“ธามจะไม่กลับมาแล้วจริงๆ เหรอ”
อดีตผู้จัดการสาวใหญ่โทรมาตื๊อหลังจากที่ขาดการติดต่อกันไปนานร่วมครึ่งปี แรกๆ ที่เขาตัดสินใจเดินออกมาจากวงการบันเทิง ‘พี่ต้นตาล’ ก็โทรมาเกือบทุกวันจนเขาต้องปิดโทรศัพท์หนี
“ไม่ล่ะครับ อยู่ที่นี่ก็สบายดีขอพักผ่อนยาวๆ เลยครับ เอาไว้เงินหมดผมจะติดต่อไปหาพี่ต้นตาลนะครับ”
ประโยคเชิงหยอกล้อพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากของอดีตศิลปินหนุ่ม
“แหม ธามรวยซะขนาดนั้นคงใช้เงินหมดหรอกชีวิตนี้”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”
“พูดไปเราอะ…เออนี้ได้ไปดูไร่ส้มที่เชียงรายบ้างหรือเปล่า”
“ไม่ได้ไปเลยครับ แค่เดินจงกรม นั่งสมาธิก็หมดวันแล้วครับ”
“อย่าหาว่าพี่ยุเลยนะ ลูกพี่ลูกน้องเราไว้ใจได้จริงๆ ใช่ไหม”
“เขาไม่โกงผมหรอกครับ เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก”
“อะๆ ตามใจแล้วนี่ทำอะไรอยู่”
“เพิ่งช่วยหลวงตากวาดใบไม้แห้งที่ลานเดินจงกรมเสร็จ แต่อีกเดี๋ยวก็จะกลับบ้านไปนอนแล้วครับ”
“นอนไวจริง…ถ้ายังไงอยากจะกลับมาขึ้นเวทีหรือรับงานละครสักเรื่องก็ติดต่อพี่มานะ”
“ครับ ผมจะคิดถึงพี่ต้นตาลคนแรกเลยครับ”
“จ้ะ ให้มันจริง”
แล้วอดีตผู้จัดการสาวก็วางสายไป ธาม ธีกานต์ยกมือไหว้ลาหลวงตา ก่อนจะเดินลัดเลาะตามถนนคอนกรีตที่เล็กๆ ที่ตัดผ่านหมูบ้าน บริเวณรอบๆ แม้จะมีบ้านหลายหลังแต่พื้นที่ก็ห่างกันพอสมควร รั้วสีน้ำตาลที่ใช้เพียงท่อนไม้ขัดไว้ถูกเปิดออก ดอกฟอร์เก็ตมีนอร์ตที่เขาชอบส่งกลิ่นหอมอ่อนมาตามสายลมเย็นๆ ที่พัดผ่านหน้า ด้านหลังของตัวบ้านเป็นหน้าผาไม่สูงมากมีทางเดินเล็กๆ ลงไปที่ลำธาร มีกอไผ่ขึ้นรอบๆ ชาวบ้านชอบมาเก็บหน่อไม้เป็นประจำ
“ขอเก็บหน่อไม้หน่อยเน้อ”
“เอาเลยครับ”
เมื่อเห็นเจ้าของบ้านกลับมา คนด้านล่างสองสามีภรรยาที่มีตะกร้าใบใหญ่สะพายหลังก็ตะโกนบอก แม้ธาม ธีกานต์ จะอนุญาตให้ชาวบ้านเข้ามาเก็บผัก เก็บหน่อไม้ในพื้นที่ของเขาได้ แต่หลายคนก็ยังเกรงใจอยู่ดี
“โทรหาธีทัชหน่อยดีกว่า”
เมื่อนึกถึงเรื่องที่ต้นตาลพูด ไม่ใช่ไม่ไว้ใจแต่ก็เกือบเดือนแล้วที่ธีทัชเงียบหายไป ธาม ธีกานต์รอสายอยู่นานก็ไร้วี่แววว่าจะรับสายจากผู้เป็นน้อง
‘ธีทัช’ คือญาติเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ ในวันที่เขาประสบความสำเร็จกลับไม่มีใครอยู่รอชื่นชมสักคน…แม้แต่อดีตคนรักก็จากไป พ่อกับแม่ของเขาและพ่อกับแม่ของธีทัชเดินทางไปดูพื้นที่สำหรับปลูกไร่ส้มด้วยกันที่จังหวัดเชียงรายและประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตคาที่มีเพียงน้าสาวคนเดียวที่ทันได้ดูใจ แต่ก็มาเสียที่โรงพยาบาลอยู่ดี
‘น้าฝากธีทัชด้วยนะ อึก…ฝากน้องด้วย’
‘ครับน้า ผมจะดูแลธีทัชให้ดี’
มือหนาของเด็กชายวัยสิบเจ็ดปีหันไปลูบศีรษะเล็กของคนเป็นน้อง แต่ถูกสะบัดออก
‘อย่ามายุ่ง…เพราะพ่อกับแม่พี่ พ่อกับแม่ผมเลยต้องตายไปด้วย ฮึก’
เด็กชายวัยเจ็ดขวบกุมมือผู้เป็นแม่ที่สิ้นลมหายใจต่อหน้าต่อตา เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาจากปากผู้เป็นแม่ กลายเป็นภาพติดตาที่ธีทัชไม่เคยลืม
“มันจะโทรมาทำไมวะ”
“คุณทัชรับหน่อยเหอะค่ะ…คุณธามเขามีธุระด่วนหรือเปล่าคะ”
“ไม่ล่ะเว คุณสวยไปทั้งตัวจนผมอดใจไว้ไม่ไหว”
เสียงหัวเราะต่อกระซิกอย่างชอบใจเมื่อหนวดครึ้มๆ บนใบหน้าคมซุกลงมาที่ต้นคอ หญิงสาวที่นั่งอยู่บนตักแทบจะสำลักความสุขเมื่อเขาเชยชมเธอไปทั่วทั้งตัว ชุดเดรสตัวสั้นถูกถลกขึ้นมาไว้เหนือเอวอวดแพนตี้สีสวยตัดกับผิวอ่อนๆ ผู้บริหารหนุ่มเจ้าของไร่หิ้วเธอกลับมาจากงานสัมมนาเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา
“ไม่ล่ะ รีบๆ ทำก่อนที่อรจะกลับมา”
พัทธอร ภรรยาสาวของธีทัชที่เพิ่งแต่งงานกันได้สองปีก็หมดความเร้าใจ จากดาราสาวสุดฮอตกลายเป็นหญิงสาวอวบอ้วนรูปร่างตุ้ยนุ้ยจากการตั้งท้องได้สี่เดือนกว่า ทำอะไรก็เชื่องช้าดูน่าขัดใจไปเสียหมด
“คุณอรกลับมาก็ดีสิคะจะได้เห็นว่าเราแซ่บถึงใจกันแค่ไหน”
“ไม่เอาน่า อ้วนแบบนั้นกว่าจะกลับมาก็อีกครึ่งชั่วโมงได้”
“ทัช…”
พัทธอรที่ได้เห็นภาพสามีเริงรักกับเลขาสาวหน้าห้องทำงาน ตะกร้าใส่ผักที่ซื้อมาก็ร่วงหล่นจากมือในทันที
“ฮึก…”
คนท้องยกมือที่สั่นเทาขึ้นมาปิดปากกลั้นเสียงก่อนที่คนในบ้านจะได้ยิน น้ำตาไหลลงมาเป็นสาย แม้พักหลังๆ ธีทัชจะหมดความสนใจในตัวเธอและแอบไปมีเล็กมีน้อยนอกบ้านบ้างแต่ก็ไม่เคยพากันเข้ามาหยามถึงในบ้านแบบนี้
“ว้าย ตาเถร”
“เงียบๆ ค่ะ เราไปทำกับข้าวกันดีกว่า”
คนเป็นนายหญิงดึงมือสาวใช้ให้เดินออกมาพร้อมกับเก็บผักที่ร่วงหล่นใส่ตะกร้ามาด้วย และอ้อมไปเข้าประตูด้านหลังของบ้านแทน
“คุณอรทนได้ไงคะ เป็นป้า…ป้าไม่ทนนะคะ”
“มันคงเป็นกรรมของอรน่ะค่ะ”
มือสวยๆ ปาดน้ำตาก่อนจะหยิบผักออกมาล้าง…เมนูในวันนี้เป็นต้มจับฉ่าย เหมาะกับผู้ชายที่ต้องใช้ปะปนกับคนอื่น
“ของจับฉ่าย น่ารังเกียจ”
“คุณอรว่าอะไรนะคะ”
“เปล่าค่ะ อรจะทำต้มจับฉ่ายค่ะ”
“มาค่ะป้าช่วย”
“งั้นอรฝากหั่นผักให้หน่อยนะคะ อรขอไปโทรหาแม่สักครู่นะคะ”
“ได้ค่ะ ไปคุยโทรศัพท์ให้สบายใจเถอะนะคะ”
“ถ้าคุณทัชถามหาอร บอกอรเข้าห้องน้ำนะคะ…เอ่อ อรไม่อยากให้เขารู้ว่าอรรู้ ไม่อยากมีปัญหาน่ะค่ะ”
“ค่ะ”
แม่บ้านสาวใหญ่มองคุณผู้หญิงของบ้านเดินออกไปจากในครัว สมัยแต่งงานกันใหม่ๆ แทบจะตัวติดกันตลอดเวลา แต่เพราะความเจ้าชู้มั่วไม่เลือกของคุณผู้ชายหลังๆ ก็ทะเลาะกันแทบทุกวัน แต่คุณผู้หญิงก็ยังทน…คงเพราะยังรัก
“โทรมาทำไมอร”
เสียงในสายดูไม่ยินดีที่เธอโทรมา พัทธอรไม่ได้โทรหาผู้เป็นแม่ แต่เธอเลือกที่จะโทรหาคนรักเก่า
“อรมีเรื่องทุกข์ใจ”
“ขอโทษนะ เราไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมารับฟังอีกแล้ว”
“แค่เพื่อนก็ให้กันไม่ได้เลยเหรอ”
“อย่าทำให้สามีของอรลำบากใจเลยนะ เมื่ออรเลือกเขาแล้ว…เราก็ไม่ควรติดต่อกันอีก”
แล้วสายก็ถูกวางไป พัทธอรที่ดวงตาแดงช้ำก็เริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เธอเลือกคนผิดแต่เมื่อคิดได้ก็หมดโอกาสจะหวนกลับไป ต่อให้เธอไม่ได้ท้องกับธีทัชเขาคนนั้นก็ไม่กลับมาหาเธออยู่ดี
“แม่ขอโทษนะ ลูกควรมีพ่อที่ดีกว่านี้”
มือเรียวเล็กลูบท้องอย่างอาลัยอาวรณ์ในคนรักเก่า ถ้าเป็นเขาคนนั้น…เธอกับลูกก็คงมีแต่ความรัก ความทะนุถนอม เอาใจใส่
“คุณอรค่ะ กับข้าวใกล้เสร็จแล้วนะคะ”
“ค่ะ เดี๋ยวอรตามเข้าไป”
พัทธอรสะบัดศีรษะไล่ความคิดก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องครัว
“ป้าคะ นี่อะไรคะ”
คนท้องมองซุปรังนกที่ตักใส่ถ้วยเล็กๆ สำหรับเตรียมนำเข้าตู้เย็น
“คุณธามโทรมาสั่งให้ป้าทำซุปรังนกให้คุณอรค่ะ…คุณธามบอกว่าหลานจะได้แข็งแรง”
“ธาม…”
คนท้องครางออกมาเบาๆ
“คุณธามน่ารักนะคะ อยู่ตั้งไกลยังนึกเป็นห่วงหลานอีก…หวงมากกว่าคนเป็นพ่อเสียอีก”
“ไม่เอาค่ะ อรไม่อยากให้ป้ามีปัญหาไปด้วย”
พัทธอรมองแม่บ้านสาวใหญ่ที่นำถ้วยซุปรังนกไปแช่เย็นด้วยความอบอุ่นหัวใจ
…ลุงธามเขารักหนูมากๆ นะ…
“ทานเย็นๆ จะได้สดชื่นนะคะ…แล้วคนข้างนอกเอาไงดีคะ”
“อรจัดการเองค่ะ หมดเวลาสำราญสุขกันแล้ว”
เธอให้เวลาสามีชั่วกับหญิงเลวมามากเกินพอแล้ว ต่อไปนี้ถึงเวลาหน้าที่เมียอย่างเธอ
ธาม ธีกานต์เก็บโทรศัพท์ใส่ลงในกระเป๋า และลงมือทำอาหารง่ายๆ อย่างผัดผัก เนื่องจากวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของคนที่นี่ทำให้เขาทานอะไรง่ายตามไปด้วย
“พี่ธาม พี่ธาม”
“ว่ายังไงดอกปีป”
ชายหนุ่มละมือจากดอกบล็อกโคลี่หันไปมองสาวน้อยที่เพิ่งลาจากกันไปเมื่อตอนเย็น
“แม่อุ้ยให้เอาต้มส้มปลามาหื้อ”
ต้มส้ม เป็นอาหารตระกูลเดียวกับต้มยำ ต้มโคล้ง ต่างกันที่ต้มส้มจะใส่กะปิ หอมแดง รากผักชี ส้มมะขามให้ความเปรี้ยว ต่างจากต้มยำที่ให้ความเปรี้ยวจากมะนาวและไม่ใส่กะปิกับรากผักชี
“ฝากขอบคุณแม่อุ้ยคำเกี๋ยงด้วยเน้อ”
“แลกกับพี่ธามสอนดอกปีปร้องเพลงเพราะๆ เหมือนพี่ธามได้ไหม”
เด็กหญิงช่างฉอเลาะกระโดดขึ้นมานั่งหน้าเคาน์เตอร์ครัว มือเล็กเท้าคางมองคนตัวโตตรงหน้าที่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพู
“ได้สิ แต่เรื่องนี้ดอกปีปห้ามบอกใครนะ จุ๊ๆ ไว้”
“ทำไมล่ะ พี่ธามออกจะหล่อ”
“ก็…พี่อยากร้องเพลงให้ดอกปีปฟังคนเดียวไงครับ”
“สัญญาก็ได้ค่ะ เรื่องที่พี่ธามดังมาก ร้องเพลงก็เพราะ เล่นละครก็เก่ง ดอกปีปจะไม่บอกใครค่ะ”
คนตัวเล็กยื่นนิ้วก้อยมาให้เกี่ยวพร้อมเสียงหัวเราะ ถ้าเพื่อนที่โรงเรียนรู้ว่าเธอสนิทกับศิลปินหนุ่ม คนทั้งโรงเรียนจะต้องอิจฉาเป็นแน่…ตามความคิดของเด็ก ซึ่งไม่รู้เลยว่าโลกของการเป็นผู้ใหญ่มันเทาแค่ไหน
-----------------------------------