ” เธอหันกลับไปมองเขาที่ยังมีสีหน้าเรียบเฉย เปิดแฟ้มเอกสารออกอีกครั้งแล้วพลิกไปที่เอกสารใบสุดท้าย พลอยกะรัตหลุบสายตาลงอ่านอย่างไม่ไว้ใจ แล้วสิ่งที่เธอเพิ่งจะอ่านจบก็ทำให้สองตาของเธอเบิกโพลง ‘เอกสารยินยอมชดใช้ดอกเบี้ยจากหนี้สินที่ระบุไว้ในเอกสารชุดแรก’ เธอสูดหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดึงแฟ้มเอกสารนั่นมาแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างตั้งใจเพราะไม่อยากจะตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ แม้จะเห็นลายเซ็นพ่อของเธอเซ็นกำกับยินยอมอยู่ที่ท้ายกระดาษตั้งแต่แรกแล้วก็ตาม “ดอกเบี้ยร้อยละสิบต่อเดือน!” “ใช่” “คุณจะบ้าหรือยังไง มันผิดกฎหมาย” “นั่นคือเหตุผลที่เอกสารชุดนั้นแยกออกมาจากชุดแรก” “แปลว่าคุณตั้งใจจะเอาเปรียบพ่องั้นเหรอ” “คุณจะไม่เซ็นก็ได้” “ได้งั้นเหรอ” “ได้ แต่ยังไงซะตามข้อกฎหมายแล้วหากไม่มีเงินชดใช้ค่าเสียหาย ก็ต้องติดคุกชดใช้แทน” คำว่าติดคุกทำให้พลอยกะรัตโกรธจนควันแทบจะออกหู “อย่าฝันไปหน่อยเลย ต่อให้ฉันจะต้องขายทุกอย่างจนหมดตัวเพื่อเอามาชดใช้ให้คุณทั้งที่ฉันมั่นใจว่าพ่อฉันไม่ได้ทำฉันก็ยอม แต่ฉันจะไม่ยอมให้พ่อฉันติดคุกแน่” “เสียใจด้วยที่คุณไม่มีอะไรให้ขาย เพราะเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ทรัพย์สินทั้งหมดของพ่อคุณเพิ่งจะถูกอายัดซึ่งก็น่าจะรวมถึงบัตรเครดิตที่เป็นบัตรเสริมของเขาที่คุณใช้อยู่ด้วย” ใบหน้าของพลอยกะรัตซีดเผือด ภาพของพนักงานร้านกาแฟเมื่อครู่แวบเข้ามาในหัวทันที หรือว่านี้จะคือเหตุผลที่บัตรเครดิตของเธอใช้ไม่ได้ เพราะทุกใบล้วนแล้วแต่เป็นบัตรเสริมของพ่อเธอทั้งสิ้น ทั้งชีวิตของคุณหนูพลอยกะรัตคนนี้มีแค่พ่อมาตลอด บ้าน รถ หรือแม้แต่บัตรเครดิต ไม่มีอะไรเป็นชื่อของเธอเลยสักอย่างเพราะเธอไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น คำว่านางฟ้าตกสวรรค์ยังดูน้อยเกินไปสำหรับเธอในเวลานี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม