แสงแดดยามสายสาดส่องผ่านหน้าต่างไม้แกะสลักของตำหนักหย่งชิง สะท้อนเงาจาง ๆ บนพื้นไม้ขัดเงา เซี่ยเหยียนอวี่ยืนอยู่ในห้องพัก มือบางถือม้วนกระดาษบันทึกข้อมูลขุนนางในวัง ดวงหน้านิ่งงันราวหยกแกะสลัก ดวงตาคู่คมเฉียบคล้ายจ้องมองกระดานหมากอันซับซ้อนที่ไม่มีผู้ใดอ่านได้ทะลุ
เขารู้ดีว่าตอนนี้ฉินลี่หรงกำลังวางแผนใหม่ ความพ่ายแพ้ก่อนหน้าคงทำให้ชายผู้นั้นระวังยิ่งกว่าเดิม และในเกมที่ทุกสิ่งคือกับดัก เขาเองก็ต้องมีพันธมิตรที่มองเห็นได้เพียงแค่ในความมืดเช่นกัน
“ท่านหมอไป๋เหวินเจี๋ยขอพบเจ้าค่ะ” เสียงของเสี่ยวหลานดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มสุภาพ
เหยียนอวี่พยักหน้า “เชิญเขาเข้ามา” เสียงเรียบสงบแต่เปี่ยมความมั่นใจ
ไม่นาน ไป๋เหวินเจี๋ยก้าวเข้าสู่ห้องในชุดเทาอ่อน ผมมัดเรียบร้อยด้วยริบบิ้นดำ แววตาลุ่มลึกของเขาสบตาเหยียนอวี่เพียงครู่เดียวก็เหมือนอ่านทะลุความคิดบางอย่าง
“นายน้อยเซี่ย ข้ามารบกวนหรือไม่?”
“มิได้เลย ข้ากำลังรอท่าน” เหยียนอวี่เชิญเขานั่งด้วยท่าทีสง่างาม “ข้าต้องการคำแนะนำ... และบางอย่างที่ลึกล้ำกว่านั้น”
ไป๋เหวินเจี๋ยหัวเราะเบา ๆ “ท่านก็ช่างเลือกเวลา... ข้าเองก็เริ่มสงสัยว่าท่านมิใช่ขุนนางธรรมดา แต่มีบางอย่างที่พิเศษ”
“ข้าเป็นเพียงบุรุษหนุ่มธรรมดาเท่านั้น”
“เป็นเช่นนั้น” หมอหลวงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “ท่านเอ่ยว่ามีเรื่องอยากขอคำแนะนำจากข้า คือสิ่งใดหรือ”
เหยียนอวี่สบตาเขาตรง ๆ “ในวังหลวง ความเงียบเป็นแค่เกราะป้องกัน แต่ข้าต้องการอาวุธไว้ใช้สู้กลับ” เขาหยุดหายใจชั่วครู่ “และข้าต้องการยารักษา หากศัตรูเลือกใช้พิษเป็นอาวุธลอบทำร้ายข้า”
หมอหนุ่มนิ่งไป ก่อนเอ่ยช้า ๆ “ข้าจะช่วยท่าน แต่เรื่องนี้ต้องเป็นความลับระหว่างเรา”
“ข้าสัญญา” เหยียนอวี่ตอบโดยไม่ลังเล
ช่วงบ่าย ทั้งสองย้ายไปยังห้องเก็บยาชั่วคราวในตำหนัก โต๊ะไม้เรียงรายด้วยขวดยา สมุนไพร ผงแห้ง และรากไม้ กลิ่นสมุนไพรลอยคลุ้งไปทั่ว
“นี่คือผงรากเงี่ยงหงส์” ไป๋เหวินเจี๋ยกล่าว “ใช้น้อย ช่วยบรรเทา ใช้มาก คร่าชีวิต” เขาเทผงลงในน้ำชา ก่อนจะหยดน้ำส้มสายชูลงไปอีกเล็กน้อย ฟองอากาศจาง ๆ ผุดขึ้นทันที
“จำกลิ่น รส และสีให้ดี” เขากล่าว
เหยียนอวี่พยักหน้า “ข้าจะไม่พลาด”
อีกฟากหนึ่งของวังหลวง ฉินลี่หรงนั่งสงบในสวน มือคลึงเครื่องรางหยก ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแผ่วเย็น จางหลานเข้ามารายงาน
“ท่านฉิน วันนี้นายน้อยเซี่ยเข้าพบหมอไป๋เหวินเจี๋ย... ทั้งวัน”
ฉินลี่หรงนิ่งงันครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวช้า ๆ “เขาเริ่มรวบรวมพันธมิตรแล้ว... น่าสนใจดี” เขาหันไป “จับตาดูทั้งสองคนนั้นไว้ให้ดี”
ค่ำคืนนั้น เหยียนอวี่ยืนที่ระเบียง มองดวงจันทร์เหนือสวนหลวง บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงลมพัดผ่านอย่างแผ่วเบาก่อนจะพึมพำกับตัวเองอย่างแน่วแน่
“ข้ากำลังรวบรวมอาวุธของข้า... เจ้ายังไม่มีทางรู้หรอก ฉินลี่หรง แต่เจ้าจะได้รู้... ในไม่ช้า”