ตอนที่ 12 ห้องสมุดพันปีกับผู้ช่วยที่อ่านไม่ออก

1820 คำ
ตั้งแต่วันที่ฉันก้าวเท้าเข้าสู่วังน้ำแข็งอีกครั้ง — ชีวิตก็เปลี่ยนไปจาก ‘ผู้ส่งอาหาร’ เป็น ‘ผู้ช่วยส่วนตัวขององค์ชายมังกร’ อย่างเต็มรูปแบบ...โดยที่ฉันไม่รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน และจุดเริ่มต้นของภารกิจใหม่นี้...ก็คือสถานที่ตรงหน้า ห้องสมุดน้ำแข็งโบราณ ประตูบานสูงเบื้องหน้า สูงไม่ต่ำกว่าสิบเมตร พื้นผิวโปร่งแสงสีฟ้าอ่อน คล้ายแผ่นน้ำแข็งชั้นลึกที่สุดในธารน้ำแข็งโบราณ รอบขอบประตูมีเส้นเวทหมุนวน ราวกับลมหิมะที่กำลังเต้นระบำช้า ๆ ไม่มีวันจบ เพียงแค่ยืนใกล้... ฉันก็รู้สึกถึงพลังเวทเก่าแก่บางอย่างไหลซึมเข้ามาในกระดูก ทั้งขลัง ทั้งหนาว และทั้งน่าหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก หลงอวิ๋นยกมือขึ้น ปลายนิ้วของเขาวาดเวทกลางอากาศด้วยท่วงท่าเรียบง่าย แสงเวทสีฟ้าสว่างจาง ๆ ส่องวาบจากปลายนิ้ว แล้วแทรกตัวเข้าสู่เส้นเวทบนประตูอย่างแม่นยำ คลิ๊ก... เสียงเปิดประตูนั้นเย็นเฉียบ ราวกับเสียงน้ำแข็งพันปีร้าวเบา ๆ เมื่อประตูเปิดออก ฉันก็ได้เห็น... โลกอีกใบ ห้องสมุดแห่งนี้ไม่ได้มีแค่ ‘ชั้นหนังสือ’ เรียงบนผนัง แต่มันคือห้องโถงสูงมหาศาลที่ดูไม่มีจุดสิ้นสุด แถวของแท่นหนังสือลอยอยู่กลางอากาศ แต่ละแถวมีเส้นเวทพยุงไว้ให้ค่อย ๆ หมุนวนเบา ๆ เหมือนดาวเคราะห์โคจรรอบดวงจันทร์ แสงเงินสะท้อนจากผลึกน้ำแข็งบนเพดาน กลายเป็นม่านแสงวับวาวราวกับหมู่ดาว ทุกอย่างดูงดงาม ราวกับเดินอยู่ใน ‘จักรวาลแห่งความรู้’ และฉัน...เป็นแค่คนส่งอาหารจากโลกธรรมดา ที่เผลอหลงเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ “โอ๊ย...” ฉันโอดครวญเบา ๆ “ตำราเยอะขนาดนี้...คุณจะให้ฉันเรียงทั้งหมดคนเดียวเหรอคะ?” “เฉพาะส่วนนี้” หลงอวิ๋นตอบเรียบ ๆ ขณะชี้นิ้วไปยังแถวในสุด — ซึ่งแน่นอนว่าแน่นขนัดไปด้วยหนังสือกองพะเนินระเกะระกะ แทบจะเป็นหอคอยพังถล่มอยู่แล้ว “แค่โซนนั้นเอง?” ฉันยิ้มค้างในแบบคนรับรู้ว่าตัวเองโดนหลอกกลางแสงจันทร์ “โอเคค่ะ...แค่จัดหนังสือเองนี่เนอะ จะยากอะไร—” ฉันหยิบหนังสือเล่มแรกขึ้นมา เปิดหน้าแรกอย่างมั่นใจ...แล้วก็ชะงักค้างทันที หน้าหนังสือเต็มไปด้วยตัวอักษรที่ดูเหมือนลายเส้นพริ้วไหว แต่ละตัวเหมือนจะลอยอยู่เล็ก ๆ บนหน้าเนื้อกระดาษ บางตัวมีประกายคล้ายแสงเรืองจันทร์ บางตัวเปลี่ยนรูปร่างตามมุมที่มอง...ภาษานี้ไม่ใช่แค่โบราณ มันคือภาษาที่ไม่ควรมีอยู่ในความเข้าใจของมนุษย์เลยต่างหาก! “…นี่มันตัวอะไรเนี่ย?” ฉันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “ภาษามังกรชั้นสูง” เสียงหลงอวิ๋นดังขึ้นจากด้านหลังอย่างสงบ แต่ฉันสาบานได้ว่า...มุมปากของเขาขยับขึ้นนิด ๆ เหมือนกำลังกลั้นขำ ฉันหันขวับมามองเขาด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม เขายังคงรักษาสีหน้านิ่งสงบได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ดวงตาสีฟ้านั่นมีประกายวิบวับเล็ก ๆ เหมือนเขา...ตั้งใจดูปฏิกิริยาของฉันอยู่ตั้งแต่แรก “อ๋อค่ะ ภาษามังกรชั้นสูง...” ฉันพ่นลมหายใจแรง ๆ “คือปกติฉันแปล แค่ดวงดาวนะคะ ไม่ได้เรียนสาขาอ่านใจมังกรพันปี!” “อืม...” เขาครางรับเบา ๆ น้ำเสียงราวกับกำลังจดบันทึกอะไรบางอย่างไว้ในใจเงียบ ๆ ฉันนั่งลงกะทันหันบนหมอนข้างแท่นหนังสือ ถอดใจในชั่วพริบตา ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาใกล้ เมื่อฉันเงยหน้าขึ้น เขายกมือขึ้นแตะหน้าผากฉันเบา ๆ — สัมผัสเย็นนุ่มคล้ายปลายนิ้วที่จุ่มในหิมะ แต่ไม่ได้หนาว…กลับรู้สึกอบอุ่นแบบประหลาด ราวกับเป็นพลังงานที่ค่อย ๆ ไหลเข้าสู่ภายใน ริมฝีปากของเขาขยับช้า ๆ พึมพำเสียงเวทบางอย่างที่ฉันฟังไม่ออก แสงสีฟ้าอ่อน พริ้วออกจากปลายนิ้ว ไหลซ่านลงมาตามหน้าผาก วูบหนึ่ง — สมองของฉันรู้สึกแปล๊บเบา ๆ เหมือนสัญญาณถูกเชื่อมเข้ากับระบบบางอย่างในโลกที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แล้วทันใดนั้น…ฉันก็เข้าใจตัวอักษรบนหนังสือที่อยู่บนมือทันที มันเหมือนกำลังอ่านภาษาแม่ ราวกับตัวหนังสือกำลังพูดกับฉันเองอย่างนุ่มนวล ฉันตะลึงงัน เงยหน้าขึ้นมองเขาทันที “คุณ…แฮกสมองฉันเหรอคะ?” เขาเลิกคิ้วนิดเดียว แล้วตอบเสียงเรียบเฉยเหมือนเดิม “ข้าช่วยเจ้าต่างหาก” แปลตรง ๆ ได้ว่า: ข้าแอบทำให้เข้าใจง่ายขึ้น เพราะไม่อยากให้ข้าต้องเสียเวลาและปวดหัวเวลาสอนเจ้า ฉันย่นจมูกน้อย ๆ แต่ก็ยอมรับอย่างเสียไม่ได้ว่า…แบบนี้ก็สบายขึ้นเยอะ เมื่อเริ่มอ่านออก ฉันก็วางใจมากขึ้น ลองหยิบหนังสืออีกเล่มมาเปิด แล้วก็ต้องอ้าปากค้างทันที หนังสือเปิดเอง! มันแผ่หน้ากระดาษออกอย่างนุ่มนวล เหมือนสายลมเบา ๆ ที่ปลุกให้มันตื่นจากการหลับไหล ฉันเฝ้ามองอย่างตื่นตะลึง…ก่อนจะหันขวับไปมองหลงอวิ๋นที่ยังยืนสงบอยู่ข้าง ๆ เขายกมือขึ้นอีกครั้ง แค่หมุนปลายนิ้วเบา ๆ อากาศรอบแท่นหนังสือก็สั่นไหว แรงเวทจากเขาปล่อยออกเป็นคลื่นนุ่มนวล ทำให้หนังสือทุกเล่ม… เปิดหน้าตามใจสั่ง ฉันอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบยกมือเลียนแบบทันที หมุน ๆ ... วาด ๆ ... ลาก ๆ แบบที่เขาทำเมื่อครู่เป๊ะ! ... ผลลัพธ์? หนังสือในมือฉันไม่ขยับแม้แต่นิด เงียบ...นิ่ง...เหมือนมันกำลังแอบขำในใจ ฉันโบกมืออีกรอบ — แรงกว่าเดิม! ผลลัพธ์รอบสอง? ปึ่ก! กระดาษดีดกลับมาฟาดหน้าเต็มแรง! “โอ๊ยยยยย!” ฉันร้องลั่น ใบหน้าบูดเบี้ยว ทั้งตกใจ ทั้งเจ็บ ทั้งเสียฟอร์ม กำลังจะบ่นลั่นห้อง... แต่แล้ว... ฉันได้ยินเสียงบางอย่างจากข้างตัว เสียงหัวเราะเบา ๆ …ในลำคอ ฉันหันขวับทันที หลงอวิ๋น — ยังคงยืนสงบ แต่ที่มุมปากของเขา…มีรอยยิ้มที่ เล็กที่สุดในโลก เล็กมาก... แต่ก็ยัง ‘มองเห็นได้’ “…คุณหัวเราะใช่ไหม” “เปล่า” เขาตอบทันที น้ำเสียงเรียบสนิท “…แต่คุณยิ้มอะ!” “ก็…เจ้าทำท่าเหมือนกำลังกวักปลาทะเล” เขาพูดเสียงราบเรียบ เหมือนเพิ่งอธิบายว่าพรมในห้องมีลายหิมะ ฉันนิ่งไปครึ่งวินาที แล้วระเบิดเสียงออกมา “นี่แกล้งขำ หรือแอบน่ารักคะเนี่ย!” เขาไม่ได้ตอบ แต่เพียงเบือนสายตาออกไปทางตำราที่ลอยอยู่กลางอากาศ ทว่าปลายนิ้วกลับขยับน้อย ๆ แล้วหนังสือที่อยู่ในมือฉัน…ก็ค่อย ๆ เปิดออกเองอย่างนุ่มนวล ฉันกะพริบตาปริบ ๆ มองหนังสืออีกที แล้วเหลือบไปมองเขาอีกครั้ง “...คุณช่วยฉันอีกแล้วใช่ไหม” เขายังไม่ตอบ แต่แค่เพียงมุมปากที่ยกขึ้นอีกนิด...ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ในห้องสมุดน้ำแข็งนี้ อบอุ่นขึ้นมากกว่าที่เคยเป็นมา ตั้งแต่ฉันได้รับงานช่วยจัดตำราในห้องสมุดน้ำแข็งโบราณ ชีวิตก็กลายเป็นบทใหม่แบบไม่ทันตั้งตัว ช่วงกลางวันฉันจะนั่งจดข้อความ แปลเวท หรือฟังเสียงหลงอวิ๋นอ่านตำราด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแบบที่ไม่น่าเพลิน…แต่กลับเพลินแปลก ๆ และในวันหนึ่ง... ขณะที่ฉันกำลังจัดตำราโบราณบนแท่นลอยอยู่เงียบ ๆ สายตาก็สะดุดเข้ากับหนังสือปกแข็งเล่มหนึ่งที่ดู...เก่ากว่าทุกเล่ม หน้าปกเป็นหนังแกร่งสลักลายน้ำแข็ง ล้อมด้วยอักษรรูนลับ ฉันเปิดมันอย่างระวัง หน้ากระดาษสีน้ำค้างเผยให้เห็น...ประวัติและรายละเอียดของพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ภายในองพระราชวังจันทราหิมะ! ฉันรีบคว้าสมุดกับดินสอมาจด แล้ววาดแบบร่างขึ้นทันที เส้นสายที่เรียงกันราวเขาวงกต เรียบลึกแต่สง่างาม...สวยจนอดวาดต่อไม่ได้ “หอจันทรา…ห้องโถงเกล็ดน้ำแข็ง…โอ้ นี่คือ ลานสาบานใต้ดาวเหรอ?” แต่พอฉันวาดไปถึง “เขตลับเฉพาะ” มือของฉันก็ชะงักนิดหน่อย — แต่สุดท้ายก็วาดมันลงไป ห้องลับกลางสวนหิมะที่ตกแต่งด้วยพรม กลิ่นไวโอเล็ต และแสงไฟอุ่น… เพราะฉันจำมันได้แม่นยำเกินไป “เจ้าวาดอะไรน่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลัง ฉันเงยหน้าขึ้น หยิบแผ่นกระดาษให้เขาดู “ฉันอ่านเจอในหนังสือเล่มนี้ค่ะ…เลยลองวาดไว้ ดูน่าสนใจดี—” แต่ยังไม่ทันอธิบายจบ ใบหน้าของหลงอวิ๋นที่ปกติสงบเสมอ กลับนิ่งสนิทกว่าเดิม เย็นลง...แต่ไม่ใช่แบบน่ากลัว ...มันเหมือน ‘ตื่นตระหนกแบบเงียบ ๆ’ “ห้องนี้...” เขาชี้ไปยัง ห้องลับกลางสวนหิมะ ที่ฉันวาดไว้ “เจ้ารู้ได้อย่างไร” ฉันกะพริบตาปริบ ๆ “ก็...ในหนังสือตรงนั้นอธิบายไว้แบบนั้นนี่คะ—” เขาไม่พูดอะไรต่อ เพียงเอื้อมมือหยิบหนังสือประวัติศาสตร์เล่มนั้นขึ้น...แล้วปิดมันด้วยเวทอย่างเงียบ ๆ เปลือกหนังบนหน้าปกเปล่งแสงเบา ๆ — ก่อนจะถูกผนึกแน่น “...ไม่ควรวาดมันออกมาง่าย ๆ” เขาเอ่ยเสียงต่ำเบา ไม่ดุ...แต่ชัดเจนว่า “จริงจัง” ฉันเม้มปากนิดหน่อย จะอธิบายอะไรเพิ่มก็ไม่กล้า แต่ก่อนจะได้คิดต่อ... โครก~ เสียงท้องของฉัน...ร้องออกมาอย่างไม่ให้เกียรติสถานการณ์สุด ๆ “...” ฉันกลั้นหายใจ หลงอวิ๋นชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะขมวดคิ้วเบา ๆ ไม่ได้รำคาญ...แค่ดูเหมือนจะ “ประมวลผล” จากนั้นเขาก็เอ่ยอย่างจริงจังเกินจำเป็น “ข้าลืมไป...พวกมนุษย์ต้องการอาหารบ่อยกว่าพวกเรา” “…อย่าเรียกแบบนั้นสิคะ ฉันยังอยู่ตรงนี้นะ” แต่เขาไม่สนใจจะต่อล้อต่อเถียง เขาทำเพียงหมุนตัวแล้วกล่าวเรียบ ๆ “ตามข้ามา” เขาพาฉันเดินลัดเลาะออกจากห้องสมุด ทางเดินผลึกน้ำแข็งใสวาวสะท้อนแสงหิมะกระทบใบหน้าเขาเป็นระยะ เราสองคนเดินผ่านโถงเวท ผ่านหอสูง ผ่านระเบียงใต้แสงจันทร์ จนกระทั่งมาหยุดตรง...ห้องโถงเกล็ดน้ำแข็ง ห้องโถงกว้างขนาดมหาศาล ตกแต่งด้วยแท่นคริสตัลใสราวกับน้ำแข็งบริสุทธิ์ โคมไฟผลึกห้อยระย้าเหนือโต๊ะอาหารยาวเรียบหรู จานอาหารเริ่มปรากฏขึ้นทีละจาน ร้อน อุ่น หอม…เป็นอาหารแบบมนุษย์ครบทุกหมวด ฉันตาโต ก่อนจะหันไปมองเขาอย่างแปลกใจ “…นี่คุณมีระบบอาหารมนุษย์ด้วยเหรอคะ” เขาหันมามองฉัน แล้วยกคิ้วนิดเดียว “ก็...เจ้าต้องกิน” แค่นั้น คำพูดง่าย ๆ ธรรมดา ๆ แต่ในใจฉันกลับเหมือนโดนเวทสะกดให้เต้นผิดจังหวะ …เจ้าต้องกิน …ข้าก็เลยเตรียมให้ 💙✨💙✨💙✨💙✨💙✨
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม