ฉันค่อย ๆ ก้าวเข้าสู่ ห้องโถงเกล็ดน้ำแข็ง —
ห้องโถงพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์มังกร สถานที่ที่ว่ากันว่า...แม้แต่มังกรเฒ่าพันปีก็ต้องสงบนิ่งเมื่อยืนอยู่กลางลาน
แต่วันนี้...
มันไม่ได้ถูกใช้สำหรับประชุม หรือทำพิธีสำคัญใด ๆ ห้องโถงขนาดมหึมาอาบไปด้วยแสงจากโคมเวทบนเพดาน ที่สะท้อนกับผลึกน้ำแข็งบนพื้นจนเกิดประกายแสงระยิบระยับราวกับหมู่ดาว
และตรงกลางห้อง...
โต๊ะเล็ก ๆ เพียงสองที่นั่ง
ถูกจัดไว้อย่างเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความพิถีพิถันทุกจุด โต๊ะหินน้ำแข็งเคลือบเงาใสสะอาด จานแกะสลักลายมังกรหิมะ ข้างจานมีช้อนส้อมสีเงินวางคู่กับผ้าเช็ดปากสีอ่อน
แสงสะท้อนจากเกล็ดน้ำแข็งรอบตัวแต่งแต้มให้บรรยากาศดู...อบอุ่นอย่างประหลาด แม้อยู่กลางอุณหภูมิเยือกแข็ง
ฉันมองภาพนั้นตาค้าง รู้สึกเหมือนกำลังฝัน
“…นี่ สำหรับฉันเหรอคะ?” เสียงฉันเบาเกินจะเรียกว่าถาม
หลงอวิ๋นเดินเข้ามาหยุดอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ แววตาเขานิ่งสงบดังเดิม แต่คำตอบกลับอบอุ่นเกินกว่าที่ฉันคาด
“เจ้าคือมนุษย์”
“อาหารของพวกข้า...ใช้เพื่อสะสมพลังเวท ไม่เหมาะกับเจ้าทั้งร่างกายและวิญญาณ”
“ข้าจึง...จัดอาหารที่เหมาะกับเจ้ามากกว่า”
...
แค่คำว่า “จัดให้” จากปากเขา...
ก็เทียบเท่าคำว่า “ข้าห่วงเจ้า” แล้วสำหรับผู้ชายเย็นชาอย่างเขา
ฉันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งลงช้า ๆ และเริ่มสำรวจสิ่งที่อยู่บนโต๊ะด้วยหัวใจที่ค่อย ๆ อุ่นขึ้นทีละนิด
อาหารในจานดูแปลกตา...แต่น่าทานอย่างไม่น่าเชื่อ
เนื้อกวางหิมะหมักสมุนไพรสีอำพัน
หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เนื้อแน่นแต่นุ่ม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยขึ้นมาจากขอบจาน บนผิวยังมีละอองเกล็ดหิมะบาง ๆ โรยอยู่คล้ายใบมินต์สีขาว
ถัดไปคือ ผลไม้รูปร่างแปลก ๆ สีสดใสราวกับอัญมณี คล้ายองุ่นผสมลูกพลับ ผิวใสฉ่ำคล้ายผลทับทิม แต่รสหวานอมเปรี้ยวสดชื่นยิ่งกว่าที่เคยลิ้มรสจากโลกใด
และตรงกลางโต๊ะ...
ขวดน้ำแก้วใสรูปร่างเรียวสูง
ภายในบรรจุของเหลวใสสีฟ้าอ่อนที่มีละอองวิบวับลอยอยู่เหมือนน้ำแข็งละลายที่ยังจดจำแสงจันทร์คืนก่อนหน้าได้
“นี่...ดื่มได้ใช่ไหมคะ?” ฉันถามพลางชี้ไปที่ขวดใส
หลงอวิ๋นพยักหน้าช้า ๆ
“น้ำผลึกจากภูเขาหิมะพันปี...แช่ไว้ในถ้ำเกล็ดจันทรา ใช้ดื่มในพิธีสำคัญเท่านั้น”
ฉันยกแก้วขึ้น กลิ่นหอมเย็นระลอกแรกแตะปลายจมูก
ฉันจิบเบา ๆ — แล้วตาโตทันที
“อึก...แค่ก ๆ … มัน...เหมือนโซจูเลยค่ะ!”
รสชาติหอม เย็น สะอาด แต่ตามมาด้วยแรงแสบวาบที่แล่นจากลำคอลงมาถึงอก จนฉันรีบวางแก้วลงแทบไม่ทัน
“นี่มันแอลกอฮอล์เวทมนตร์หรือเปล่าคะ!?”
หลงอวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง — สีหน้าเรียบนิ่งเหมือนกำลังเถียงกับฟ้า
“มีพลังเวทอ่อน ๆ ผสานอยู่…แต่ไม่น่าทำให้เจ้ามึนได้หรอก”
“คุณแน่ใจนะคะ…”
ฉันหัวเราะแห้ง ๆ เพราะถ้าดื่มต่อไปอีกนิด ฉันอาจจะกลิ้งออกจากโต๊ะกลางโถงก่อนจบมื้อจริง ๆ
ระหว่างที่ฉันนั่งกินอย่างระมัดระวัง สายตาของหลงอวิ๋นก็ยังคงจดจ่ออยู่ที่ฉันไม่ห่าง ไม่จ้องจนน่าอึดอัด แต่เป็นสายตานิ่ง ๆ ที่พร้อม ‘สังเกตทุกปฏิกิริยา’ เผื่อต้องช่วยฉัน
เงียบ...แต่ไม่ว่างเปล่า
นิ่ง...แต่แฝงความอบอุ่นอย่างน่าประหลาด
ฉันเงยหน้าขึ้น แล้วส่งยิ้มบาง ๆ ให้เขา
“ขอบคุณสำหรับอาหารนะคะ”
“รสชาติอร่อยมากเลยค่ะ ไม่คิดเลยว่าในวังน้ำแข็งจะมีอะไรแบบนี้”
เขาเงียบไปนิดหน่อย เหมือนกำลังครุ่นคิดกับคำว่า “อาหาร” หรือ “อร่อย” ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ ว่า…
“ข้า...ก็ไม่เคยคิดเหมือนกัน” เขานิ่งไปครู่ก่อนจะเอ่ยต่อ
“อาหารพวกนี้เป็นของราชวงศ์มังกรน้ำแข็ง…”
เสียงของเขาเอ่ยเรียบ ๆ ขณะที่สายตายังจับจ้องฉันไม่ละไปไหน
“…แต่ข้าสั่งให้พ่อครัวเวทปรับรสชาติให้เหมาะกับลิ้นมนุษย์”
ฉันชะงักเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะประโยคนั้นแปลกอะไร
แต่เพราะ ‘คนพูด’ มักไม่ใส่ใจเรื่องละเอียดอ่อนพวกนี้เลยต่างหาก
“ผลไม้เมฆสีเงินนั่น…” เขาพยักหน้าไปยังจานผลไม้เรืองแสงจาง ๆ
“มีรสหวานคล้ายน้ำผึ้งผสมกลิ่นดอกไม้ป่า มนุษย์ส่วนใหญ่...จะชื่นชอบมัน”
ฉันเงียบ — แต่หัวใจกลับอุ่นขึ้นอย่างแปลกประหลาด
“ข้าไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารบ่อยเหมือนมนุษย์...”
เขายกมือเรียกแก้วคริสตัลให้ลอยขึ้นมาอย่างนุ่มนวล ปลายนิ้วไม่ได้สัมผัสใด ๆ — แต่ของเหลวสีฟ้าใสภายในขวดก็เทรินลงมาอย่างสง่างาม
“...แต่ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”
ฉันเผลอหยุดหายใจชั่วครู่ คำพูดนั้น ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร
แต่สำหรับเขา — คนที่ไม่เคย ‘อยู่เพื่อใคร’ มาก่อน ประโยคธรรมดาแบบนั้น...คืออะไรที่มากกว่ามาก
เขาเอนตัวเล็กน้อย เสียงผ้าในเสื้อคลุมหิมะสีเงินเสียดสีกันเบา ๆ ดังกรอบแกรบเหมือนเกล็ดน้ำแข็งแตะกัน
มือเรียวยาวของเขาชี้ไปยังจานเนื้อที่ฉันเพิ่งตักเข้าปากเมื่อครู่
“นั่นคือเนื้อกวางเกล็ดเงิน สัตว์ที่อาศัยอยู่ลึกสุดในป่าน้ำแข็งเขาเทียนหลง”
“พวกมันกินดอกไม้น้ำแข็งเป็นอาหาร ทำให้เนื้อมีรสหวานเย็น...และมีพลังปรับสมดุลภายในร่างมนุษย์”
ฉันฟังเงียบ ๆ ขณะเคี้ยวคำต่อไป ความหอมละมุนของเนื้อ...มีกลิ่นดอกไม้จาง ๆ จริงด้วย
เขายังไม่หยุด
“ขนมปังสีฟ้าอ่อนนั่น ทำจากธัญพืชสายฟ้า มนุษย์บางคนอาจพบว่ามันขมเล็กน้อย... แต่จะช่วยเสริมพลังในเส้นชีพจรเวทของเจ้า”
“…คุณถึงขั้นรู้เรื่องชีพจรเวทของฉันเลยเหรอคะ?”
“ข้าต้องรู้” เขาตอบเรียบ ๆ
“เพราะข้ารับเจ้ามาอยู่ในวังของข้า”
ฉันกำลังจะยิ้ม แต่...
...
สายตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย —นิ่งลง เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อยราวกับมีเงาทะมึนบางอย่างแล่นผ่านจิตใจ
เขาหันไปมองที่ประตูโถงอาหาร เสียงลมหิมะนอกหน้าต่างเหมือนจู่ ๆ ก็พัดแรงขึ้น
“พี่ชายข้าจะมาที่นี่ในไม่ช้า”
คำพูดนั้นทำให้ฉันชะงัก หลงอวิ๋นปรายตามองฉัน ริมฝีปากขยับช้า ๆ
“องค์ชายลำดับหนึ่ง”
“รัชทายาทแห่งราชวงศ์เทียนหลง ผู้สืบสายเลือดทองคำมังกรเพลิง...โดยตรง”
ฉันกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะสังเกตเห็น...
เหล่าวิญญาณรับใช้ที่โปร่งแสง
เริ่มทยอยปรากฏตัวตามมุมห้อง พวกเขานิ่ง เงียบ ราวกับเงาที่กำลังรออะไรสักอย่าง สายตาทุกคู่...จับจ้องไปยัง ‘ประตูโถง’ เหมือนรู้ดีว่า “เขา” กำลังใกล้เข้ามา
ทันใดนั้น ฉันก็เผลอหลุดปากออกมา
“มิน่าล่ะ...พวกวิญญาณพวกนั้นถึงได้...สงบนิ่งเหมือนตั้งแถวรอผู้บัญชาการมา พี่ชายของคุณคงยิ่งใหญ่มากสินะคะ”
หลงอวิ๋นเบิกตาเล็กน้อย...และเป็นครั้งที่สองของค่ำคืนนี้ ที่เขา “รู้สึกแปลกใจ”
แต่ครั้งนี้...ความประหลาดใจนั้นไม่ได้อยู่ที่คำพูดของฉัน แต่อยู่ที่ “การที่ฉันมองเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น”
“เอลาเรีย” เขาเอ่ยชื่อฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดู...ซีเรียสกว่าปกติเล็กน้อย
“ต่อหน้าพี่ข้า...ห้ามพูดถึงเรื่องนี้เด็ดขาด”
“หมายถึง...เรื่องวิญญาณ?”
“ใช่” เขาพยักหน้า
“และห้ามจ้องตรง ๆ ห้ามทัก ห้ามแสดงออกว่าเจ้ามองเห็น...ไม่ว่าเจ้าจะเห็นอะไร”
ฉันกลืนน้ำลายดัง อึก
อยู่ดี ๆ ก็เหมือนเข้าใกล้เขตต้องห้ามของราชวงศ์โดยไม่รู้ตัว
“โอเคค่ะ ไม่พูด ไม่มอง ไม่เผลอหัวเราะใส่แน่นอน”
“ดีแล้ว”
เสียงของเขาเบาลงเหมือนลมหิมะพัดผ่าน
แต่ดวงตาสีฟ้าของเขายังไม่ละไปจากใบหน้าฉัน เหมือนเขายังพยายามหาคำตอบว่า...ฉัน คือใครกันแน่
“ข้าต้องเตือนเจ้า…เขาไม่เหมือนข้า”
“หลงเทียนเจิน...ไม่เห็นด้วยกับการที่ข้ารับเจ้ามาอยู่ที่นี่ แม้เจ้าจะมีพลังพิเศษ แต่เขายังไม่ไว้ใจมนุษย์”
...
บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันที
แสงจากเพดานเวทที่เคยอบอุ่น ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเฉดสีฟ้าเข้มลงเรื่อย ๆ ราวกับท้องฟ้าแห่งฤดูหนาวใกล้ล่มสลาย ฉันได้ยินเสียงเบา ๆ คล้ายเสียงลมหายใจแผ่ว —
ทันใดนั้น กลิ่นหอมเย็นจากตัวหลงอวิ๋นรุนแรงขึ้น ราวกับอุณหภูมิในร่างกายของเขากำลังสะท้อนความรู้สึกที่เขาไม่พูดออกมา
เขาขยับเข้ามาใกล้โต๊ะอีกนิด เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังบนพื้นผลึกน้ำแข็ง —แล้วเขาหยุดอยู่ตรงข้างฉัน เสียงของเขา...ดังขึ้นเบา ๆ ข้างหูราบเรียบ แต่หนักแน่นราวกับสัญญา
“แต่ข้า...ต้องการให้เจ้าอยู่ที่นี่”
...
ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา แววตาของหลงอวิ๋นไม่ได้นิ่งอย่างเดิมอีกต่อไป มันคือแววตาของคนที่ ‘เลือกแล้ว’ ว่าจะปกป้องบางสิ่ง...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
แม้แต่จาก...พี่ชายของตัวเอง