พระพายสะดุ้งตื่นในช่วงหกโมงเช้าตามสันชาตญาณ เมื่อร่างเล็กเริ่มขยับก็พลันรู้สึกปวดระบมไปทั้งตัวโดยเฉพาะช่วงล่าง และคงเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่แม่เลี้ยงร่วมมือกับลูกน้องของเสี่ยสมบูรณ์ ใส่ลงในเหล้าให้เธอดื่ม ทำให้ยังรู้สึกเวียนศีรษะอยู่เล็กน้อย แต่ทว่าภาพอันเร่าร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อคืนกลับชัดเจนอยู่ในความทรงจำ
หญิงสาวปิดเปลือกตากร่นด่าตัวเองในใจว่าทำอะไรลงไปเนี่ย ทำไมถึงควบคุมตัวเองไม่ได้
และที่น่าอายมากที่สุด คือเธอเป็นคนร้องขอให้อีกฝ่ายพรากความบริสุทธิ์ไปด้วยถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากของเธอเอง
แต่แล้วดวงตากลมโตก็เบิกโพลงขึ้น เมื่อนึกถึงเจ้าของแก่นกายใหญ่ที่ถาโถมใส่น้องสาวของเธอจนแสบขัด มือเล็กจับผ้าปูที่นอนขึ้นคลุมทั้งตัวอย่างมิดชิด ในขณะที่ดันกายลุกขึ้นนั่งสำรวจไปรอบ ๆ
ในห้องนอนไม่พบใคร เธอไม่มั่นใจว่าเขาจะกลับออกไปหรือยัง เธอจึงลุกออกจากเตียงด้วยความเร่งรีบ ทว่าช่วงล่างแสบระบมจนเดินไม่ถนัด หยิบเสื้อผ้าที่มันควรกระจัดกระจายอยู่บนพื้น แต่ทว่ากลับถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง เข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านหน้าเพียงไม่กี่ก้าว
พระพายรีบใส่เสื้อผ้าจะได้ออกไปจากที่นี่เสียที เรื่องที่พลาดไปแล้วมันคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่พอเปิดประตูออกมาก็สบเข้ากับดวงตาคมของคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาตลอดทั้งคืน เพราะมาคัสไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน จึงทำได้แค่ดื่มเหล้าแก้ง่วงแล้วรอให้เธอตื่น
คราวนี้พระพายได้เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดยิ่งกว่าภาพระดับ 4K
ใบหน้าหล่อลูกครึ่ง ดวงตาสีเทาอมฟ้า จมูกโด่งเป็นสัน ผิวหน้าขาวไม่ต่างจากสีผิวของเธอ ยิ่งทำให้ใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงก่ำอย่างเสียอาการ
เพราะเขาคือเจ้าของบริษัทที่เธอเพิ่งฝึกงานเสร็จเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนนั่นเอง
พระพายไม่รู้จะทำตัวอย่างไร เธอยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับเท้าเดินไปข้างหน้า จึงแสร้งทำเป็นลืมทุกสิ่งเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
“ขอโทษค่ะ ฉันเข้าห้องผิด”
หัวคิ้วของมาคัสย่นเข้าหากัน ไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน ถูกเขากระแทกตลอดทั้งคืนจนขาสั่น ยังจะมาบอกว่าเข้าห้องผิดอีกหรือ
มุมปากหยักกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย “มานั่งก่อนสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
หญิงสาวมีความลังเลเล็กน้อย อาศัยจังหวะนี้วิ่งหนีออกจากห้องไปดีหรือไม่ แต่ถ้าอีกฝ่ายอารมณ์เสียขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น
เธอจึงตัดสินใจเข้าไปนั่งที่โซฟาอีกตัว ดวงตาหลุบต่ำไม่กล้ามองอีกฝ่าย ยิ่งทำให้มาคัสรู้สึกหงุดหงิด ทำราวกับเขาเป็นปีศาจที่น่าหวาดกลัวจนไม่อยากเข้าใกล้
“คุณจะคุยเรื่องอะไร” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว
“เรื่องเมื่อคืน”
ยิ่งได้ฟังคำตอบมือเล็กก็บีบเข้าหากันแน่น เนื้อตัวสั่นเล็กน้อย แล้วน้ำเสียงทุ้มก็ดังขึ้นอีกครั้งแสดงถึงความต้องการที่มีต่อตัวเธอ
“ไหน ๆ เราก็มีอะไรกันแล้ว ฉันอยากได้เธอมาเป็นเด็กเลี้ยง”
“เด็กเลี้ยง”
เธอจ้องหน้าเขานิ่ง รู้สึกเหมือนโดนเหยียบศักดิ์ศรีให้จมดิน แค่พลาดมีอะไรกันเมื่อคืนก็นั่งเสียดายและโทษตัวเองอยู่แล้ว นี่ยังจะมาเสนอให้เธอไปเป็นเด็กเลี้ยงอีกหรือ
ไม่คิดว่าประธานบริษัทใหญ่โตจะมีรสนิยมทางเพศแบบนี้ และเขาก็ยังพูดออกมาได้หน้าไม่อาย
“อยากได้อะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยนก็เสนอมาได้เลย”
“ไม่ค่ะ หนูไม่รับ หนูไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว หนูแค่มาทำงาน แล้วเรื่องเมื่อคืนมันก็เป็นแค่อุบัติเหตุ”
แม้ว่ามาคัสจะหล่อมาก จนผู้หญิงหลายคนในบริษัทต่างก็รู้สึกอยากได้คนรักหน้าตาดี หล่อ รวย และเพอร์เฟกต์แบบนี้ และดูเหมือนว่าความรู้สึกของเธอจะตอบสนองต่อการใกล้ชิดกันอย่างน่าประหลาดใจ แต่จู่ ๆ จะมาซื้อตัวเธอไปเป็นผู้หญิงของเขา ไม่เท่ากับว่าเธอขายศักดิ์ศรีกินหรอกหรือ
“ฉันรู้ว่าเมื่อคืนเราแค่พลาด แต่ว่าฉันถูกใจเธอมาก ตราบใดที่เธอยอมรับข้อเสนอ ฉันก็จะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ เริ่มจากโฉนดที่ดินที่อยู่ในมือของเสี่ยสมบูรณ์เป็นไง”
“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างเป็นคำถาม เรื่องนี้มีแค่น้าจันทร์วาดผู้ซึ่งเป็นคนนำโฉนดไปเป็นหลักประกันกู้เงินกับเสี่ยสมบูรณ์ และเพื่อนสนิทของเธอเท่านั้นที่รู้
แต่เขาเป็นเพียงเจ้านายเก่าที่ไม่เคยเจอหน้ากันเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะมารู้ประวัติครอบครัวและหนี้สินของเธอได้อย่างไร
“หึ ฉันรู้มากกว่าที่เธอคิด”
ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จุดอ่อนว่าโฉนดใบนั้นมีความหมายต่อเธอมากแค่ไหน เพราะมันเป็นสิ่งที่พระพายอยากได้คืนมากที่สุด แต่เธอก็ไม่อยากรับข้อเสนอนี้อยู่ดี
“ไม่ค่ะ หนูไม่อยากเป็นของเล่นของใคร”
มาเฟียหนุ่มกัดกรามแน่นเมื่อโดนตอกหน้าด้วยการปฏิเสธเสียงแข็ง มือกระชับเสื้อสูตเข้ามาติดกระดุม ก่อนจะหยิบนามบัตรวางลงบนโต๊ะหน้าโซฟา เลื่อนใบหน้าหล่อเข้ามาเอ่ยเสียงเบาริมใบหูของพระพาย
“ถ้าเปลี่ยนใจก็ติดต่อฉันมาได้ทุกเมื่อ”
การใกล้ชิดกันแบบนี้ทำให้เสียงหัวใจของหญิงสาวดังแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เธอจ้องมองแผ่นหลังองอาจของคนที่ก้าวเดินออกจากห้องไป พร้อมกับผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ประตูปิดสนิทได้ไม่นาน โทรศัพท์ก็แจ้งเตือนยอดเงินจำนวนห้าแสนบาทถูกโอนเข้าบัญชี พลันทำให้ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง
ไม่กี่วินาทีต่อมาพระพายก็คว้านามบัตรรีบออกจากห้อง ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้คิดว่าเงินที่ถูกโอนเข้ามาต้องเป็นของมาคัสแน่ ๆ ทว่าอีกฝ่ายนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงแค่ความสงสัย
เงินมากขนาดนี้ และยังไม่รู้แหล่งที่มา เธอจะกล้าใช้ได้อย่างไร ถ้าหากไม่ใช่ของเขา แต่มีคนโอนผิดขึ้นมา อาจจะรอให้ธนาคารดึงเงินคืนอยู่ก็ได้