ดาฟเน่เปิดประตูด้านหลังห้องนอนของอีสเซก็พบว่าเธอเดินทะลุมาที่ห้องวาดรูปที่เขาเคยพาเธอมาตั้งแต่ครั้งก่อน เธอกวาดสายตามองรูปที่เป็นใบหน้าของดาฟเน่รอบๆห้อง
มีรูปวาดใบหน้าของเธอแทบจะทุกอิริยาบถ ที่มากที่สุดคือรูปตอนที่เธอและเขากำลังร่วมรักกันแต่สิ่งที่สะดุดตาคือรูปในตอนที่เธอกำลังร้องไห้
รูปวาดนั้นสะท้อนอารมณ์เสียใจได้ดีมาก จนเธอที่เพียงยืนมองเฉยๆยังเศร้าไปตามอารมณ์ที่จิตรกรถ่ายทอดออกมาเลย บางทีเธอก็อยากจะถามอีสเซนะ ว่าเขาไปเรียนวาดภาพพวกนี้มาจากไหนกัน แต่ถึงจะมีรูปวาดและรูปปั้นเธอมากมายแต่ไม่มีรูปวาดใบหน้าของเขาเลย รูปในตอนที่เธอมีอะไรกันกับเขา ก็จะเห็นเพียงแค่ใบหน้าของเธอและร่างกายของบุรุษ ไม่มีหน้าตาของบุรุษที่ร่วมรักกับเธอสักรูปเลย
เธอยกมือขึ้นมาแตะรูปวาดที่อยู่บนกระดานวาดรูปเบาๆ รูปวาดนั่นคือรูปครั้งก่อนที่เธอกำลังเล่นกับตัวเอง มันยังไม่เสร็จเพราะว่าเขายังไม่ได้ลงสี
ห้องนี้มิได้รก..ตรงกันข้ามห้องนี้ถูกเก็บและทำความสะอาดอย่างเรียบร้อย นั่นหมายความว่าคนที่มาทำความสะอาดก็คงจะเห็นรูปพวกนี้หมดแล้วสินะ ถึงมันจะเป็นรูปวาดแต่หน้าเธอเด่นหราบนภาพซะขนาดนั้น ใครๆก็ต้องรู้ว่าเป็นเธอ
ดาฟเน่ส่ายหน้าเบาๆ อยากจะเอารูปพวกนี้ไปเผาทิ้งจริงๆ!! เธอเดินออกไปจากห้องวาดรูปเพื่อไปที่สวนด้านหลัง ดอกไม้ส่วนใหญ่ที่เธอเจอก็คือดอกกุหลาบสีแดงสด ไม่ว่าจะเป็นที่นี่ หรือว่าที่คฤหาสน์มาเดลีน ต่างก็มีแปลงดอกกุหลาบสีแดงขนาดใหญ่ อาจจะเป็นเพราะว่ามันดูแลง่ายและดอกของมันก็ยังคงเบ่งบานแม้ในวันที่หิมะตกเช่นวันนี้
เท้าของเธอเหยียบย่ำไปบนหิมะที่ปกคลุมพื้นอยู่ ดาฟกระชับผ้าคลุมเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงที่หน้าทุ่งดอกกุหลาบขนาดใหญ่
"ท่านเอง ก็เห็นความสวยของมันใช่ไหมคะ?"
มีสตรีผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ นางส่งยิ้มให้ดาฟเน่อย่างอ่อนโยน สายตาที่มองมาที่เธอนั้นราวกับสตรีผู้นี้กำลังรอคอยเธออยู่
"ผู้คนมักจะถูกความงดงามของดอกไม้ดึงดูดเป็นธรรมดา โดยลืมไปว่าหนามของมันช่างแหลมคม"
"ข้ามีชื่อว่าเวโรนิก้าค่ะ เวโรนิก้า จาเมล ท่านหญิงเองก็คงจะพอเดาออกว่าข้ามารอพบเจอท่าน"
ตระกลูดยุคจาเมล? สตรีผู้นี้มีธุระอะไรกับเธอกันนะ?
"ว่ามาสิ ตระกูลดยุคจาเมลมีปัญหาอะไรกับข้างั้นหรือ?"
เวโรนิก้ารีบโบกมือเป็นเชิงว่าไม่ใช่อย่างนั้น
"ข้า..มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องแต่งงานกับองค์จักรพรรดิค่ะ!! ข้าทราบดีว่าการมากล่าวเช่นนี้มันน่าละอาย แต่ข้ารู้นะคะ ข้ารับรู้ว่าความสัมพันธ์ของท่านหญิงและองค์จักรพรรดินั้นเป็นมากกว่าเพื่อนในวัยเด็ก ที่ข้ามาขอร้องในวันนี้ก็เพราะว่าข้ายินดีที่จะหย่ากับองค์จักรพรรดิให้ท่านหญิงทุกเมื่อ ทันทีที่ท่านหญิงหย่ากับลอร์ดมาเดลีน ตอนนี้องค์จักรพรรดิเองก็ถูกกดดันอย่างหนักเพื่อให้แต่งงาน ข้ามิได้รักพระองค์ค่ะ ข้าสาบานได้เลย!!"
ดาฟเน่มิได้ปรายตามองสตรีผู้นั้นเลย เธอใช้มีดที่วางอยู่ตัดดอกกุหลาบออกมาราวสามดอก ก่อนจะส่งให้เวโรนิก้า
"..บอกความจำเป็นของเจ้ามาสิ ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้ากับเขารักกัน เช่นนั้นข้าก็ขอฟังเหตุผลของเจ้าหน่อยเถิด"
เวโรนิก้ายื่นมือไปรับดอกกุหลาบสีแดง ก่อนที่เธอจะนั่งคุกเข่าลง
"เพราะว่าพี่ชายของข้ากำลังจะตายค่ะ ข้ามีพี่น้องสามคน พี่ชายสองคนและข้าคือลูกสาวคนสุดท้อง เมื่อปลายปีที่แล้วธุรกิจของจาเมลขาดทุนอย่างหนักจนเราประสบปัญหาทางการเงิน แต่เมื่อต้นปีท่านพี่คนที่สองที่เป็นนักเวทย์อยู่ที่หอคอย ก็นำเงินมาให้ครอบครัวของเราก้อนหนึ่งซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ทำให้ธุรกิจของจาเมลเดินหน้าต่อไปได้ แต่พอผ่านไปหนึ่งเดือนท่านพี่ก็ล้มป่วยลงอย่างหนัก พอข้าให้หมอที่หอคอยเวทย์มาตรวจดูก็พบว่าเป็นเพราะผลของเวทย์สะท้อนกลับ และการรักษาจะต้องใช้หินเวทมนตร์ ซึ่งหินเวทมนตร์นั้นมีเพียงองค์จักรพรรดิเท่านั้นที่อนุญาตให้ใช้ได้ ข้าสิ้นไร้หนทางจริงๆค่ะเพราะตอนนี้ท่านพี่คนแรกก็ล้มป่วยไปตามๆกัน คนที่จาเมลทุกคนจะต้องตายหากไม่ได้หินเวทมนตร์นั้นไปรักษา...."
เธอก้มหน้ามองสตรีที่คุกเข่าอ้อนวอนด้วยอารมณ์ที่ตกใจ ดาฟเน่ยกมือขึ้นมากุมหัวใจที่เต้นแรงของเธอเอาไว้
ปลายปีคือเวลาที่เวด้าถูกแขวนคอและ...เธอได้เข้ามาอยู่ในร่างของดาฟเน่ หรือว่าที่เธอได้กลับมาหายใจอีกครั้งไม่ใช่เพราะว่าพรของพระเจ้า?
อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้ บางทีเธออาจจะคิดมากไปเอง...เมื่อครู่นางบอกว่าพี่ชายของนางได้รับเงินก้อนโตมาเมื่อต้นปี บางทีหากเธอกลับไปตรวจสอบบัญชีรายจ่ายของดาฟเน่น่าจะรู้ชัดเจนมากกว่ามานั่งคิดไปเองว่าเรื่องนี้เกี่ยวกันหรือไม่
"เหตุใดถึงเสนอตัวจะแต่งงานล่ะ ทั้งๆที่แค่เจ้ามาขอหินเวทมนตร์กับองค์จักรพรรดิก็น่าจะเพียงพอ...?"
"เพราะว่าข้าไม่รู้จักพระองค์มาก่อน อีกทั้งหินเวทมนตร์นั้นมีค่ามหาศาล ข้าไม่คิดว่าองค์จักรพรรดิที่ชั่....อ่ะ..เอ่อ องค์จักรพรรดิที่ดูใจร้ายจะมอบให้ค่ะ"
"เจ้าคิดว่าข้าจะช่วยเหลือเจ้างั้นหรือสาวน้อย? ข่าวลือเกี่ยวกับตัวข้า เจ้าน่าจะรู้ดี ข้าคือดาฟเน่สตรีชั่วช้าแห่งยุคนะ!!"
เวโรนิก้ายกยิ้มขึ้นมา นางก้มมองดอกกุหลาบในมือพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าที่แสนจะงดงามของดาฟเน่
"ข้ารู้นะคะ ว่าท่านหญิงใจดีกว่าที่คิด อาจจะเป็นเพราะข้าไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว อันที่จริงข้าคิดว่าข้าจะถูกด่าตั้งแต่ที่ข้าบอกว่าข้าจะแต่งงานกับองค์จักรพรรดิแล้ว แต่ท่านกลับไม่ต่อว่าสักคำแถมยังมอบดอกกุหลาบที่แสนงดงามนี้ให้ข้าอีกด้วย..."
เวโรนิก้าสาบานได้เลยว่าเธอไม่เคยพบเจอสตรีใดที่มีเสน่ห์เย้ายวนเช่นนี้มาก่อน ขนาดสตรีด้วยกันยังอดประหม่ากับความงามนั้นไม่ได้แล้วบุรุษจะต้านทานไหวได้อย่างไรกัน!!
"..น่าเสียดายที่ข้าต้องตอบว่าข้ามิอาจจะให้คำตอบแก่เจ้าได้ เจ้าต้องไปถามกับอีสเซเอาเอง อากาศเริ่มเย็นแล้วหากว่าเจ้ามีความกล้าพอก็เข้าไปรอเขาด้านในกับข้าสิ"
เวโรนิก้าเดินตามดาฟเน่ไปติดๆ หญิงสาวยังคงกำดอกกุหลาบในมือแน่น ด้วยหัวใจที่เต้นแรง กลิ่นหอมหวานจากสตรีที่เดินนำหน้าเธอมันหอมหวานจนเวโรนิก้าอยากจะกล่าวถามออกไปจริงๆว่าท่านหญิงดาฟเน่ใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไรกันแน่!! เหตุใดมนุษย์ถึงได้งดงามถึงเพียงนี้กันนะ แม้แต่แผ่นหลังยังงดงามเลยให้ตายเถอะ!!
ดาฟเน่พาเวโรนิก้ามาที่ห้องรับรอง เธอเอนตัวล้มนอนลงบนโซฟาโดยมีหมอนอิงอยู่ นิ้วมือที่เรียวยาวหยิบหนังสือนิยายที่เธอชื่นชอบขึ้นมาอ่านด้วยท่าทีเกียจคร้าน
"เหตุใดถึงจ้องมองข้าเช่นนั้นเวโรนิก้า ข้าทำอะไรผิดรึเปล่า?"
"ไม่ค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น คะ..คือว่าท่านหญิงงดงามมากจริงๆค่ะ งดงามขนาดที่ว่าข้าเป็นสตรียังอดหวั่นใจมิได้ ความงามของท่านประดุจดังแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมาท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายเลยค่ะ มันอบอุ่นและประทับใจ..."
ดาฟเน่ขมวดคิ้วมองหน้าเวโรนิก้า เด็กสาวผู้นี้ดูราวกับกระต่ายน้อยเลยแฮะ แต่จะเป็นหมาป่าที่ห่มหนังกระต่ายมารึเปล่านั้น..ยังคงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์
แต่ข้อเสนอที่นางยื่นมาน่าสนใจมากทีเดียว บางทีนี่อาจจะทำให้อีสเซเหนื่อยใจน้อยลง เขาจะได้ไม่ต้องมาทนตอบรับการจัดงานเลี้ยงน้ำชาเพื่อหาคู่ให้เขาอีก...
เหตุใดถึงโล่งใจกันนะ นี่เธอไปสนใจเกี่ยวกับคู่ครองของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!!
ก็อาจจะเป็นเพราะว่าเธอกับเขาเป็นเพื่อนกันไงล่ะ เพื่อนในวัยเด็กที่สนิทสนมกัน...
แต่เพื่อนกันเขาไม่นอนด้วยกันหรอกนะโว้ย!!!
ใบหน้าของดาฟเน่พลันขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ เธอวางหนังสือนิยายลงก่อนจะยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วเบาๆ
"น่าแปลกที่ดาฟเน่ของข้ามีเพื่อนดื่มน้ำชาด้วย.."
อีสเซเดินเข้ามาพร้อมกับนั่งลงข้างดาฟเน่ เขาเลิกคิ้วมองสตรีน้อยผู้หนึ่งที่นั่งตรงกันข้ามเขา
"นางบอกว่าจะมาแต่งงานกับเจ้าล่ะ"
"ทหาร!! มาจับสตรีผู้นี้โยนออกไปซะ!!"
ดาฟเน่รีบยกมือห้ามปรามอีสเซอย่างรวดเร็ว
"เจ้าควรจะฟังข้อเสนอของนางก่อนสิ!! ให้ตายเถอะ!!"
ดาฟเน่พยักหน้าให้กับเวโรนิก้าเพื่อส่งสัญญาณให้เธอพูดออกมา หลังจากนั้นเวโรนิก้าก็เล่าเรื่องราวต่างๆให้อีสเซฟัง
เขาปรายตามองที่ดาฟเน่ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
"เจ้าก็เลยพานางมาหาข้า?"
"ใช่ ข้าคิดว่าข้อเสนอของนางไม่เลว"
"เลดี้จาเมลเจ้ากลับไปก่อน ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับหญิงคนรัก"
เวโรนิก้าลุกขึ้นพร้อมกับทำความเคารพอีสเซและดาฟเน่ก่อนที่นางจะเดินออกไป
"อีสเซ หากเจ้ายื่นมือช่วยเหลือนางในครั้งนี้ เจ้าจะได้จาเมลมาเป็นพวกได้อย่างง่ายๆเลย"
"ตระกูลที่ล้มเหลวขนาดที่ทำธุรกิจขาดทุนข้ามิอยากได้เป็นพวกนะ!!"
"ทุกคนต้องการโอกาสอีสเซ อย่างน้อยในเวลาหนึ่งปีก่อนที่ข้าจะหย่า เจ้าจะได้ไม่ต้องถูกเชิญไปงานเลี้ยงจับคู่"
"นั่นคือประโยชน์ข้อเดียวที่เราได้รับ สตรีผู้นั้นจะมีอำนาจในฐานะจักรพรรดินี ในตอนนี้นางอาจจะเป็นกระต่ายใสซื่อน่ารักน่าเอ็นดู แต่พอนางมีอำนาจข้าเชื่อว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป"
ที่อีสเซกล่าวมาก็ถูกต้อง..
"เช่นนั้นหากว่าเป็นการหมั้นล่ะ แค่หมั้นกับนางเจ้าก็จะไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องอำนาจที่มากเกินพอดีของนาง และสภาชนชั้นสูงที่คอยจับคู่ให้!!"