Chapter 4: ค่าสักยันต์

2135 คำ
มิลาดาหรี่ตามองชายหนุ่มหล่อเข้มที่ท่อนบนเปลือยเปล่าด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย “เดินเข้ามานั่งใกล้ ๆ มีอะไรก็ว่ามา เวลากูมีน้อย” กันภัยพูดเสียงเรียบ สายตาล็อกเข้ากับมิลาดาและดูเหมือนสาวน้อยหน้าใสจะไม่ใคร่อยากตอบคำถามของเขานักเพราะเธอขมวดคิ้วแล้วปิดปากเงียบกริบ “เมื่อกี้เห็นพูดฉอด ๆ ถามหาคนแบบไม่เกรงใจ ตอนนี้ทำไมเงียบเสียล่ะ? มึงลืมเหรอว่าคนเขาพูดกันยังไง?” กันภัยถามต่อ พินิจพิจารณาสาวน้อยที่ตรงหน้าทีละส่วน หน้าตาเธอดูน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย ใบหน้าเล็กมน ดวงตาสีน้ำตาลแต่ผมสีดำขลับ ใต้ตาดูคล้ำเหมือนคนอดนอน ผิวเนื้อขาวอมชมพู ดูก็รู้ว่าเป็นลูกผสมไม่ใช่ไทยแท้แต่ตัวเล็กบาง อาจจะมีอกกับสะโพกที่ดูเต็มไม้เต็มมือแต่โดยรวมก็ยังถือว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็กอยู่ดี และดูแล้วน่าจะอายุอ่อนกว่าเขาหลายปี “ไม่ได้ลืมการพูดแบบคนเขาพูดกันหรอกค่ะ แต่ไม่อยากพูดกับคนหยาบคาย เพิ่งเจอกัน ไม่มีเรื่องอะไรกันก็ขึ้นกูขึ้นมึงแล้ว หน้าตาก็หล่อดี แต่พอพูดออกมาความหล่อลดไปครึ่งหนึ่งเลยค่ะ” มิลาดาเดินไปใกล้เขาก่อนจะถอดกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ด้านหลังออก วางลงแล้วทรุดตัวลงนั่งเบื้องหน้าของเขา ความตื่นตกใจที่เพิ่งเห็นเขาและสาวสวยอีกคนนัวเนียกันอยู่ลดลงไปมาก และถึงเขาจะดูดุดันแต่มิลาดาก็กลัวเขาน้อยกว่าวิญญาณร้ายที่ตามหลอกหลอนเธออยู่หลายขุมนัก “กูก็พูดของกูแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร พ่อกู ปู่กู ไม่เห็นมีใครว่ากูสักคน มึงเป็นใครมาว่ากู?” กันภัยขมวดคิ้วแล้วถามสาวตัวเล็กที่บัดนี้นั่งอยู่ตรงหน้า ระดับสายตาเสมอกับเขา “ก็ไม่ได้เป็นใครหรอกค่ะ แค่อยากคุยกันแบบคนปกติเขาคุย ไม่ขึ้นมึงขึ้นกู” สาวน้อยยักไหล่บอกเขาแล้วทำตาใส กันภัยส่งเสียงจิ๊จ๊ะก่อนที่จะเริ่มพูดอย่างขัดใจ “ไม่ให้พูดมึงกูแล้วจะให้เรียกแทนกันว่าอะไร?” “คุณแก่กว่าก็แทนตัวเองว่า ‘พี่’ ก็ได้นี่คะ แล้วเรียกหนูว่า ‘น้อง’ หรือจะใช้ ‘คุณ’ กับ ‘ผม’ ก็ได้ ไม่เห็นต้องกูมึงเลย” มิลาดาเสนอ “งั้นกลับไปเลยไป กูพูดไม่ได้” กันภัยตอบสั้น ๆ แล้วลุกขึ้นยืน “อ๊ะ! อ้าว! อย่าเพิ่งไปไหนสิคะ คุยกันก่อน” มิลาดาส่งมือเล็ก ๆ ไปกระตุกชายผ้าถุงเขาเบา ๆ เมื่อเห็นหมอยันต์หนุ่มจะเลิกสนใจเธอจริงจัง “กูก็คุยแล้วไง ถามแล้วว่ามาหาเรื่องอะไร มึงไม่อยากบอกกูเอง ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก กลับบ้านไป วันนี้กูสักยันต์มาทั้งวัน กูเหนื่อย” กันภัยพูดอย่างรำคาญใจ พอเขารุกไล่เธอก็ทำท่าจะถอยหนี แต่พอเขาจะถอยหนีเธอก็ตามตื๊อเขาเสียได้ “ก็... หนูไม่อยากพูดกับคนที่เรียกหนูว่ามึงนี่คะ แต่หนูอยากพูดกับหมอยันต์กันภัย” มิลาดาตอบเขาเสียงจ๋อย เธอช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างน่าสงสาร แม่ง... น่าสงสารกว่าลูกแมวที่ติดอยู่บนต้นไม้หน้าบ้านกูเมื่อวันก่อนอีก กันภัยขมวดคิ้วมองมิลาดาพร้อมกับถอนหายใจก่อนจะนั่งกลับลงไปที่เดิม “มีไม่กี่คนหรอกนะที่รู้ว่ากูชื่อกันภัย ใครเป็นคนบอกมึง? แล้วมึงมาหากูเรื่องอะไร?” เขาถามเสียงเรียบ “เออ... ยายของหนูบอกให้หนูมาหาหมอยันต์กันภัยที่นี่ค่ะ มาขอให้หมอสักยันต์ให้” เธอเกริ่นขึ้นมาก่อน “ชื่ออะไร?” หมอยันต์หนุ่มถามสั้น ๆ “ชื่อยายเม่นค่ะ มาลินี” “กูไม่ได้หมายถึงยายของมึง กูถามว่ามึงน่ะ ชื่ออะไร เข้าใจยากจริงเชียว ยัยเด็กทึ่ม!” กันภัยต่อว่าเธอพร้อมส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา “อ้อ! หนูชื่อมิลาดาค่ะ เรียกดาร์ลิงก็ได้ค่ะ” มิลาดากุลีกุจอตอบเขา “พ่อแม่บ้านไหนตั้งชื่อลูกสาวว่าลิงบ้าง ดูท่าทางจะเพี้ยนทั้งบ้าน” กันภัยพูดเหมือนบ่นกับตัวเองแต่มิลาดาได้ยินชัดเต็มสองหูจึงโต้ตอบเขาทันที “ดาร์ลิงค่ะ ดาร์ลิงที่แปลว่าที่รัก ไม่ใช่ ‘ลิง’ ค่ะ ภาษาอังกฤษค่ะ” สาวน้อยทำหน้ามุ่ยแล้วท้วงเขา ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มที่กำลังปั้นปึ่งทำให้กันภัยรู้สึกเอ็นดูเธอเพิ่มมากขึ้นอีกนิดหน่อย “ดาร์ลิงก็ดาร์ลิง แล้วจะให้สักยันต์แบบไหนล่ะ? ยันต์เรียกทรัพย์ ยันต์มหาเสน่ห์ หรือยันต์เสริมดวง?” เขาถามเธอต่อ “เออ... ยันต์กันผีค่ะ” สาวน้อยหลบสายตาเขาแล้วบอกออกไป ตอนนี้หมอกันภัยต้องคิดว่าหนูบ้าแน่ ๆ ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนจะมาขอให้สักยันต์กันผี เธอคิดในใจ ไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอเสียสติ “ยันต์กันผี?” กันภัยเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแล้วถามเธอ “ค่ะ... กันผี... ผีดุด้วยค่ะ” มิลาดาตอบเสียงเบา “แพงนะ ล้านห้า ไหวไหม? รอคิวเดือนหน้า” เขาบอกจำนวนเงินพร้อมลำดับการสักทันที “งื้ออออ... ล้านห้าเลยเหรอคะ? หนูไม่ไหว” มิลาดาตอบพร้อมครางเหมือนลูกหมาตัวน้อย เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแล้วทำตาละห้อย “เฮ้อ... ห้าแสน นี่ลดให้แล้ว ปกติยิ่งผีเฮี้ยน ยิ่งต้องใช้พลังอาคมในการลงยันต์สูง ห้าแสนนี่เหมือนกูสักให้มึงฟรีเลยนะ” กันภัยถอนหายใจแล้วตัดราคาให้เธอ “งื้อออ... ห้าแสนก็ยังแพงไปค่ะ ขอสัก...” มิลาดายังคงต่อรอง “สักเท่าไหร่?” กันภัยนิ่วหน้าแล้วถาม “สักห้าพันได้ไหมคะ?” “เหี้ยแล้วมึง! ค่าสักล้านห้า มึงต่อกูเหลือห้าพันเนี่ยนะ ขืนกูให้มึงคนอื่นที่เขาสักกับกูมิด่ากูตายหรือ มึงกลับบ้านมึงไปเลย มีเงินแล้วค่อยมาคุยกัน” กันภัยลุกขึ้นแล้วก้าวเท้าเดินออกไปทันที ไม่รอเวลาให้มิลาดารั้งเขาให้อยู่ต่อเหมือนคราวแรก “เดี๋ยวค่ะหมอกันภัย! สักให้หนูเถอะนะคะ หมอจะให้หนูทำอะไรชดใช้ค่าสักก็ได้ค่ะ หนูทำเป็นหมดนะคะ งานบ้าน งานครัว ถ้าหมอไม่ช่วยหนู หนูต้องโดนไอ้ผีบ้านั่นจับไปเป็นเมียมันแน่ค่ะ ถ้าหมอไม่ช่วยหนูก็ไม่มีใครช่วยหนูได้แล้วนะคะ” มิลาดาร้องโวยวายแล้วรีบลุกขึ้นวิ่งเข้าไปกอดเอวหมอยันต์หนุ่มรูปหล่อ รั้งไม่ให้เขาไปไหนอย่างสุดชีวิต “ไอ้ผีนั่นจะจับมึงเป็นเมียหรือ? เด็กกะโปโลอย่างมึงเนี่ยนะ?” กันภัยเอี้ยวตัวหันไปมองหน้าสาวน้อยที่กำลังกอดเอวสอบของเขาอยู่ด้วยความคลางแคลงใจ จะว่าไปเธอก็มีหน้าตาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ออกจะน่าเอ็นดูเสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยขีดกั้นแบ่งแยกระหว่างคนและผีเขาจึงไม่เห็นเหตุการณ์ที่ผีจะติดใจคนจนอยากสมสู่ด้วยสักเท่าไหร่นัก เว้นแต่... “มึงเคยผูกจิตอธิษฐานจะรักใครจนวันตายหรือเปล่า? ผีห่านั่นมันอาจตามติดมึงเพราะมึงเคยสาบานอะไรไว้กับมันก่อนตายก็ได้ ผู้หญิงก็เป็นเสียแบบนี้ ชอบสัญญาสาบานพล่อย ๆ พอเกิดเรื่องขึ้นมาถึงค่อยหาทางแก้” ปากของกันภัยต่อว่าเธอแต่น้ำเสียงเขาอ่อนลงมาก “หนูจะไปผูกจิตสาบานอะไรกับใครได้คะหมอ? เกิดมายังไม่เคยมีแฟน พอแตกเนื้อสาวไอ้ผีบ้านั่นก็ตามรังควานจนหนูใช้ชีวิตแบบเด็กสาวทั่วไปไม่ได้ นับวันก็ยิ่งหนักข้อขึ้น จนยายของหนูต้องส่งหนูมาหาหมอยันต์กันภัยนี่แหละค่ะ” มิลาดาเล่าให้เขาฟังแล้วทำปากคว่ำ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ กันภัยได้แต่ถอนหายใจแกะมือเธอออกจากเอวของเขาก่อนจะหันตัวกลับมาพูดกับเธอดี ๆ “ช่วงนี้กูงานเยอะ ไม่มีเวลาดูแลลูก ๆ เลย มึงมาช่วยเตรียมขันข้าวขันน้ำ ดูแลลูก ๆ ของกูก็แล้วกัน สักปีหนึ่ง แล้วกูจะสักให้มึงฟรี ๆ มึงว่ายังไง?” เขาถามเธอ ยิ่งเห็นมิลาดาทำน้ำตาคลอเบ้าเขายิ่งสงสารเธอจับใจ ไม่บอกก็รู้ว่าไอ้ผีห่าซาตานนั่นคงเล่นงานเธอหนักจนสาวน้อยต้องทนทุกข์มากมายขนาดไหน “ได้สิคะ หมอมีลูกกี่คนคะ? หนูจะเลี้ยงดูปูเสื่อให้หมดเลยค่ะ ลูกของหมอชอบกินอะไรหนูจะทำประเคนให้ทุกวันเลยค่ะ ขอแค่หนูโทรรายงานยายเม่นของหนูให้รับรู้ว่าหนูจะมาทำงานบ้านหมอแค่นั้นก็พอค่ะ เออ... แล้วแม่ของลูก ๆ หมอ หนูต้องดูแลด้วยไหมคะ?” มิลาดายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ยังไม่ทันร่วงแล้วรับคำเขาด้วยความร่าเริงพร้อมกับถามถึงภรรยาของหมอยันต์รูปหล่อ “ลูกกูมีอยู่สองตน ชื่อไอ้แก้วกล้าและไอ้ทองแท่ง พวกมันไม่มีแม่ กูปลุกเสกมันขึ้นมาเองกับมือ” หมอยันต์หนุ่มยกยิ้มที่มุมปากแล้วดีดนิ้วดังเป๊าะก่อนที่จะมีควันจาง ๆ ปรากฏขึ้นข้างกายเขาพร้อมเสียงเด็กชายตัวน้อยสองคนหัวเราะคิกคักดังขึ้นข้างตัวของมิลาดา “ไม่มีแม่พ่อก็หาแม่ให้แก้วกับทองสิจ๊ะ นี่หรือเปล่าแม่ของแก้วกับทอง?” เด็กน้อยตัวกลมแก้มแดง อายุอานามไม่น่าเกินห้าขวบ ไว้ผมจุก ท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนล่างนุ่งโจงสีเงินดังขึ้น “ไอ้แก้ว หยุดเลย! พ่อบอกว่าให้มาดูแลพวกเรา จะมาเป็นแม่ได้ไง?” เสียงเด็กอีกคนหน้าตาเหมือนกันเป๊ะ รูปร่างอ้วนกลมพอกันแต่ไว้ผมแกละและนุ่งโจงสีทอง ดังขึ้นแทรก มิลาดายกมือขึ้นทาบอกปากสั่นทำท่าจะเป็นลมทันที “ละ... ละ... ลูก... ลูกของหมอเป็นผีเหรอคะ?” เธอทำหน้าราวกับจะร้องไห้ “ไม่ได้เป็นผีเสียทีเดียว เป็นกุมาร ให้อยู่เลี้ยงกุมารปีหนึ่ง แลกกับสักยันต์กันผีให้มึง มึงจะเอาไหม?” กันภัยถามเสียงเข้ม “ตะ... ตะ... ตกลงค่ะ... แต่ตอนนี้หนูไม่ไหว หนูไม่เคยเจอผีเด็กค่ะ หนู... หนู... หนู... กลัว” มิลาดาพูดแล้วเป็นลมหมดสติ เข่าทรุด ร่างร่วงทันที ดีที่กันภัยว่องไวขยับตัวเข้าไปรับร่างเล็กของเธอก่อนที่จะกระทบกับพื้น “เฮ้ย! มึงเป็นอะไร? นังลูกลิง! ตื่นขึ้นมาก่อน โธ่โว้ย! จะให้มาเลี้ยงไอ้แก้วไอ้ทอง แค่เจอหน้ากันก็เป็นลมเสียแล้ว จะไหวไหมเนี่ย?” กันภัยพยายามปลุกสาวน้อยให้ตื่นขึ้น แต่มิลาดากลับไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นคืนสติง่าย ๆ “พ่อจ๋า ขวัญอ่อนแบบนี้เห็นทีจะอยู่กับเราไม่รอดหรือเปล่าจ๊ะ?” ร่างอ้วนกลมของทองแท่งลอยมากระซิบถามพ่อที่ข้างหู “แม่เขาแค่ไม่คุ้นกับเรา ต้องให้เวลาแม่ปรับตัว” กุมารแก้วกล้าลอยขึ้นมาข้างพ่อแล้วพูดขึ้นอีก “ใครใช้มึงเรียกนังเด็กนี่ว่าแม่?” กันภัยถามแก้วกล้าเสียงดุ “อ้าว! ก็พ่อไม่เคยให้ใครมาดูแล มาเป็นแม่ให้แก้วกับทอง นี่อนุญาตให้มาอยู่ดูแล ถ้าไม่ให้เรียกแม่ จะให้เรียกยายเหรอจ๊ะ?” แก้วกล้าถามพ่อกลับ “กวนตีนนะมึงไอ้กุมารเวร ไปเฝ้าด้านล่างเลย กูจะพาแม่มึง เอ๊ย! นังเด็กนี่ไปนอนพักก่อน ได้สติเมื่อไหร่ค่อยเจรจากันอีกที” กันภัยสั่งสองกุมารเสียงเข้ม ก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าจิ้มลิ้มสะสวยที่นอนสลบอยู่ในวงแขนของเขา นี่กูรับเคสสักผิดหรือเปล่าวะเนี่ย? แทนที่จะได้เงิน กลับได้ภาระมาเพิ่มหรือเปล่าวะกู ไอ้หมอก้าน?!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม