หกปีต่อมา...
“หมอเฌอคะ...แย่แล้วค่ะ...หมอเฟิร์นให้มาเชิญหมอเฌอไปที่ห้องผ่าตัดด่วนค่ะ คนไข้อาการวิกฤติไม่สามารถคลอดเองค่ะ”
“อืม...ห้องไหนคะ”
เฌอรีน หรือหมอเฌอสูตินรีแพทย์ (Gynecologist) ในวัย 24 ปีรีบร้อนก้าวตามพยาบาลสาวออกไปทันที เธอพึ่งจะได้นั่งพักเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน แต่เหตุการณ์ข้างหน้าสำคัญกว่ามื้อเที่ยงของเธอนัก
“ห้องผ่าตัด 11 ค่ะ”
“เป็นไงบ้างเฟิร์น”
เฌอรีนเดินเข้าไปและทักเพื่อนสาวที่กำลังสาละวนอยู่กับคนไข้อย่างตั้งใจ
“คนไข้มีโรคมีประจำตัว โรคหัวใจน่ะ ไม่มีประวัติการรักษาจากที่นี่พึ่งถูกส่งตัวมา ช่วยหน่อยตอนนี้ต้องผ่าคลอดด่วน! อาจารย์หมอไม่อยู่ด้วย กำลังให้พยาบาลไปตาม แต่เรารอไม่ได้แล้ว”
ปวีณ์พร หรือหมอเฟิร์นสูตินรีแพทย์คู่หูเฌอรีนเอ่ยด้วยความกังวล
“มา...เฌอช่วย”
เฌอรีนเดินเข้าไปจับมือคนไข้ที่ตอนนี้พอมีสติอยู่บ้าง แก้มทั้งสองข้างของเธอมีร่องรอยคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนไปหมด เฌอรีนบีบมือหญิงสาวเบาๆ
“ไม่ต้องกลัวนะคะ คุณแม่และเจ้าตัวน้อยจะปลอดภัยนะคะ”
“ขะ-ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
หญิงสาวยิ้มออกมาด้วยความปลื้มปิติยินดี มองใบหน้าของแพทย์หญิงอันงดงามทั้งสองคนไว้
“ได้เวลาแล้วนะเฌอ”
ปวีณ์พรหันมาคุยกับเพื่อน ตอนนี้สภาพของเธอค่อนข้างกังวลเป็นอย่างมาก เพราะอาการของคนไข้น่าเป็นห่วง
“อืม...มาพร้อม!”
เวลาผ่านไปราวสามชั่วโมง...
“คงเหนื่อยกันมากเลยนะคะ ไม่ได้พักกันเลย นี่คะน้ำส้มคั้นเย็นๆ ค่ะพี่เอามาให้”
ชนิศาพยาบาลสาววัย 40 ปียื่นแก้วน้ำส้มให้หมอสาวทั้งสองดื่มเพื่อเป็นกำลังใจ
“ขอบคุณค่ะพี่นิศา”
“อืม...ขอบคุณนะคะ”
“หมอเฌอกับหมอเฟิร์นเก่งมากๆ เลยนะคะ สามีของคนไข้ฝากขอบคุณด้วยนะคะ ร้องไห้ใหญ่เลยค่ะตอนที่พี่ออกไปแจ้งว่าภรรยาและลูกเขาปลอดภัยน่ะค่ะ”
ชนิศามองหญิงสาวสองคนด้วยความชื่นชม ถึงแม้ว่าเธอทั้งสองจะพึ่งเป็นหมอจบใหม่ ทำงานเป็นแบบจ๊อบไม่ได้ประจำ อยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงปี แต่ทั้งสองมีความเก่งและขยันเป็นอย่างมากตั้งใจทำงานโดยไม่สนใจสิ่งใด แม้กระทั่งข้าวกลางวันที่กำลังจ่อเข้าปาก เธอก็ทิ้งมาทันทีโดยไม่ลังเล
“ค่ะพี่นิศา ฝากบอกเขาด้วยค่ะว่าไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วค่ะ”
ปวีณ์พรหันมาสบตาเพื่อนสาวคู่ใจ เธอกับเฌอรีนผ่านทุกอย่างมาด้วยความยากลำบาก จนมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายปวีร์พรกับเฌอรีนตั้งปณิธานไว้แล้วว่าเธอจะทำงานที่เธอรักอย่างเต็มที่ และเต็มความสามารถ
“เฟิร์นเดี๋ยวหลังเลิกงานแวะไปบ้านเฌอไหม พอดีเฌอมีเรื่องปรึกษาน่ะ”
เฌอรีนมองเพื่อนสาวด้วยความรู้สึกบางอย่าง ตลอดหกปีที่ผ่านมา ปวีณ์พรอยู่เคียงข้างเฌอรีนมาตลอด ผลัดกันช่วยผลัดกับปลอบ เธอทั้งสองมีอุปสรรคมากมายเหลือเกิน ความทรงจำของเฌอรีนที่ยังจดจำไม่มีวันลืม ‘เธอขายตัวเพื่อแลกกับความสำเร็จในวันนี้’ ช่างน่าอดสูเสียจริงที่ไม่ว่าเธอจะพยายามลืมมันไปเท่าไหร่ แต่เหมือนกับว่าความทรงจำนั้นถูกฝังไว้ในหัวของเธอตลอดกาล...
“อืม...ได้สิวันนี้เฟิร์นว่าจะนอนที่บ้านเฌอแหละ เฟิร์นโทรบอกพ่อก่อนนะ”
“ดีเลยเราจะได้ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวขากลับเฌอจะแวะซื้อของให้นายฌอนก่อนนะ เฟิร์นจะไปด้วยกันไหม”
“ไปสิ...นายฌอนจะซื้ออะไรล่ะ”
“รองเท้าเตะฟุตบอลน่ะสิ...ฌอนมีอยู่เรื่องเดียวแหละรองเท้า นักกีฬาแต่ละคู่ราคาแสนแพงเลยนะ เฌอว่าจะให้ฌอนเลิกเป็นนักกีฬาแล้ว ตอนนี้ผลการเรียนตก”
เฌอรีนเอ่ยถึงน้องชายวัย 18 ปีของเธอที่ตอนนี้เรียนอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่หนึ่ง ความฝันของน้องชายเธอคือเป็นนักบิน แต่ทว่ากลับสนใจฟุตบอลไปพร้อมกับการเรียนที่แสนจะหนักหนา
“ทำไมล่ะเฌอ...ฌอนเป็นนักฟุตบอลมหาวิทยาลัยด้วยนะ เสียดายออก ไม่แน่ฌอนอาจจะเป็นนักฟุตบอลทีมชาติก็ได้นะ”
“เฌออยากให้ฌอนเลือกเอาสักอย่างหนึ่ง ทำทั้งสองทางแบบนี้อาจจะไม่รอดเลยนะ เรียนก็หนักไหนจะต้องมาเตะฟุตบอลอีก เฌอว่าจะคุยกับน้องอยู่เหมือนกัน”
“อืม...มันก็จริงนะการเป็นนักฟุตบอลมันก็มีค่าใช้จ่ายเหมือนกันนะ อย่างเช่นรองเท้าราคาหลายพันเลย ดีนะน้องเฟิร์นเป็นผู้หญิง แต่นางก็มัวคร่ำหวอดอยู่แต่กับวงการซีรี่ย์เกาหลีแหละ จะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ นางอยากเป็นหมอความงาม แต่ไม่รู้จะรอดมั้ย เฟิร์นก็กังวลเหมือนกัน”
“อืม...ให้เวลาเฟญ่าหน่อยสิเฟิร์น นางก็พึ่งปีหนึ่งนะ อย่าเคี่ยวมากเลยปล่อยๆ ไปบ้าง”
“ก็คงจะต้องคอยเตือนบ้างแหละ ตอนนี้พ่อของเฟิร์นก็ไม่ค่อยสบายทำงานก็ลำบากแล้ว เฟิร์นอยากส่งน้องเรียนเอง แต่ตัวเอง ก็ยังเรียนเฉพาะทางอีก ดีนะที่โรงพยาบาลนี้ให้ค่าตอบแทนเยอะหน่อย ไม่งั้นคงไม่พอช่วยพ่อใช้หนี้แน่ๆ เลย”
เฌอรีนและปวีณ์พรรับจ๊อบทำงานชั่วคราวกับโรงพยาบาลนฤวัตปกรณ์เกือบปีแล้ว เธอทั้งสองไม่ได้เป็นหมอประจำเนื่องจากเธอยังพึ่งจบใหม่และยังต้องเรียนต่อเฉพาะทางอีกสองปี สองสาวเข้ามาทำงานโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ก็พยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด เมื่อเธอเรียนจบทั้งเฌอรีนและปวีณ์พรมีเป้าหมายคือร่วมกันเปิดคลีนิคเพื่อหารายได้ให้มากขึ้น
....................
ณ เพนท์เฮ้าส์สุดหรูใจกลางเมืองกรุง...
“เอาไว้วันพรุ่งนี้ละกัน วันนี้พี่เหนื่อยอยากพักผ่อนสักหน่อยเข้าเวรมาหลายวัน”
เสียงทุ้มของชายหนุ่มที่เอ่ยออกไปมีร่องรอยสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ เมื่อปลายสายเริ่มจะงอแงไม่สนใจสิ่งใด
“พรุ่งนี้จริงๆ นะคะพี่ธีร์ อย่าหลอกริต้านะคะ คุณพ่อก็ถามริต้าทุกวันค่ะ ว่าเมื่อไหร่พี่ธีร์จะแวะมาที่บ้านบ้าง ตั้งแต่วันหมั้นเสร็จพี่ธีร์ก็ไม่เคยมาให้ท่านเห็นเลยค่ะ ริต้าไม่รู้จะตอบคุณพ่อยังไงแล้วค่ะ”
เสียงใสๆ ของปลายสายตอบด้วยความรู้สึกพรั่งพรูออกมาไม่หยุด ปรินทร์คู่หมั้นของเธอที่หมั้นหมายได้เกือบสี่เดือนแล้ว ไม่มีทีท่าว่าเขาจะเป็นเหมือนกับคู่หมั่นคู่อื่นทั่วไป ‘หรือที่พวกคนเหล่านั้นลือกันจะเป็นความจริง หมอธีร์เป็นเกย์’ คำพูดเหล่านี้มันผ่านเข้าหูเธอมาตลอดมันอาจจะมีเค้าของความจริงก็เป็นได้ ตั้งแต่ชญาภาคบกับปรินทร์มาสี่ปีกว่าแล้ว ชายหนุ่มไม่เคยแตะต้องเธอถึงขั้นเกินเลย มีเพียงจูบและกอดเท่านั้นที่เขาก็ทำมันเพียงครั้งเดียวเช่นกัน
“ครับ พี่ให้สัญญา”
ปรินทร์ให้คำมั่นกับคู่หมั้นสาวเพราะตัดความรำคาญไป ชีวิตรักของปรินทร์ก็ไม่ได้มีความสุขอย่างที่คนอื่นคิด มันติดขัดไปหมด ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์บ้าๆ ของเขาที่ทำเมื่อหกปีที่แล้ว มันคงไม่เป็นแบบนี้ สิ่งเหล่านั้นมันตามทำลายหลอกหลอนตัวเขาจนถึงปัจจุบัน
“ขอบคุณค่ะพี่ธีร์ พรุ่งนี้เจอกันนะคะ รักนะคะดาร์ลิ้ง”
“ครับ” ปรินทร์กดตัดเสียงของปลายสาย พร้อมกับหันมองเพื่อนทั้งสองที่นั่งฟังอยู่ไม่ห่าง
“ไงล่ะธีร์น้องริต้าโทรมาชวนนายไปบ้านอีกละสิ”
ธราธิปพูดพลางยกแก้วขึ้นดื่มมองเพื่อนชายอย่างรู้ใจ
“ถ้านายไม่โอเค นายก็บอกเธอไปตรงๆ ฉันว่าจะเหมาะกว่านะธีร์ ตอนนี้ฉันคิดว่านายจะอาการแย่ขึ้นทุกวันนะ”
ภวิศเอ่ยขึ้น พิจารณาเพื่อนของตัวเองที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“ฉันลองมาทุกอย่างแล้ว พวกนายก็น่าจะรู้”
ใช่! ปรินทร์ลองมาทุกรูปแบบ ทั้งกับคู่หมั้นของตัวเอง และกับสาวที่ธราธิปหามาแต่มันก็ไม่เป็นผล เขากลับไม่มีความรู้สึก และที่สำคัญมันไปต่อไม่ได้เลย ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่นับวันกลับทวีความรุนแรงขึ้น ‘เพราะเธอ! แม่เด็กน้อย’
“เธอชื่ออะไรนะธีร์ สาวคนแรกของนายฉันจำไม่ได้แล้ว”
“เฌอรีน เธอชื่อเฌอรีน”
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำเจือความเจ็บปวดที่เผลอแสดงออกมา เมื่อเรียกชื่อของผู้หญิงคนนี้ เธออยู่ในความทรงจำของเขาทั้งหลับฝันและตื่นนอน ความโหดร้ายทุกอย่างเข้าครอบงำเขาจนเขาเองต้องหาทางออกโดยการคบผู้หญิงหลายสิบคน แต่ทว่าเธอคนนี้จะแทรกเข้ามาในความรู้สึกของเขาทุกครั้ง จนทำให้เขาจมปลักกับสิ่งนี้มานานนับหกปี
“เฌอรีน...ฉันไปถามตัวแทนที่จัดหาให้หลังจากวันนั้นแล้ว ทางเขาไม่ได้จัดเก็บชื่อหรือข้อมูลของเธอไว้เลย เขาบอกแต่ว่าเด็กคนนั้นต้องการใช้เงิน อยากทำงานแค่ครั้งเดียว”
ธราธิปพยายามตามหาเด็กสาวคนนั้นหลังจากที่เกิดเหตุการณ์วันนั้นเพียงวันเดียว เขาเองก็อดสงสารเพื่อนไม่ได้ ปรินทร์มีอาการค่อนข้างหนักมาก ไม่ว่าเขาจะหาสาวสวยคนไหนมา ปรินทร์ก็ไม่สามารถมีอะไรกับพวกเธอได้เลย
“ธีร์...นายไปหาหมอปรึกษาเรื่องนี้ดีกว่าไหม ฉันว่าอาการนายไม่ปกติแล้ว นายเป็นหมอ สุขภาพจิตนายก็สำคัญนะ”
ภวิศพยายามพูดและหาคำปลอบใจให้กับเพื่อน เขาและธราธิปรู้ปัญหาของเพื่อนตัวเองมาตลอด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตามหาเธอคนนั้นได้จากที่ไหนเลย
“จริงอย่างที่วายุมันบอกนะธีร์ นายเป็นหมอนายต้องรู้ตัวเองและประเมินตัวเองได้ ฉันว่าเวลาหกปีนี่มันนานมากเลยนะ ไม่แน่ผู้หญิงคนนั้นอาจจะมีลูกมีสามีแล้วก็ได้ ถ้าวันหนึ่งนายเจอเธอและรู้ว่าเธอไม่ได้เป็นอย่างที่นายหวัง นายจะทำยังไงวะธีร์”
“ฉันเข้าใจทุกอย่างที่พวกนายพูด แต่ไอ่ความรู้สึกบ้าๆ ของฉันนี่สิมันไม่ยอมเชื่อฟังฉัน นายจะให้ฉันทำยังไง ฉันลองกับนายก็เคยมาแล้วนะวายุ นายก็เห็นแล้วว่าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย และนายเองก็ประเมินฉันได้นี่วายุ นายคิดดูสิ”
ปรินทร์หันมาทางเพื่อนหนุ่มอ้อนแอ้นของเขา วายุเป็นเกย์ที่ชายรักชาย แต่ปรินทร์ไม่ใช่แบบวายุเขาชอบผู้หญิง ไม่ว่าเขาจะตามหาเธอคนนั้นที่ไหน เขาก็หาเธอไม่เจอ เธอไปอยู่ที่ไหนกัน อีกทั้ง รูปถ่ายเขาก็ไม่มี มีเพียงภาพในความทรงจำที่จำติดตาเขามาตลอด มันเป็นภาพที่ชัดเจนเขาร่วมรักกับเธอ ทุกฉากทุกตอนเขาจำได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่เขาก็จำมันได้เสมอ...
“ก็แล้วถ้านายเจอเธอตอนนี้ นายจะจำเธอได้ไหมวะธีร์”
ธราธิปอดถามเพื่อนออกไปไม่ได้ ถ้าเป็นเขาเองคงจำไม่ได้หรอก เพราะผู้หญิงแต่ละคนเดี๋ยวนี้ทำศัลยกรรมจนหน้าจะเป็นทรงเดียวกันหมด
“จำได้”ปรินทร์มั่นใจทั้งน้ำเสียงของเธอ รอยยิ้ม ริมฝีปาก และรสสัมผัสมันยังตราตรึงอยู่ในใจเขาตลอดเวลา
“นายเป็นเอามากนะธีร์ ยัยริต้านายไม่ลองบ้างเหรอ เผื่อหล่อนจะคล้ายกับคนนั้น”
“ฉันลองแล้ววายุ...ฉันทำไม่ได้พอฉันจูบเธอ หน้าของเด็กคนนั้นก็ลอยมา ไม่ว่าฉันจะทำอะไรเด็กคนนั้นก็ตามฉันไปตลอด ฉันฝันถึงเธอตลอดเวลา จนบางเวลาทำให้ฉันเครียดมาก”
“เรื่องนี้นอกจากฉันสองคนแล้ว พี่ชายนายรู้หรือเปล่าธีร์”
“พี่ธารณ์ไม่รู้หรอกฉันไม่ได้เล่าให้ฟัง อายุฉันตั้ง 32 แล้วนะฉันจะไปเล่าเรื่องบ้าๆ แบบนั้นให้พี่ฉันฟังได้ยังไง มีแค่นายสองคนเท่านั้นที่รู้”
“อืม...เอางี้ฉันว่านายไปให้หมอบอลตรวจประเมินนายก่อนเบื้องต้น ว่านายเป็นอะไรกันแน่เขาอาจจะมีวิธีก็ได้นะ ไหนๆ วิธีของพวกเรามันก็ไม่ได้ผลกับนายแล้ว ฉันว่ามีทางเดียว อย่าปล่อยไว้เลย เชื่อฉันเถอะธีร์”
“อืม...ฉันจะลองดู ขอบใจพวกนายสองคนมาก ที่พยายามหาวิธีรักษาฉัน”
“คำว่ารักษา นี่ตกลงนายเป็นคนไข้แล้วสิ ฉันว่ามันดูแรงไปไหม นายแค่มีความทรงจำที่แสนหวานในการเปิดซิงครั้งแรกกับเด็กสาววัยกระเตาะ นายเลยประทับใจและจำจนถึงทุกวันนี้มากกว่านะ”
ธราธิปสรุปอย่างมีเหตุและผล
“แล้วทำไมนายไม่เป็นมั่งวะมังกร นายฟันสาววัยกระเตาะเป็นร้อย นายก็ปกติเสมอต้นเสมอปลาย ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนเลย”
ภวิศถามด้วยความสงสัยปนความเหน็บแหนม
“นายจะว่าฉันตรงๆ ก็ว่ามาเถอะวายุไม่ต้องอ้อม”
“แหม...ขนาดฉันอ้อมนายยังรู้เลย”
“แต่ฉันว่าพวกนายไม่เคยเปลี่ยนเหมือนกันนะ ทะเลาะกันยังไง ก็ยังคงทะเลาะกันอยู่แบบนั้น ฉันเอือมกับพวกนายจริงๆ”
“ก็มังกรสิ นายเห็นมั้ยธีร์มันชอบแขวะฉันตลอด มันเป็นผู้ชายแบบนี้แหละ สาวๆ ถึงไม่อยู่กับมันสักคน”
“ฉันมันพวกมีเป้าหมายแน่วแน่ ชอบแบบไหนก็มั่นคงต่อสิ่งนั้นโว้ย ชอบซื้อกิน...ก็ยังคงซื้อกินตลอดไม่เคยเปลี่ยน”
“ก็เพราะซื้อกินของนายแหละ เลยพาธีร์มันไปเปิดประสบการณ์กับสาวไม่มีวันลืมแบบนี้”
“อันนี้นายไม่ได้ว่าฉันใช่มั้ยวายุ”
“ว่านายนั่นแหละ เพราะนายที่ทำให้ธีร์มันเป็นแบบนี้”
“นายจะมาโทษฉันได้ยังไง %#@!&%*”
“ฉันปวดหัว...พวกนายจะทะเลาะกันไปถึงไหน เมื่อไหร่จะพูดกันดีๆ บ้าง”
ปรินทร์มองเพื่อนทั้งสอง พร้อมกับส่ายหัวไปมา เพื่อนทั้งสองทะเลาะกันทุกครั้ง แต่ทว่าลึกๆ ทั้งสองก็รักและห่วงกันฉันท์เพื่อนไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเช่นเดิม...
....................