หลิ่งฟางเซียงหยิบชามแบบมีฝาครอบ และตะเกียบออกมาจากคลังเก็บของในระบบอย่างละ 2 ชิ้น จากนั้นแกะบะหมี่สำเร็จรูปใส่ชามก่อนจะเทน้ำร้อนจนท่วม แล้วปิดปากถ้วยเอาไว้
"เหลียนฮวา เจ้านับเลขได้หรือไม่"
"ได้เพคะ"
"เช่นนั้นนับ 1 ถึง 180 หากครบก็เปิดฝากินได้เลย"
"เพคะ"
ท่าทางขานรับอย่างว่าง่าย ของสาวใช้ตัวน้อยทำให้หลิ่งฟางเซียงอดที่จะยิ้มกว้างอย่างพอใจไม่ได้ เธอโน้มใบหน้าลงประชิดคนที่กำลังนับเลขแล้วถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
"เจ้าไม่สงสัยหรือว่าข้าเอาของพวกนี้มาจากที่ไหน"
"หม่อมฉันไม่กล้าสงสัยพระชายาเพคะ"
"ดี!"
ถึงแม้จะบอกว่าไม่สงสัยแต่ไป๋เหลียนฮวาที่เติบโตมากลับหลิ่งฟางเซียงย่อมมองออกถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
"พระชายา หม่อมฉันนับถึง 180 แล้วเพคะ"
"เช่นนั้นก็เปิดฝากินกันเถิด"
ดวงตาของไป๋เหลียนฮวาเบิกกว้าง มองคนที่นั่งลงบนพื้นตรงข้ามตนเอง เปิดฝาชามแล้วคีบบะหมี่ใส่ปากด้วยความแปลกใจ ถึงนางกับพระชายาจะเติบโตมาด้วยกัน แต่ก็มีสถานะเป็นนายบ่าว ทั้งชีวิตที่ผ่านมาอีกฝ่ายยึดมั่นถือตนเป็นที่สุด ทว่าตอนนี้กลับนั่งลงบนพื้นร่วมกินบะหมี่กับนาง อย่างไม่ถือตัว ช่างประหลาดนัก แต่เมื่อมองไปในชามตรงหน้าไป๋เหลียนฮวาก็ตื่นตกใจอีกระลอก เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าก้อนแข็งๆ ก่อนหน้านี้ถึงได้กลายเป็นเส้นบะหมี่สีเหลืองน่ากินได้กัน
“ไม่ต้องถามให้มากกินเข้าไปก็พอ”
ใบหน้าของสาวใช้ตัวน้อยขยับขึ้นลงอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะยื่นมือมารับชามและตะเกียบไป เพียงแต่กินบะหมี่ไม่ทันหมดถ้วยด้านนอกก็เกิดเสียงคำรามลั่นของฝืนฟ้า พริบตาสายน้ำมากมายก็ไหลลงมาราวกับฟ้ารั่ว ที่สำคัญก็คือน้ำฝนเหล่านั้นไหลบ่าลงราวกับด้านบนไม่มีหลังคา
“พระชายารีบเสด็จไปหลบฝนบนเตียงก่อนเถิดเพคะ”
ไป๋เหลียนฮวามือหนึ่งประคองคน อีกมือประคองชามบะหมี่รีบพาผู้เป็นนายขึ้นนั่งบนเตียงแข็ง ดวงตาของหลิ่งฟางเซียงเบิกกว้างมองสายน้ำที่ไหลลงมาจากหลังคาจนบนพื้นเจิงนองด้วยความอดสู
ทว่าระบบเกมส์บัดซบนี้คงยังไม่พอใจในความอดสูที่เธอได้รับ ในขณะที่พื้นเบื้องหน้ากำลังจะกลายเป็นอ่างรองน้ำ เสียงคล้ายทารกร้องไห้ก็ดังขึ้น ไป๋เหลียนฮวาเบิกตากว้างไม่เอ่ยอะไรก็รีบวิ่งออกไปในทันที ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับทารกในอ้อมแขน
หลิ่งฟางเซียงยังไม่ทันวิเคราะห์เรื่องราวใดๆ เสียงระบบอัตโนมัติ ก็ดังขึ้นในความคิดอีกครั้ง จนเธอต้องหลับตาขมวดคิ้วยกมือขึ้นกุมขมับ
"อัพเดตข้อมูลโฮสต์"
เรื่องราวต่างๆ พลันหลั่งไหลเข้ามาในความคิดราวกับสายน้ำหลาก ที่แท้หลิ่งฟางเซียงผู้นี้ก็คือพระสนมของอ๋องเฉิน แห่งแคว้นเซียว และเหตุผลที่นางถูกเนรเทศมาตำหนักท้ายวัง ใช้ชีวิตไม่ต่างจากสุนัขเลี้ยงที่ถูกทิ้ง ก็เพราะเมื่อหนึ่งปีก่อนเจ้าของร่างเดิมใช้อำนาจของตระกูลแต่งเข้ามาในจวนอ๋องเฉิน ในคืนเข้าหอยังใช้วิธีสกปรก วางยาบีบบังคับให้เขาร่วมเตียงมีสัมพันธ์ เพียงแต่โชคดีไม่เข้าข้างคนร้ายกาจ วันต่อมาตระกูลหลิ่งถูกอ๋องเฉินยื่นฏีกาตั้งข้อหาฉ้อโกงเสบียงกองทัพ โดนเนรเทศทั้งตระกูล ส่วนหลิ่งฟางเซียงก็ถูกพามากักขังยังตำหนักท้ายวังแห่งนี้
สวรรค์ชะตาของตัวละครหลิ่งฟางเซียงนี้ โหดร้ายเกินไปแล้ว!!
"พระชายาดูเหมือนองค์ชายจะหิวแล้วเพคะ"
องค์ชาย! บัดซบ ร่างนี้ยังมีลูกชายวัยแรกเกิดอีกด้วย!!
แต่แม้ว่าเธอจะด่าทอระบบเกมส์อยู่ในใจมากมายหลายประโยค สุดท้ายหลิ่งฟางเซียงก็ยื่นมือไปรับเด็กชายมาไว้ในอ้อมแขน เมื่อเห็นร่างเล็กที่ซูบผอมในห่อผ้าหยาบแล้วในใจของหลิ่งฟางเซียงก็อดที่จะสงสารเขาไม่ได้
"พระชายารีบป้อนนมองค์ชายเถิดเพคะ"
ป้อนนม ถึงร่างนี้จะเป็นมารดาของเจ้าตัวน้อยจริงๆ แต่เธอไม่ใช่ อีกทั้งดูก็รู้ว่าเต้านมสองข้างไร้ซึ่งน้ำนมไม่อาจทำให้เด็กชายอิ่มท้องได้อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นคนในห่อผ้าจะตัวผอมแห้งราวหนังหุ้มกระดูกเช่นนี้ได้อย่างไร
"คืนนี้ฝนคงตกทั้งคืนเหลียนฮวา เจ้าก็ไปนอนพักเถิด"
"ให้องค์ชายเสวยนมสักหน่อยก่อนเถิดเพคะ แล้วหม่อมฉันจะรับพระองค์ออกไป"
ไป๋เหลียนฮวาร้องขอหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน นางรู้ดีว่าพระชายารังเกียจองค์ชายน้อย ในตอนกลางวันจึงพาเขาออกไปนอนที่นอกเรือน ในตอนกลางคืนก็เอาไปนอนที่ห้องข้าง มีเพียงตอนที่พระองค์หิวจนทนไม่ไหวเท่านั้นจึงจะอุ้มมาหาพระชายาเพื่อขอเสวยนม
"ไม่เป็นไรข้าจะดูแลเขาเอง"
ดูแล ได้ยินผู้เป็นนายกล่าวว่าจะดูแลองค์ชายน้อยด้วยตัวเอง ไป๋เหลียนฮวาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ นับจากที่องค์ชายเกิดมาเป็นเวลาร่วมสามเดือน นอกจากอุ้มป้อนนมเป็นครั้งคราวเพื่อให้เด็กชายสงบเสียง พระชายาก็ไม่เคยแม้แต่จะชายตามองเขาเลย ครั้งนี้ไม่เพียงโอบอุ้มด้วยสายตาอ่อนโยน ยังจะดูแลเขาอีกด้วย
สวรรค์ในที่สุดท่านก็เมตตาองค์ชายน้อยเสียที
เพียงแต่ในขณะที่กำลังสับสนกับการเปลี่ยนไปนี้ของผู้เป็นนาย ผ้าห่มผืนหนึ่งก็ถูกยื่นออกมาตรงหน้า ทำเอาเหลียนฮวาตื่นตระหนกจนหลงลืมความสงสัยก่อนหน้าไปจนหมดสิ้น
"พระชายา ผ้าห่มผืนนี้พระองค์?"
"เจ้าเคยบอกว่าไม่กล้าสงสัยข้า"
"หมะ... หม่อมฉันผิดไปแล้ว"
"ไปนอนเถิด"
"เพคะ"
รอจนสาวใช้คนสนิทจากไป หลิ่งฟางเซียงก็ก้มมองดูเด็กชายในอ้อมแขน ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารจริงๆ มีชีวิตอยู่ในสภาพนี้จะทนได้อีกสักกี่วันกันเชียว มือเรียววาดขึ้นกลางอากาศ
"ระบบร้านค้าออนไลน์เริ่มทำงาน กรุณาเลือกหมวดที่ต้องการ"
ปลายนิ้วขาวกดไปที่ปุ่ม Shopping ก็ปรากฏกล่องข้อความเด้งขึ้นมา
"แจ้งเตือนจากระบบ คูปองส่วนลด 70% ทุกรายการ จะหมดอายุภายใน 10 ชั่วโมง"
นิ้วเรียวกดปิดการแจ้งเตือน จากนั้นเลือกหมวดอาหาร และเข้าไปที่อาหารสำหรับเด็ก ก่อนจะเลือกนมผงจำนวน 20 ถุง แล้วเข้าไปที่หมวดเสื้อผ้าสำหรับเด็ก ซื้อเสื้อผ้ายุคจีนโบราณจำนวน 10 ชุด ตามด้วยของใช้ที่จำเป็น จำพวกขวดนม ที่นอน ผ้าห่ม ยาบำรุงอีกเล็กน้อย
เมื่อกดดูที่ตะกร้าก็พบว่าของที่เธอกดเลือกมานั้นต้องใช้คะแนนแลกถึง 300 คะแนน โชคดีที่เธอมีคูปองส่วนลด 70% อยู่จึงสามารถซื้อของเหล่านี้ได้ ในราคา 90 คะแนน
"เป็นโชคดีของเจ้า หากช้ากว่านี้คูปองหมดอายุ เกรงว่าคงได้ต้มน้ำข้าวให้เจ้ากินแล้ว"
ในเมื่อคูปองส่วนลด 70% ยังสามารถใช้ได้ หลิ่งฟางเซียงจึงตัดสินใจใช้ 10 คะแนนที่เหลือแลกยามาตุนเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน แต่เมื่อมองคะแนนที่หายไปก็รู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อย
ช่างเถิดอย่างน้อยก็ได้ใช้ในช่วงที่มีส่วนลด ถือว่าคุ้มค่าที่สุดแล้ว
ดวงตากลมโตก้มลงสบดวงตาใสของเด็กน้อยบนตัก แล้วถอนหายใจก่อนจะจัดการชงนมให้เขา แรกเริ่มเด็กชายไม่คุ้นชินกับการดูดจากขวดนม จึงงอแงและต่อต้านอยู่เล็กน้อย เพียงแต่ผ่านไปไม่นานเมื่อได้ลิ้มรสของนมในขวดก็เปลี่ยนเป็นดูดกินจนแก้มผอมตอบลึกกว่าเดิม
"ค่อยๆ กินเดี๋ยวจะท้องอืด"
หลิ่งฟางเซียงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทั้งที่รู้ว่าเด็กน้อยไม่เข้าใจในคำพูดของตน เพียงแต่เด็กชายบนตักกลับคล้ายรับรู้คำพูดของเธอ และตอบรับด้วยการหยุดดูดนมทำให้หญิงสาวรู้สึกตื่นตกใจอยู่ไม่น้อย
"ช่างเป็นเด็กที่รู้ความจริงๆ เอาเถอะต่อไปฉันจะเลี้ยงดูเธอให้เป็นเด็กอ้วนจ้ำม่ำเลยทีเดียว"
.........................................................