ตอนที่ 6 ความบังเอิญ

3021 คำ
ณ ห้องตรวจศัลยแพทย์หัวใจ (Cardiac Surgeon) “เฌอว่ามันจะดีเหรอเฟิร์น ที่เราจะมาคุยแบบนี้” เฌอรีนหันมองเพื่อนสาวอย่างไม่มั่นใจ “ดีสิเขาว่าหมอธารณ์ใจดีนะ เราไปขอคำปรึกษาให้น้านิได้นะเฌอ ไม่งั้นน้านิก็จะเป็นแบบนี้ไม่หายขาดซะที รักษาโรงพยาบาล ของรัฐมาหลายรอบแล้ว อาการก็หายไปพักหนึ่ง และก็กลับมาอีก เชื่อเฟิร์นเถอะเราแค่มาขอคำปรึกษาเพื่อหาลู่ทางเฉยๆ นะแต่จะพาน้านิมารักษาที่นี่ก็ต้องวางแผนอีกที เพราะค่ารักษาแพงหูฉี่เลยทีเดียว” “อืม...เฌอรู้ว่าโรงพยาบาลเอกชนอย่างต่ำก็เป็นล้านที่จะรักษาม๊าให้หายได้” เฌอรีนกลุ้มใจไม่หายเลย เมื่อวานเรื่องที่เธอจะปรึกษากับปวีณ์พรก็คือเรื่องนี้เรื่องพาแม่ของเธอมารักษา “เอาเถอะเรารีบเข้าไป...หมอธารณ์คงหมดคิวตรวจแล้ว เดี๋ยวเฟิร์นเข้าไปด้วยนะไม่ต้องกังวล” “ไปสิ...พี่พยาบาลที่นัดไว้เรียกเราแล้ว” เฌอรีนรีบเดินเข้าไปรอหน้าห้องตรวจพร้อมกับเพื่อนสาว “หมอธารณ์คะเคสพิเศษค่ะ หมอเฌอกับหมอเฟิร์นขอเวลาหมอยี่สิบนาทีค่ะ ไม่ทราบว่าหมอสะดวกไหมคะ” พยาบาลหน้าห้องเอ่ยถามบุคคลที่อยู่ในห้อง “ครับ...ให้เธอเข้ามา” แกร๊ก! เสียงประตูถูกเปิดโดยพยาบาลสาว “เชิญค่ะ” “ขอบคุณค่ะ” ทั้งสองสาวเอ่ยขอบคุณพร้อมกัน “สวัสดีค่ะ...หมอปารเมศ” เฌอรีนเอ่ยทักทายยกมือไหว้ชายหนุ่มที่กำลังก้มเขียนเอกสารอยู่ โดยที่เขาไม่ยอมเงยหน้ามองเฌอรีนและปวีณ์พรเลยสักนิด ทั้งสองมองหน้ากันโดยอัตโนมัติ ใจเริ่มเสียเมื่อมีความรู้สึกบางอย่างแทรกขึ้นมา ‘มันจะเป็นการรบกวนเขาไหม’ “ว่าไงครับ...มีเรื่องอะไร” หมอปารเมศหรือหมอธารณ์ก็ยังคงก้มหน้าก้มตากับการจดเอกสารโดยไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า “ถ้าหมอไม่สะดวก ไว้วันหลังพวกเรามาใหม่ก็ได้ค่ะ” ปวีณ์พรเอ่ยแทรกขึ้นอย่างอดไม่ได้ ‘คนอะไร! จะเงยหน้ามาพูดหน่อยก็ไม่ได้’ “หือ...” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นทันที แต่แล้วภาพตรงหน้าปารเมศก็ทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะ “เอ่อ ดิฉันหมายถึงว่าถ้าคุณหมอไม่สะดวกไว้วันหลังก็ได้ค่ะ...พอดีเรื่องที่ดิฉันสองคนมานี้เป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ” ปวีณ์พรตอบออกไปด้วยความตกตะลึงเหมือนกัน ภาพที่ปรากฎตรงหน้ามันทำให้เธอไม่คาดคิดเช่นกัน ‘ยังมีหมอหนุ่มหล่อหลงเหลืออยู่ในนี้อยู่อีกเหรอ’ “อ่อ ครับผมต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมรีบเขียนรายงานของคนไข้เมื่อกี้ให้เสร็จนะครับ ผมกลัวตัวเองจะลืมน่ะครับ ต้องขอโทษคุณทั้งสองด้วยครับ” ปารเมศมองดวงตากลมโตสองคู่ที่จ้องมองมาที่เขาเช่นกัน “เหรอคะ...เอ่อต้องขอโทษด้วยนะคะ” เฌอรีนรีบเอ่ยคำขอโทษแทนเพื่อนสาว แววตาและน้ำเสียงของเธอดูตื่นเต้นมาก เธอกลัวว่าเขาอาจจะไม่พอใจ “ไม่เป็นไรครับ...เอาล่ะไหนมีเรื่องอะไรครับ ผมเขียนเสร็จแล้ว...อืม...ดูแล้วคุณสองคนใส่ชุดแบบนี้ คงทำงานที่นี่ใช่ไหมครับ” ปารเมศกวาดสายตามองหญิงสาวทั้งสอง พลันสายตาเขาก็สะดุดที่หญิงสาวตรงหน้าเขา ‘เฌอรีน วัชรเดชานนท์’ เขาอ่านตัวหนังสือที่ติดอยู่ตรงอกเสื้อของหญิงสาว “ค่ะ...พวกหนู...เอ่อ...ดิฉันทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่ค่ะ พึ่งเรียนจบอยู่แผนกสูตินรีค่ะไม่ได้ทำประจำค่ะ” เฌอรีนตอบอย่างตะกุกตะกักเธอเองก็ประหม่าอยู่ไม่น้อย อยากเอ่ยไปมากกว่านี้แต่เธอพึ่งจะเจอเขาครั้งแรก เลยมีความรู้สึกเกรงใจที่ต้องมารบกวนเขาในลักษณะนี้ “อืม...ครับวันนี้มีเรื่องอะไรหรือครับ” ปารเมศจ้องหน้าหญิงสาวที่ชื่อเฌอรีนอย่างไม่วางตา เขามีความรู้สึกพอใจกับภาพตรงหน้าเป็นอย่างมาก ‘เธอดูสดใส’แต่ทว่าอีกคนก็สดใสและน่ารักไม่แพ้กัน ‘ปวีณ์พร กิจธนโภคิน’เขาอ่านจากอกเสื้อของเธออีกคนเช่นกัน “คือว่าดิฉันมีแม่ที่ไม่สบายค่ะ แม่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและทราบว่าคุณหมอปารเมศมีความเชี่ยวชาญด้านนี้ เลยอยากจะมาขอคำปรึกษาค่ะ ดิฉันพาแม่ไปรักษาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่หายค่ะ เลยอยากจะมาขอคำแนะนำจากคุณหมอค่ะ เอ่อ จะเป็นการรบกวนหรือเปล่าคะ” เฌอรีนพูดพร้อมกับจ้องใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าหมอธารณ์ผู้ใจดีและเป็นบุตรชายคนโตเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ “ไม่รบกวนหรอกครับ...ผมยินดีครับ...ว่าแต่แม่คุณรักษานานหรือยังครับ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากเจอคนไข้ก่อนนะครับ” “ค่ะ...แต่เอ่อ” เฌอรีนพูดไม่ออก เธออยากให้หมอคนนี้แค่วินิจฉัยหรือตรวจให้ชัดเจนและให้คำแนะนำ เพื่อที่เธอจะได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลอื่นอีกที่หนึ่ง เธอกลัวค่าใช้จ่ายของที่นี่เป็นอย่างมาก ลำพังเงินที่มีอยู่นั้นมันไม่ได้มากมายอะไร เธออยากจะรักษาแม่แต่เธอเกรงว่าเงินจะไม่เพียงพอนั่นเอง “คือว่า...เพื่อนของดิฉันอยากให้คุณหมอช่วยตรวจแม่ของเธอก่อนค่ะ...เอาตรงๆ นะคะพวกเราไม่มีเงินค่ะ แต่ทราบว่าคุณหมอเก่งด้านนี้โดยเฉพาะและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากค่ะ เราเลยอยากจะมาขอคำปรึกษาพร้อมกับค่าใช้จ่ายเบาๆ น่ะค่ะหมอ” ปวีณ์พรช่วยเพื่อนพูดแบบตรงไปตรงมา เธอเองก็กระอักกระอ่วนอยู่เหมือนกัน ยิ่งมองหน้าหมอหนุ่มคนนี้แล้ว หัวใจของเธอก็แทบจะกระโดดออกมากองอยู่ข้างนอกแล้ว ‘คนอะไรหล่อเว่อร์เบอร์นี้เนี่ย’ “อ่อ...ครับไม่เป็นไรครับ คุณพาแม่คุณมาก่อนครับ เดี๋ยวผมจดวันและเวลาให้นะครับ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวผมประเมินให้ก่อนจะรักษาครับ” “ขะ-ขอบคุณมากเลยค่ะคุณหมอ” เฌอรีนเอ่ยขึ้นทันทีท่ามกลางความโล่งใจ ในที่สุดเธอก็หาทางออกในการรักษาแม่ของเธอแล้ว เฌอรีนหันมายิ้มกับปวีณ์พรแต่แล้ว! ภาพที่เธอเห็นก็ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นเพื่อนสาวของตัวเองกำลังจ้องมองหมอหนุ่มแบบตาไม่กระพริบ “ฟะ-เฟิร์น เฟิร์น”เฌอรีนสะกิดเพื่อนให้รู้สึกตัว “ห๊ะ เอ่อ อะไรนะเฌอ” ปวีณ์พรมองเพื่อนอย่างเหลอหลาปนความมึนงงและตกตะลึง ‘เธอกำลังตกหลุมอากาศอย่างจัง’แก้มสาวเป็นจุดสีชมพูอย่างรวดเร็ว “ว่าแต่คุณสองคนมีชื่อเรียกสั้นๆ กันไหมครับ” ปารเมศมองสองสาวพร้อมกัน ‘เธอสวยคนละแบบ อีกคนหนึ่งหวาน อีกคนน่ารัก’ ทั้งหวานและน่ารักมันสะกิดใจเขาอย่างบอกไม่ถูก ตลอดอายุ 34 ปีหลังแต่งงานและหย่ามาแล้วสี่ปี เขาไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนเลย จนมาวันนี้ความรู้สึกของเขาได้เปลี่ยนไปความสดชื่นได้เข้ามาอยู่กลางใจของเขา เมื่อมองสองสาวที่น่ารักสองคนนี้ “เฌอค่ะ เฌอรีน ส่วนนี่ ปวีณ์พร หรือ ใบเฟิร์นค่ะ” เฌอรีนเป็นคนแนะนำส่วนเพื่อนเธอนั้นได้แต่จ้องหน้าเขาอยู่แบบนั้น “ว่าแต่...คุณทั้งสองคนทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่มานานหรือยังครับ” ปารเมศมองสองสาวอย่างสนใจ ความรู้สึกบางอย่างที่ถูกร้างลามาสี่ปีกลับมีชีวิตชีวามากขึ้น เขาถูกภรรยาเก่าขอหย่า เหตุผลในการหย่าของเธอช่างน่าตลกสิ้นดี ‘เธอทนไม่ไหว กับความต้องการ ของเขา’ ปารเมศแต่งงานกับเธอเพราะรักและต้องการเธอ เขามีเธอเพียงคนเดียวไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงเรียบร้อยเป็นคุณหนูทนไม่ไหวคือ ความต้องการในบทรักของเขาที่เกิดขึ้นทุกวัน จนเธอรับไม่ไหวและขอหย่ากับเขา เธอและเขาจากกันด้วยดีโดยที่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย นอกจากตัวเขาคนเดียวแม้กระทั่งน้องชาย ที่สนิทที่สุดก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ “เกือบปีแล้วค่ะ...เราสองคนกำลังเรียนเฉพาะทางอยู่ค่ะเลยไม่สามารถทำงานประจำได้ค่ะ” เฌอรีนมองหมอหนุ่มและยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร เขาเป็นถึงลูกของเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ แต่กลับไม่เย่อหยิ่งและถือตัวเลยแม้แต่น้อย “เหรอครับ...และคุณสองคนอยู่ด้วยกันหรือเปล่าครับ” ปารเมศปลายตามองหญิงสาวอีกคนที่เอาแต่จ้องเขาอยู่แบบนั้น เธอคนนี้ช่างมีดวงตาที่สดใสยิ่งนัก ริมฝีปากจิ้มลิ้มและเย้ายวนเหลือเกิน ยามที่เธอเผยอปากอยู่แบบนั้น สี่ปีที่เขาได้หย่าขาดจากภรรยา ปารเมศไม่เคยออกไปหาความสุขให้กับตัวเองเลย เขาทำแต่งานและมุ่งอยู่กับงานค้นคว้าวิจัยของเขา “เราเป็นเพื่อนกันค่ะ บ้านอยู่ใกล้กันด้วยค่ะ” “อ่อครับ...วันนี้ผมเลิกงานแล้ว ถ้าพวกคุณไม่ไปไหน ผมจะชวนพวกคุณไปทานข้าวต่อครับ วันนี้ทั้งวันผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยครับ และอีกอย่างเราทำความรู้จักกันไว้ เผื่อวันหลังผมอาจจะไหว้วานพวกคุณให้คุณช่วยงานวิจัยผมหน่อย...ผมหมายถึงจ้างพวกคุณให้ช่วยนะครับ” ปารเมศกวาดสายตามองดวงหน้าสวยของหญิงสาวทั้งสอง คนหนึ่งแสดงออกทางแววตาอย่างชัดเจนว่ากำลังสนใจเขา แต่อีกคนหนึ่งกลับพบสายตาแห่งความชื่นชมมากกว่าที่จะสนใจ “เอ่อ จะเป็นการรบกวนหรือเปล่าคะคุณหมอ” เฌอรีนหันไปทางเพื่อนสาว ที่ตอนนี้ปวีณ์พรกลายเป็นหุ่นยนต์ไปแล้ว เอาแต่จ้องหน้าคุณหมออยู่แบบนั้น ‘เธอจะต้องพาเพื่อนเธอออกไปจากตรงนี้ ปวีณ์พรอาจตายได้ถ้าอยู่รับรังษีความหล่อของหมอหนุ่มคนนี้ เพื่อนเธอโดนตกอย่างแรง’ “ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้ไปไหน อีกอย่างผมจะได้พูดคุยเรื่องอาการของคุณแม่คุณด้วยครับ” ปารเมศยอมรับกับตัวเอง ว่าเขาสนใจสองสาวนี้เป็นอย่างมาก ถ้าจะให้เขาเลือกเขาคงเลือกไม่ได้อย่างแน่นอน เวลาสี่ปีเขาไม่เคยให้ความสนใจสาวคนไหนเลย จนบางคนแอบเอาไปคิดว่าเขาโดนภรรยาทิ้งเพราะว่าเขาเป็นเกย์เหมือนน้องชายเขาอีกคน “อ่อ...ค่ะ” “เฟิร์น...เราจะไปไหม” เฌอรีนหันมาถามปวีณ์พร ซึ่งตอนนี้อาการของเพื่อนเธอท่าจะหนักเอามากๆ “หือ...”ปวีณ์พรรู้สึกตัวจากการโดนสะกิด “คุณหมอธารณ์จะชวนพวกเราสองคนไปทานข้าว เฟิร์นจะไปไหม” “ไปค่ะ”ปวีณ์พรตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไร มันคือโอกาสที่จะได้มองหน้าหมอหล่อคนนี้นานๆ ต่างหาก “งั้น...รอผมสักครู่นะครับ...ไม่ทราบว่าพวกคุณขับรถมาหรือเปล่าครับ ถ้าไม่สะดวกขึ้นรถไปกับผมก็ได้นะครับ เราจะได้ไปพร้อมกันครับ” “เอ่อ...พวกเราไม่มีรถหรอกค่ะ นั่งรถเมล์กันตลอดค่ะ” เฌอรีนบอกออกไปตรงๆ ฐานะอย่างเธอกับปวีณ์พรหลีกหนีความจนมาได้นิดหน่อยเอง ไม่มีเงินจะไปซื้อสิ่งพวกนั้นได้ เธอต้องประหยัดเพื่อนำเงินไปไถ่บ้านคืนด้วย และรักษาแม่ดูแลน้องส่วนปวีณ์พรก็ไม่ต่างจากเธอมากนัก “งั้นไปรถผมนะครับ...ไม่ทราบว่าจะกลัวผมกันหรือเปล่าครับ พวกคุณเป็นผู้หญิงอาจจะยังกลัวคนแปลกหน้าอยู่น่ะครับ” ปารเมศออกตัวอย่างสุภาพบุรุษ เขารู้สึกสนใจทั้งสองก็จริง แต่ก็ไม่อยากให้พวกเธอรู้สึกเหมือนตาแก่ที่กำลังจะเขมือบสาวๆ “ไม่ค่ะคุณหมอเองต่างหากค่ะที่ต้องระวังพวกเรา” ปวีณ์พรชิงตอบอย่างทันที “อ่อ...งั้นไปกันเลยครับ...เชิญครับ” ปารเมศเดินนำหน้าไปก่อน เขาเองไม่ต้องพะวงกับสิ่งใด ไหนๆ คนบางคนก็มองว่าเขาเป็นเกย์อยู่แล้ว แต่การที่เขาไปกับสองสาวในวันนี้อาจทำให้ทุกคนตะลึง จนต้องพาดหัวข่าวใหม่แน่นอนในวันพรุ่งนี้ ณ ร้านอาหารใหญ่ใจกลางเมืองกรุง “ทานให้เต็มที่นะครับ มื้อนี้ผมเป็นเจ้ามือเองครับ” “ขอบคุณค่ะ เกรงใจคุณหมอธารณ์จังเลยค่ะ ดิฉันมาขอคำปรึกษากลับต้องให้คุณหมอมาเลี้ยงข้าวอีกค่ะ” เฌอรีนรู้สึกเกรงใจชายหนุ่มเป็นอย่างมาก “ไม่เป็นไรครับหมอเฌอ...ผมก็ไม่ได้ออกมาแบบนี้นานแล้วเหมือนกันนะครับ หลายปีเลยทีเดียวทำแต่งานวิจัยจนไม่มีเวลามานั่งทานนอกบ้านแบบนี้ครับ” ปารเมศเหลือบมองสาวสวยอีกคนหนึ่งอย่างอดขำไม่ได้ เธอจ้องมองเขาตลอดเวลา จนทำให้ใจเขาเริ่มไม่ปกติ กับความรู้สึกบางอย่างแทรกเข้ามา ความร้อนแรงดังเปลวเพลิงของแววตาที่แสดงออกอย่างชัดเจน จนเขาชักไม่แน่ใจสภาพร่างกายเขาตอนนี้เลย “ภรรยาคุณหมอล่ะคะ” ปวีณ์พรถามโพรงออกไปอย่างลืมตัว ความคิดที่อยู่ในหัวยังไม่ทันจะเรียบเรียง เธอกลับพูดสวนออกไปอย่างอุกอาจ “เฟิร์น”เฌอรีนตกใจกับสิ่งที่ปวีณ์พรพูดออกมา เพื่อนของเธอเป็นเอามากจริงๆ “ไม่เป็นไรครับตอบได้ครับ หากว่าหมอเฟิร์นสนใจที่จะฟัง ผมหย่าจากภรรยาได้สี่ปีแล้วครับ ตอนนี้ผมก็อยู่คนเดียวครับทำแต่งานจนไม่มีเวลา” ปารเมศมองคนถามอีกครั้ง เธอกล้าที่จะรุกกับเขาตรงๆ แบบนี้ ก็ถือว่าเธอนั้นอยากเปิดประเด็นสนใจกับเขาแน่นอน “ค่ะ...เฟิร์นต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่เมื่อกี้เสียมารยาทน่ะค่ะ คือเฟิร์นคิดดังไปหน่อยค่ะ” ปวีณ์พรตื่นจากอาการโดนตก จึงพยายามอธิบายหมอหนุ่ม “ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้เป็นเรื่องความลับอะไร ปกติเรื่องที่พวกสาวๆ ที่มักจะพูดกับผม ส่วนใหญ่จะถามผมว่า หมอเป็นเกย์หรือเปล่าน่ะครับ ไม่เคยมีใครถามถึงภรรยาผมครับ” ปารเมศตลกในความคิดของคนพวกนั้นเสียจริง ที่เฝ้าแต่ขนานนามให้เขาเป็นแบบนั้นแบบนี้ตลอดเวลา น้องชายเขาก็เจอเรื่องนี้อยู่ประจำแต่ตอนนี้ก็คงไม่หนักเท่าเขา เพราะปรินทร์นั้นได้หมั้นหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “อุ้ย! จริงหรือคะ ใครกันที่คิดแบบนั้นคะ” ปวีณ์พรอุทานขึ้นอีกครั้ง เธอตกใจกับสิ่งที่เธอได้ยินเป็นอย่างมาก “แสดงว่าพวกคุณยังไม่ได้เสพข่าวผมเลยใช่ไหมครับ พวกพยาบาล และหมอที่นี่ต่างก็กล่าวหาว่าผมเป็นเกย์กันทั้งนั้น เลยถูกภรรยาทิ้ง คิดแล้วก็ขำอยู่เหมือนกันครับ” “ตะ-แต่คุณเป็นจริงๆ ไหมคะ ขอโทษอีกครั้งนะคะเสียมารยาทอีกแล้ว เฟิร์นแค่ตกใจน่ะค่ะว่าจะเป็นไปได้ยังไง คุณหมอออกจะ...เอ่อ...ไม่เหมือนเลยค่ะ” “ผมไม่ได้เป็นเกย์ครับ...ที่ผมไม่ได้คบใครก็เพราะผมยังไม่มีเวลาน่ะครับ ทำแต่งานและมัวยุ่งอยู่กับงานวิจัยของผม เลยไม่อยากให้พวกสาวๆ ต้องมาลำบากกับผมครับ” ใช่! ที่เขาไม่ออกไปแสวงหาความสุข ก็เพราะว่าเขามุ่งแต่ทำงานเรื่องพวกนั้นมันเลยไม่อยู่ในหัวของเขานั่นเอง “อ่อ...ค่ะ”ปวีณ์พรแอบโล่งอกทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ “ว่าแต่พวกคุณช่วงนี้ว่างกันไหมครับ และเคยรับงานพวกอ่านวิทยานิพนธ์บ้างไหมครับ ช่วยแปลและจัดเรียงเอกสารอะไรทำนองนี้น่ะครับ ผมอยากจะจ้างมาช่วยงานผมนะครับ พอดีวิจัยของผมใกล้เสร็จแล้ว ขาดคนตรวจทานให้น่ะครับ ว่าจะหาคนช่วยอยู่พอดีครับ” “งานนี้ต้องให้เฟิร์นเลยค่ะคุณหมอ...เฟิร์นเคยรับงานจากอาจารย์มาบ่อยค่ะ” เฌอรีนมองหน้าเพื่อนสาวตัวเอง ที่ดูแล้วน่าจะพอใจกับคำตอบของเธอแน่นอน “ใช่ค่ะ...เฟิร์นเคยทำค่ะ และยินดีค่ะหากคุณหมอจะให้เฟิร์นช่วยทำ” ความลุ่มหลงในรูปลักษณ์ของหมอปารเมศทำให้เธอตอบออกไปอย่างไม่คิดเช่นเคย ใจเธอเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่ออยู่ใกล้ชายหนุ่ม “งั้นดีเลยครับ...เดี๋ยวผมจะนัดรับงานอีกทีนะครับ” “ค่ะ...คุณหมอใจดีอย่างที่คนอื่นพูดถึงจริงนะคะ” ปวีณ์พรชื่นชมอย่างออกนอกหน้า เธอไม่เก็บอาการไว้หรอก นั่นมันยุคเก่าแล้วที่จะต้องเป็นแบบนั้น ยุคนี้ต้องเชิงรุกเท่านั้นที่จะสำเร็จ “อ่อ...เหรอครับคนอื่นเขาพูดกันแบบนั้นกันเหรอครับ อย่างน้อยก็ยังพูดเรื่องอื่นได้เหมือนกันนะครับ” ปารเมศยิ้มให้กับสองสาว ในระหว่างที่สองสาวหนึ่งหนุ่มกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานร่างของชายหนุ่มทั้งสามเดินเข้ามาอย่างบังเอิญ “เฮ้ย...นั่นมันพี่ชายนายนี่...พี่ธารณ์...มากับใครน่ะ” ธราธิปใช้สายตาชี้จุดไปยังโต๊ะอาหารที่อยู่ด้านในของร้าน “นั่นสิ...พี่ธารณ์มากับใครน่ะธีร์ เข้าไปทักมั้ย” ภวิศกำลังเพ่งมองไปยังจุดที่เพื่อนบอกอย่างสนใจ “ไม่รู้สิ...เดี๋ยวไปทัก พี่ธารณ์ก่อนก็แล้วกัน” .....................
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม