“เซ!?” เสียงคุ้นเคยดังแทรกขึ้นมาในขณะเธอกำลังจะโต้กลับ อารมณ์ขุ่นมัวของเซริชะงักค้าง เช่นเดียวกับอรัลที่หันไปมองต้นเสียงพร้อมกัน เหนือเมฆยืนอยู่ไม่ไกล สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“มายืนทำอะไรตรงนี้ พี่เป็นห่วงเราแทบแย่ เห็นว่าออกมานานแล้วกลัวจะเกิดอะไรขึ้นเลยออกมาตาม”
เซริสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามปรับสีหน้าและอารมณ์ให้เป็นปกติ ก่อนจะยิ้มบาง ๆ ให้เหนือเมฆ ราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่มีอะไรค่ะ นี่เซก็กำลังจะกลับเข้าไปข้างในแล้ว”
เหนือเมฆพยักหน้ารับช้า ๆ ก่อนจะปรายตามองอรัลแว็บหนึ่ง สายตาคมของทั้งสองคนสบกันราวเพียงแว็บเดียว ก่อนที่เหนือเมฆจะเอ่ยเสียงเรียบ
“งั้นไปกันเถอะ”
เซริไม่รอช้า รีบก้าวไปหาเหนือเมฆโดยไม่หันกลับไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นแม้แต่นิดเดียว ทิ้งให้อรัลยืนนิ่งอยู่เพียงลำพัง ดวงตาคมของเขาทอดมองแผ่นหลังของเธอที่ค่อย ๆ ไกลออกไป ความรู้สึกบางอย่างปะทุขึ้นในอก ความโกรธ ความโมโห และความรู้สึกที่เขาเองก็ยังอธิบายกับตัวเองไม่ได้ว่ามันคืออะไร
“เซ รู้จักกับผู้ชายคนนั้นเหรอ” เหนือเมฆเอ่ยถาม สายตาที่มองเธอกลับเต็มไปด้วยความสงสัย เขาเห็นเธอคุยกับผู้ชายคนนั้นก่อนที่เขาจะเดินเข้าไป และถ้าจำไม่ผิด คนคนนั้นคือ อรัล รุ่นพี่คนดังของคณะ
“ไม่ค่ะ” คำตอบสั้น ๆ ของเซริทำให้เหนือเมฆเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความแปลกใจแต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
“อื้ม แล้วนี่ทำไมออกมาเดินคนเดียว มันอันตรายรู้ไหม”
“เซ แค่อยากออกมาสูดอากาศเพื่อให้สร่างเมา”
“ดื่มแค่นิดเดียวเมาแล้วเหรอ”
“หึ คออ่อน” เหนือเมฆหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกมือโยกหัวเซริไปมามองเธอด้วยแววตาเอ็นดู ผู้หญิงที่เขาแอบชอบมานาน แต่ไม่เคยกล้าก้าวข้ามเส้นความเป็นพี่น้อง เพราะกลัวว่าเธอจะไม่ได้คิดเหมือนเขา
“ใครจะคอแข็งเหมือนพี่เหนือละคะ” เสียงใส ๆ ของเซริดังขึ้นก่อนที่เหนือเมฆจะยกมือขึ้นขยี้ผมเธอเบา ๆ
“พี่ว่าคราวหลังอย่าดื่มเลยดีกว่า คออ่อนแบบนี้ เดี๋ยวเมาแล้วมีคนฉวยโอกาสขึ้นมาจะทำยังไง”
เซริมองเขาก่อนจะเม้มปากเล็กน้อย เธอรู้ดีว่าเหนือเมฆเป็นห่วงเธอเสมอ เขาดูแลเธอดีมาตลอดตั้งแต่ปีหนึ่ง ในฐานะพี่รหัสที่แสนดีแต่บางครั้งความห่วงใยของเขาก็มากเกินไปหน่อย มากจนเธอรู้สึกอึดอัด
“เซดูแลตัวเองได้ค่ะ พี่เหนือไม่ต้องห่วงขนาดนั้นก็ได้”
“พูดแบบนี้แปลว่าอยากให้พี่เลิกห่วงเหรอ” เหนือเมฆเลิกคิ้วมองเธอด้วยรอยยิ้ม แต่ด้วยดวงตาของเขากลับสะท้อนความน้อยใจ
“เปล่าค่ะ พี่เหนือสนใจได้แต่เซไม่อยากให้พี่เหนื่อยกับเซเกินไป เดี๋ยวหาแฟนไม่ได้จะมาโทษเซเอา”
เหนือเมฆถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยิ้มจาง ๆ
“เฮ้อ... ดื้อ”
“กลับเข้าห้องกันเถอะค่ะ ป่านนี้หอมกับทุกคนคงเป็นห่วงแย่แล้ว” เซริเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะหันหลังเดินนำกลับไปที่ห้อง VIP
เหนือเมฆพยักหน้ารับแล้วก้าวตามไป แต่ก่อนที่เซริจะเปิดประตูเข้าไป เธอกลับอดไม่ได้ที่จะหันกลับมองไปทางเดิมที่เธอเพิ่งจากมา
ตรงนั้นว่างเปล่า อรัลไม่ได้ยืนอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่เห็นตัวแต่เธอกลับรู้สึกได้ว่าสายตาคู่นั้นยังคงมองเธออยู่ตลอดเวลา
หลังจากกลับมาที่โต๊ะอรัลก็เอาแต่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มไม่หยุด แต่ไม่ว่าจะดื่มไปเท่าไหร่ภาพที่เธอเดินไปกับผู้ชายคนนั้นก็ยังติดตา
เหนือเมฆ... ผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรกับเธอ แค่พี่รหัส หรือมากกว่านั้น??
อรัลกัดฟันแน่น รู้สึกหงุดหงิดโดยไม่มีเหตุผล ไม่ชอบที่เห็นเธอเดินไปกับผู้ชายคนอื่น ไม่ชอบที่เธอทำเหมือนไม่สนใจเขาและที่ไม่ชอบที่สุดคือเขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
“ไอ้ห่ารัล มึงเป็นอะไรของมึง” เสียงภีมดังขึ้นขัดความคิดอันสับสนวุ่นวาย อรัลเหลือบมองเพื่อนก่อนจะตอบเสียงเรียบ
“เปล่า”
“เปล่าพ่อง” ภีมเลิกคิ้ว มองสีหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายแล้วหัวเราะขำ
“มึงหงุดหงิดที่เห็นน้องเขาเดินไปกับคนอื่น หรือเพราะมึงดันสนใจเขาขึ้นมาจริง ๆ วะ”
“พูดมาก!!” อรัลขมวดคิ้วตวัดสายตามองเพื่อนอย่างขู่กลาย ๆ
“เออ ๆ กูไม่พูดก็ได้” ภีมยักไหล่ยอมแพ้ แต่รอยยิ้มขำ ๆ ยังไม่หายไปจากใบหน้า
“แต่กูบอกเลยนะ หน้ามึงแม่งฟ้องฉิบหาย”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ของภีมทำให้อรัลหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม เขาเบือนหน้าหนีแล้วยกแก้วเหล้ากรอกเข้าปากอึกใหญ่ หวังให้แอลกอฮอล์ช่วยดับความร้อนรุ่มที่เดือดพล่านอยู่ในอก
“มึงไม่สนใจน้องเขาจริง ๆ ก็ไม่เป็นไร”
คราวนี้เป็นเก้าที่พูดขึ้นมาบ้าง ชายหนุ่มที่นั่งเงียบมานานจ้องมองอรัลด้วยสายตารู้ทัน ก่อนจะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วทิ้งท้ายอย่างจงใจ
“แต่ถ้าสนใจแล้วมัวแต่นิ่ง ระวังจะโดนคนอื่นคาบไปแดกนะเว้ย”
นับตั้งแต่วันที่เจอเขาที่ผับ ดูเหมือนว่าเธอจะเจออรัลบ่อยขึ้นจนน่าแปลกใจ ทั้งที่เธอเรียนที่นี่มาสองปีแต่ไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยสักครั้ง แต่พอเจอกันครั้งหนึ่งแล้วกลับต้องเจอกันบ่อยเสียอย่างนั้น
เหมือนตอนนี้... สายตาของเซริเหลือบไปเห็นอรัลนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่โต๊ะหน้าคณะ ท่าทางเขาดูสบาย ๆ ต่างจากวันนั้นที่เขาเต็มไปด้วยท่าทีเย็นชาและคำพูดเชิงดูถูกจนทำให้เธอหงุดหงิด
“ไอ้เซ มองอะไรน่ะ??” น้ำหอมที่เดินข้าง ๆ เอ่ยถามก่อนจะมองตามสายตาเธอไป
“เปล่า” เซริรีบละสายตาแล้วหันไปหาน้ำหอมแทน “เลิกเรียนแล้วหอมจะกลับเลยไหม”
“ยังอ่ะ หอมจะชวนเซไปเที่ยว”
“เที่ยว?? ที่ไหนอีกละ” เซริขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“น่านะ ไปเที่ยวกับหอมหน่อย” น้ำหอมยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย
“ไปไหนล่ะ”
“รับปากก่อนแล้วจะบอก”
เซริหรี่ตามองเพื่อนด้วยสายตาจับผิด เพราะทุกครั้งที่น้ำหอมชวนไปเที่ยวมักจะเป็นที่ที่เธอคาดไม่ถึง แถมยังชอบพาเธอไปเจอเรื่องแปลก ๆ อีกต่างหาก
“ไม่บอกก่อนแล้วใครจะรับปาก”
“ก็ได้… ไปผับ” น้ำหอมลากเสียง ก่อนจะเฉลยออกมา
“ผับ?? ไปทำไม” เซริเลิกคิ้วขึ้นสูง
“ไปถือศีลมั้ง ถามได้ไปผับก็ต้องไปเที่ยวสิ”
“เซไม่อยากไป” เธอส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย ผับเป็นสถานที่ที่เธอไม่อยากไปมากที่สุด
“น่านะเซ ไปเป็นเพื่อนหอมหน่อย” น้ำหอมเกาะแขนเธอแล้วเริ่มออดอ้อน
“เซจะให้หอมไปคนเดียวเหรอ ไม่ห่วงเหรอ ถ้าหอมเมาแล้วโดนล่อลวงจะทำยังไง”
“ก็ไม่ต้องไป”
“แต่หอมอยากไปแดนซ์ อยากดิ้ง อยากฟังเพลงเพราะ ๆ ส่องผู้ชายหล่อ ๆ”
“เฮ้อ…” เซริถอนหายใจยาวพลางส่ายหัวให้กับความเอาแต่ใจของเพื่อนสนิท
“เซไม่รัก ไม่ห่วงหอมแล้วเหรอ”
เซริกอดอกแล้วมองหน้าน้ำหอมอย่างชั่งใจ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ อย่างยอมแพ้ในที่สุด เพราะคำว่ารักและเป็นห่วงเพื่อนนี่แหละทำให้เธอปฏิเสธไม่ลงเลยสักครั้ง
“ก็ได้”
“เย่!!!” น้ำหอมแทบจะกระโดดกอดเธอ
“แต่… ห้ามเมา ห้ามกลับดึก” เซริย้ำเสียงเข้ม
“ได้ ๆ ตามใจเซเลย”
“แล้วก็…” เซริมองหน้าเพื่อนอย่างจริงจัง “ไม่เอาชุดโป๊ ๆ แบบวันนี้อีกแล้วนะ”
“โอ๊ยยย ได้เลย ไม่โป๊ ๆ ตามใจแม่สาวเรียบร้อยของหอม”
แม้จะรับปากแบบนั้น แต่แววตาเจ้าเล่ห์ของน้ำหอมทำให้เซริเริ่มรู้สึกว่าคำว่า ‘ตามใจ’ ของเพื่อนคนนี้ ไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย