ตอนที่ 5 ขอจีบ
ช่วงเย็นปิ่นงามปั่นจักรยานมาส่งข้าวให้คุณหมอเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเธอจำเรื่องที่คุณหมอถามเมื่อเช้าได้ แต่ไม่รู้ว่าเขายังอยากจะไปอยู่หรือเปล่า
“คุณหมอ...ไปหรือเปล่าคะ” ปิ่นงามจอดจักรยานที่หน้าบ้านพักของคุณหมอ เธอเห็นเขาเดินๆอยู่ในบ้านจึงร้องตะโกนถามเข้าไป
“ไปไหนของเธอยัยเตี้ย” และดูเหมือนว่าเป็นเขาเองที่จำเรื่องที่ถามเธอไว้เมื่อเช้าไม่ได้ แถมยังชอบมาเรียกเธอว่ายัยเตี้ยอีก
“คำก็เตี้ยสองคำก็เตี้ย จะไปมั้ยหาสัญญาณโทรศัพท์น่ะ เดี๋ยวไม่พาไปซะเลยนี่”
“ไปๆ ไปสิ” นั่นไงเขาลืมจริงๆด้วย เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูดเขาจึงรีบเดินออกมาหาเธอที่ยังคงนั่งคร่อมจักรยานอยู่อย่างนั้นไม่ยอมลง
“ข้าวเย็นของคุณหมอค่ะ เอาไปเก็บไว้ในบ้านก่อนมั้ยคะ” แสงเหนือรับเอาถุงอาหารเย็นของเขาเอาไปวางไว้ในบ้านก่อนแล้วเดินกลับออกมาหาเธอ เห็นเธอลงไปนั่งอยู่ที่เบาะจักรยานด้านหลังเรียบร้อยแล้ว
“อะไร” เขาส่งสายตาไปที่จักรยานเป็นคำถาม
“คุณหมอโตตัวขนาดนี้ จะให้ปิ่นปั่นให้นั่งเหรอคะ หรือจะเดินไปก็ได้นะตามใจ” พูดจบเธอก็ทำท่าจะขึ้นมานั่งตรงที่คนปั่นเหมือนเดิม
“มาๆปั่นให้นั่งก็ได้ ไกลหรือเปล่า” เขายอมขึ้นไปนั่งตรงที่คนปั่นเพื่อปั่นให้เธอนั่ง
“ไม่ไกลมากค่ะ ปั่นตามทางไปเลยค่ะ” คุณหมอหนุ่มเป็นคนปั่น ส่วนคนซ้อนทำหน้าที่บอกทาง อยู่ๆเธอก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“คุณหมอมีแฟนหรือยังคะ” แหม...เล่นถามกันตรงๆแบบนี้เลยเหรอ…คุณหมอหนุ่มคิดในใจ พลางนึกไปถึงแซนวิชรูปหัวใจเมื่อเช้าที่เธอทำมาให้เขากินกับกาแฟ
“แล้วเธอล่ะมีผัวหรือยัง” เขาไม่ยอมตอบคำถามของเธอ แต่เลือกที่จะถามเธอกลับ
“ยังเลยค่ะ แหมคุณหมอก็...” เธอทำท่าเขินอยู่ด้านหลังของเขาซึ่งคุณหมอคงไม่เห็นแต่เขาสามารถฟังได้จากน้ำเสียงของเธอ ซึ่งเสือผู้หญิงอย่างเขาถึงกลับขำเบาๆ เขาก็แค่อยากแกล้งเธอเล่น ต่อให้เธอจะทั้งจีบทั้งยั่วยังไงเขาก็ไม่มีทางยอมมีเมียหรอก ต่อให้เขาจะชอบเธอกลับก็ตาม เขาก็สามารถตัดใจแล้วเดินหันหลังให้เธอได้
“ฉันชอบคุณหมอค่ะ” ปิ่นงามเลือกที่จะพูดตรงๆ เธอเป็นผู้หญิงบ้านป่าพูดอ้อมๆไม่เป็นหรอกคิดยังไงก็พูดออกไปแบบนั้น
“หัวสูงนะเราน่ะ” เธอยกมือขึ้นจับศีรษะตัวเองอย่างไร้เดียงสา แต่เวลาต่อมาเธอก็เข้าใจได้ในสิ่งที่เขาพูด...เขาว่าเธอใฝ่สูงนั่นเอง แต่เธอไม่สนหรอกเพราะรู้อยู่แล้วว่าผู้ชายโปรไฟล์ดีอย่างเขา คงไม่หันมามองผู้หญิงธรรมดาๆอย่างเธอหรอก อีกอย่างตัวของเธอเองก็ไม่ได้คาดหวังในเรื่องนี้อยู่แล้ว
“รสนิยมผมไม่ได้ต่ำขนาดนี้หรอก” เธอเบะปากมองบนทำปากมุบมิบๆอยู่ด้านหลังของเขา
“อย่ากลืนน้ำลายตัวเองก็แล้วกัน” เธอแกล้งว่า
“ไม่มีทางหรอก...ฝันไปเถอะยัยเตี้ย”
“ถึงแล้วๆจอดค่ะ” ในที่สุดการพูดคุยกันก็จบลงเมื่อปั่นมาถึงที่หมายได้สำเร็จ พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่อยู่สูงที่สุดของดอยแห่งนี้ และพื้นที่ตรงนี้ยังสามารถนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินได้ชัดและสวยที่สุดเลยก็ว่าได้
ทั้งสองพากันมานั่งลงที่โขดหินขนาดใหญ่ด้วยกัน คุณหมอหยิบมือถือของตัวเองเล่นไปพลางๆ ส่วนปิ่นงามก็นั่งอยู่ข้างๆเขานั่นแหละ ซึ่งเธอยังไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจที่ได้ตั้งใจไว้ อยู่ๆเธอก็พูดขึ้นมาว่า...
“ปิ่นขอจีบคุณหมอได้มั้ยคะ” คำขอของเธอทำให้นิ้วที่กำลังกดแป้นพิมพ์อยู่ที่หน้าจอมือถือหยุดชะงักไป แต่แล้วเมื่อเขาตั้งสติได้เขาจึงตอบกลับไปอย่างทีเล่นทีจริงว่า...
“ผมเป็นคนชอบคนยาก แต่อย่างอื่นง่าย”
“อะไรวะ...” เธองง
ถ้าผมเลวกว่านี้อีกนิด ผมอาจจะจับเธอกินแล้วก็ได้ แต่ผมทำไม่ได้ ผมแคร์คนที่นี่ แค่วันเดียวที่ผมได้มาทำหน้าที่คุณหมอ ได้พูดคุยกับชาวบ้านถึงจะฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง ผมก็รู้สึกว่าคนที่นี่ใจดีและมีน้ำใจมากๆ ผมเริ่มทำงานวันแรกก็ถูกชาวบ้านต้อนรับเป็นอย่างดี บ้างก็เอาผลไม้ที่ปลูกมาฝาก บ้างก็เอาผักมาฝาก ผมรับเอาไว้ทั้งหมดเพราะไม่อยากให้ชาวบ้านเสียน้ำใจ ผลไม้ผมกินเองได้ ส่วนผักกลับไปคงต้องให้ยัยเตี้ยนี่เอาไปทำกับข้าวให้ พูดง่ายๆก็คือผมแคร์คนที่นี่ครับ
“จีบไม่ติดไม่เป็นไร แต่ขอจีบได้มั้ยคะ” เธอยังตื้อไม่เลิก
“ก็ลองจีบดูสิ...ครบสามเดือนแล้วผมคงไม่อยู่ต่อ ถึงวันนั้นอย่ามาร้องไห้ให้เห็นก็แล้วกัน”
“ครบสามเดือนแล้ว อยากอยู่ต่อก็บอกนะคะ”
“มั่นใจซะเหลือเกินนะยัยเตี้ย”
ทั้งสองกำลังนั่งดูพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าด้วยกัน โดยมีการพูดคุยถึงเรื่องทั่วๆไป ไม่ได้เงียบเพราะทั้งคู่เป็นคนคุยเก่งทั้งคู่ พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วทั้งสองก็พากันกลับ ระหว่างที่กำลังเดินไปหาจักรยานที่จอดทิ้งไว้ ปิ่นงามที่ได้ทราบอายุของคุณหมอแล้วจากที่ได้พูดคุยกันเมื่อสักครู่ เธอก็เลยถามออกมาแบบไม่ได้ทันคิด ก็แค่ปากมันพาไป
“คุณหมอแก่ขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่มีเมียคะ” เธอก็แค่สงสัย เพราะเบ้าหน้าที่เขาได้มาอย่างกับฟ้าประทาน
“ปากเหรอเนี่ย หักไปสิบคะแนน บังอาจมาว่าผมแก่” แสงเหนือพูดยิ้มๆเพราะอายุของเขากับอายุของเธอ ถ้าเธอจะมองว่าเขาแก่มันก็ไม่แปลกหรอกแต่เขาแค่ไม่อยากยอมรับมันก็เท่านั้น อายุมันก็แค่ตัวเลข เขาเลิกนับมันตั้งแต่เขาอายุได้ยี่สิบห้าแล้ว
“เฮ้ยๆ ขอถอดคำพูดทันมั้ยคะ”
“ไม่ทันแล้วมั้ย ว่าแต่อยากเพิ่มคะแนนให้เท่าเดิมมั้ยล่ะ” คะแนนที่ว่าก็คือคะแนนจีบเขานั่นเอง
“ปิ่นต้องทำยังไงว่ามาเลยค่ะ”
“ขากลับเธอต้องเป็นคนปั่นกลับ” แสงเหนือเริ่มรู้สึกสนุกกับการได้แกล้งเธอเล่น อย่างน้อยมันก็ทำให้ชีวิตของเขาที่อยู่ที่นี่มีสีสันขึ้นมาบ้าง
“แก่แล้วก็ยังไม่ยอมรับ แถมยังมาใช้แรงงานเด็กผู้หญิงอีก...” เธอบ่นมุบมิบเบาๆ ซึ่งเขาก็ได้ยินนั่นแหละ
“นี่!”
“ปั่นค่ะปั่น เชิญนั่งเลยค่ะ” เธอจับไปที่แฮนด์จักรยานเอามือปัดๆไปที่เบาะด้านหลังเพื่อเป็นการบอกให้เขานั่งลงได้ จากนั้นเธอก็ทำหน้าที่ปั่น ซึ่งเธอก็ปั่นได้แหละแต่รู้สึกหนักเป็นบ้าเลย แต่พอปั่นไปได้สักหน่อย คุณหมอหนุ่มก็เริ่มรู้สึกสงสารเพราะตัวเธอทั้งเล็กทั้งเตี้ย เขาก็เลยจัดการเป็นคนปั่นกลับให้เอง เพราะตอนนี้ก็มืดแล้วด้วย
“ถึงแล้วขอบใจมาก พรุ่งนี้ถ้าว่างพาไปอีกนะ” พื้นที่ตรงนั้นมันไม่ได้ไกลมาก แต่เขาก็แค่อยากมีเพื่อนไว้คุยแก้เหงาบ้าง ซึ่งยัยเตี้ยนี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เขารู้สึกว่าคุยกับเธอแล้วสนุกดี