"แอ๊ะๆ !!"
เด็กน้อยในเปลส่งเสียง ราวกับกำลังขานรับคำสอนของพระมารดา หลิ่งฟางเซียงเห็นแล้วก็อดที่จะจับแก้มตอบของเขาเบาๆ ไม่ได้
"แอ๊ะๆ !!"
เด็กน้อยในเปลส่งเสียง ราวกับกำลังขานรับคำสอนของพระมารดา หลิ่งฟางเซียงเห็นแล้วก็อดที่จะจับแก้มตอบของเขาเบาๆ ไม่ได้
"หม่อมฉันจะรีบพาองค์ชายไปล้างตัวเปลี่ยนฉลองพระองค์ตัวใหม่เพคะ"
กล่าวจบไป๋เหลียนฮวาก็รีบรับเด็กชาย หากแต่ในจังหวะที่จะเดินออกไป ตะกร้าไม้สานใบหนึ่งก็ถูกส่งมา ไป๋เหลียนฮวามองดูข้าวของภายในด้วยความสงสัย หลิ่งฟางเซียงจึงค่อยๆ อธิบายสิ่งต่างๆ โดยหยิบออกมาทีละชิ้น
"สิ่งนี้เรียกว่าสบู่เหลว เหมือนเจ้าล้างตัวให้เสี่ยวอันแล้ว ก็ใช้สิ่งนี้ประมาณหนึ่งอุ้งมือ ถูลงบนตัวเขาให้ทั่ว แล้วล้างออกให้หมด"
อธิบายสิ่งแรกจบมือเรียวขาวก็หยิบผ้าเนื้อหนานุ่มผืนต่อไปออกมา
"สิ่งนี้เรียกว่าผ้าเช็ดตัว เมื่อเจ้าล้างสบู่บนตัวเสี่ยวอันหมดแล้วก็ใช้ผ้าผืนนี้ห่อตัวเขา แล้วนำน้ำยาสระผมขวดนี้เทใส่มาประมาณ 2 หยดชำระเส้นผมให้เขา"
"น้ำยาสระผมคือสิ่งใดหรือเพคะ"
"คือน้ำยาที่ช่วยทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะ แม้ว่าเสี่ยวอันจะยังเด็ก เส้นผมมีไม่มากแต่ก็ต้องดูแลหนังศรีษะให้สะอาด"
"หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ แล้วขวดน้ำใสๆ นี่คือสิ่งใดหรือเพคะ"
"นี่คือน้ำมันทาตัว ผิวของเด็กน้อยบอบบาง ยามอากาศเย็นอาจจะแตกระแหงเป็นแผลได้ อาบน้ำให้เขาเสร็จแล้วเจ้าก็ใช้สิ่งนี้ทาให้ทั่วตัวเขา ก่อนจะใส่เสื้อผ้าให้เขา"
ดวงตาของไป๋เหลียนฮวาเบิกกว้างมากขึ้นมองดูชุดของเด็กชายแรกเกิดที่แม้จะมีการตัดเย็บที่เรียบง่ายแต่เนื้อผ้าที่ใช้กับเป็นผ้าไหมไห่ลู่ ผ้าไหมที่หายากและมีราคาสูงถึงม้วนละ 10 ตำลึงเงินเลยทีเดียว
"พระชายาข้าวของพวกนี้"
"เหลียนฮวา นี่เจ้ากำลังสงสัยข้า?"
ไป๋เหลียนฮวาก้มหน้าลงในทันที หากกล่าวกันตามความจริง จะบอกว่าตัวนางไม่สงสัยในตัวของพระชายาเลยก็คงเป็นเรื่องโกหก เพราะไม่เพียงแต่นิสัยที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ก็ปรากฏเพิ่มขึ้นมาราวกับเสกได้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นตัวนางในฐานะสาวใช้ผู้หนึ่งก็ไม่มีสิทธิ์ถามใครสงสัยผู้เป็นนาย สุดท้ายจึงทำเพียงตอบรับด้วยน้ำเสียงนอบน้อมเช่นปกติ
"หม่อมฉันมิกล้าเพคะ"
หลิ่งฟางเซียงย่อมสัมผัสได้ถึงความสงสัยในแววตาของสาวใช้ตรงหน้า แต่เพราะไม่รู้ว่าจะใช้เหตุผลใดในการปฏิเสธหรืออธิบายข้อสงสัยของอีกฝ่าย ดังนั้นหลิ่งฟางเซียงจึงจำต้องใช้วิธีการข่มขู่เช่นเดิม ทว่าหลังทำลงไปแล้วก็ได้แต่กล่าวขอโทษหญิงสาวในใจ
"เช่นนั้นก็รีบไปจัดการเถอะ"
"เพคะ"
หลิ่งฟางเซียงมองตามร่างสาวใช้ที่เดินออกไปแล้วถอนหายใจอยากโล่งอก ก่อนจะกวาดสายตามองพิจารณาไปยังรอบๆ ตัวด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้รอยรั่วบนหลังคาซ่อมแซมเสร็จหมดแล้ว ต่อให้วันหน้าต้องเจอพายุใหญ่ก็ไม่เกรงกลัวว่าภายในเรือนจะกลายเป็นอ่างเก็บน้ำแบบครั้งก่อนอีก
ดูเหมือนว่าชีวิตดีๆ ของเธอกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ
ทว่าเมื่อเลื่อนสายตาลงมาจากหลังคา รอยยิ้มของบนใบหน้าของเธอก็หายไปในทันที หน้าต่างที่ไร้บานปิด บานประตูที่พังไปแล้วครึ่งหนึ่ง กำแพงที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว
สวรรค์ตำหนักที่แทบจะกลายเป็นเศษไม้หลังนี้ ต้องซ่อมแซมมากมายเพียงไหนกัน
"ได้คะแนนมาครั้งหน้า เห็นทีข้าจะต้องแลกเปลี่ยนอุปกรณ์ช่างมาบ้างแล้ว"
"แจ้งเตือนจากระบบ!! แจ้งเตือนจากระบบ!!"
เมื่อได้ยินเสียงเตือนจากระบบอัตโนมัติดังขึ้น ริมฝีปากของหลิ่งฟางเซียงก็ยกยิ้มกว้างรีบวาดมือขึ้นกลางอากาศ เพื่อเปิดระบบอัตโนมัติ
"กรุณากดรับภารกิจที่ 3!! ปลูกผักสร้างรายได้ 10 ตำลึงเงิน"
หลิ่งฟางเซียงกดรับภารกิจแล้วหมุนตัวเดินออกไปสวนหลังตำหนักด้วยสีหน้าสดใสร่าเริง หากจำไม่ผิดเกมนี้มีภารกิจเพียงแค่ 10 ด่านเท่านั้น ในตอนนี้เธอฝ่าฟันมาถึงภารกิจที่ 3 แล้ว เช่นนั้นอีกไม่นานก็จะสำเร็จ และผ่านด่านทั้งหมดได้
โบนัส 10,000 หยวนของเธออยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว!!
ทว่าเมื่อเห็นพื้นที่รกร้างที่มีหญ้าสูงเป็นจั้งรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแห้งในทันที ประเมินแล้วหากจะจัดการพื้นที่รกร้างตรงนี้ให้พร้อมสำหรับการเพาะปลูกคงต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ซึ่งก็จะเลยช่วงฤดูกาลเพาะปลูกไปแล้ว เช่นนั้นเธอจะทำอย่างไร คงไม่ต้องรอไปจนถึงปีหน้าจึงสามารถเริ่มภารกิจที่ 3 ได้ใช่หรือไม่!!!
ในขณะที่กำลังท้อแท้กับชะตาอันแสนอาภัพนี้ สายตาของหลิ่งฟางเซียงก็หันไปเห็นโอ่งดินสี่ห้าใบตั้งวางเรียงอยู่ริมกำแพง ดวงตากลมเปล่งประกายยินดีในทันทีเมื่อนึกถึงเมล็ดพันธุ์ที่ตนเองซื้อมาเมื่อครั้งก่อน
ในเมื่อที่ดินตรงหน้ายังไม่พร้อม เช่นนั้นก็ยังไม่ต้องปลูกในดิน
.............................................
ไป๋เหลียนฮวาจัดการอาบน้ำล้างตัว แต่งกายให้กับองค์ชายน้อยเสร็จก็รีบอุ้มคนเข้าไปในห้องของพระชายา ทว่าเมื่อเข้ามาภายในห้องกลับพบเพียงความว่างเปล่า ด้วยความร้อนใจจึงรีบตามหาคนไปทั่วทั้งตำหนัก
"พระชายา! พระชายาเพคะ!"
"เหลียนฮวา ข้าอยู่นี่!!"
เสียงขานรับนำมาจากด้านหลังของตำหนัก ไป๋เหลียนฮวาจึงรีบวิ่งไปทางต้นเสียงแต่กวาดตามองไปทางใดก็กลับไม่พบคน
"พระชายา ทรงอยู่ที่ไหนหรือเพคะ!"
"ข้าอยู่นี่!!"
.............................................