ตอนที่ 2 นักศึกษาใหม่

1219 คำ
ตอนที่ 2 นักศึกษาใหม่ ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เอมกมลเพิ่งเข้ามาศึกษาได้ไม่กี่วัน เธอก็กลายเป็นจุดเด่นไม่น้อย ไม่ว่าจะหน้าตาที่สวย รวมไปถึงความฉลาดของหญิงสาวที่เข้ามาที่นี่ด้วยอันดับต้นๆ ของเด็กใหม่ปีนี้ “น้องคนนั้นหนิที่สอบเข้ามาได้คะแนนเกือบเต็ม ขาดแค่สองคะแนนที่เกือบได้ท็อปของปีนี้แล้ว” ผู้หญิงที่เป็นรุ่นพี่เดินผ่าน ก่อนจะมองมาที่เอมกมล “แล้วใครได้ที่หนึ่งของปีนี้ล่ะ” อีกคนถามขึ้น “นี่เธอไม่รู้จักน้องวินงั้นเหรอ อนาวิน ลูกชายคนเดียวของอธิบดี เธอรู้ไหมตอนนี้ในบอร์ดมหาลัยจับจิ้นน้องคนนี้กับน้องอนาวินอยู่ หล่อสวยแถมฉลาดทั้งคู่” คำพูดพวกนั้นเอมกมลได้ยินหมดทุกอย่าง แต่หญิงสาวกลับไม่ได้สนใจอะไรนัก เธอแค่ต้องการเรียนที่นี่ให้จบแค่นั้นเอง “นั่งอยู่นี่เอง” เสียงชายหนุ่มพูดขึ้นก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมามอง เสียงในบริเวณนี้ดังขึ้นหลังจากการปรากฏตัวของเขา “เรียกฉันเหรอคะ” เธอถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่าผู้ชายคนนี้คือใคร ทำไมเหมือนสนิทกับเธองั้นแหละ “เอมกมล ศศิโยธิน หรือเปล่า” “อ๋อ ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรรึเปล่า” “ฉันอนาวิน ผู้ชายที่ถูกจับเป็นคู่จิ้นของเธอ เธอคงได้อ่านมาบ้างแล้ว” “อ้อ ค่ะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย ฉันไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้นกับเรื่องไร้สาระแบบนี้ แล้วที่คุณมาหาฉันคือเรื่องนี้สินะคะ” คำพูดตรงๆ ของอีกฝ่ายทำเอาชายหนุ่มอ้าปากค้างไปเลย เขาไม่คิดว่าเธอจะกล้าพูดตรงๆ ได้มากขนาดนี้ “ก็ใช่ แต่เห็นเธอพูดออกมาแบบนี้แล้ว ฉันก็สบายใจ นึกว่าเธอจะเครียดกับเรื่องนี้” “คุณสอบได้เต็มในปีนี้ เก่งมากเลยนะคะ” “เธอก็เหมือนกัน แล้วนี่กำลังอ่านหนังสือเหรอ ต่อไปเรียนอะไร” “การจัดการ งั้นฉันขอตัวก่อนนะ ใกล้ได้เวลาเรียนแล้ว” หญิงสาวพูดจบก็เก็บหนังสือ ก่อนจะเดินผ่านหน้าชายหนุ่มไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหัวใจของอนาวินถึงได้เต้นเร็วขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเลยที่กล้าเดินหนีเขาไป เอมกมลคงเป็นคนแรกที่ดูหยิ่งไม่สนใจเขา “ไงครับคุณอนาวิน เงียบไปเลยสินะครับ เจอคนสวยเข้าหน่อย” เพื่อนอีกคนของชายหนุ่มพูดขึ้น “กูบอกมึงแล้วว่าคนนี้ไม่ธรรมดา ไม่สนใจโลก ไม่สนใจอะไรเลย จากที่สังเกตการณ์มาได้หลายวัน เธอคนนี้นอกจากเรียนก็รีบกลับบ้าน ไม่ได้สุงสิงกับใครเลยในห้อง โลกส่วนตัวสูงชะมัด” “นั่นสิ คนอะไรแปลกจริง นึกว่าเป็นข่าวกับลูกชายอธิบดีแล้วจะสนใจนาย แต่นี่กลับเปล่าเลย ไม่สนใจด้วยซ้ำ” “อืม น่ารักดี” อนาวินเอ่ยพร้อมอมยิ้มออกมา เหล่าเพื่อนชายสามสี่คนต่างมองหน้ากัน หลังจากเลิกคลาสหญิงสาวก็กลับบ้านทันที เธอมีเพื่อนแต่ก็ไม่ได้สุงสิงอะไรมากมาย เอมกมลเดินเข้ามาในบ้าน ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างสงสัย ที่ในวันนี้บ้านของเธอกลับเงียบแปลกๆ ไป “พ่อคะ พ่อกลับมารึยังคะ” ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ออกมา สีหน้าวิตกของอีกฝ่ายเผยขึ้นอย่างชัดเจน เท้าของเอมกมลย่ำก้าวไปหาบิดาอย่างเร่งรีบ มือไม้สั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาบิดา แต่ทว่าเสียงกลับอยู่ในบ้านหลังนี้ เอมกมลเดินหาตามเสียง ก่อนจะถลึงตาตกใจเมื่อเห็นบิดานอนแน่นิ่งอยู่ในห้องทำงาน “พ่อขา พ่อ! เป็นอะไรไปคะ เอมจะรีบเรียกรถพยาบาล พ่อทำใจดีๆ ไว้นะคะ” ณ โรงพยาบาล ใบหน้าของหญิงสาวเศร้าโศกออกมาเมื่อมารู้ว่าท่านมานพพ่อของตนกำลังป่วย แต่เขาไม่เคยบอกเธอเลยสักนิด เพราะไม่อยากให้เธอคิดมาก เขาแอบรักษาตัวมานานหลายปี แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น โรคมะเร็งที่ชายชราเป็นอยู่ ในวันนี้หมอบอกให้เธอทำใจไว้บ้าง เพราะโรคนี้มันยื้อได้อีกไม่นานแล้ว น้ำตาสีใสไหลออกมาจากเบ้าตากลมโต เธอจับมือของบิดาแน่น แค่คิดโลกทั้งใบของเอมกมลก็แทบพังทลายลงมา เธอเสียมารดาไปตั้งแต่เด็ก ในยามนี้จะเสียพ่อของเธอไปอีกงั้นเหรอ ไม่รู้ว่าเรื่องพวกนี้ทำไมต้องเกิดขึ้นกับเธอด้วย เสียงสะอื้นไห้ของเธอทำให้ชายชราค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เขามองไปรอบๆ อย่างเหนื่อยล้า เพราะอยากที่จะหาเงินมาคืนอิสระให้แก่บุตรสาว ช่วงปีกว่าที่ผ่านมาเขาทำงานหนักจนแทบไม่ได้พักผ่อน “เอมหรือลูก” “พ่อคะ พ่อฟื้นแล้ว เจ็บอะไรตรงไหนรึเปล่าคะ เอมจะไปเรียกหมอมาให้” “พ่อไม่เจ็บอะไรแล้ว เอมอย่าร้องไห้เลยนะลูก” หญิงสาวได้ยินอย่างนั้นกลับร้องไห้ออกมามากกว่าเดิม “พ่อไม่ต้องทำงานหนักแล้วนะคะ เอมไม่ต้องการอิสระอะไรนั่นแล้ว เอมทนได้ แต่พ่ออย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” ชายชรามองใบหน้าลูกสาว ก่อนน้ำตาจะไหลออกมาไม่ต่างกัน เพราะเขาเองที่ไม่ดีพอ ทำอะไรก็พลาดไปหมด ธุรกิจก็ล้มละลาย “พ่อขอโทษนะลูก พ่อขอโทษ” “ไม่ใช่ความผิดของพ่อเลยสักนิด พ่อไม่ต้องโทษตัวเองนะคะ เอมไม่เคยโกรธพ่อเลย” มือหนาเหี่ยวตามอายุเอื้อมมือมาจับมือของลูกสาวไว้แน่น เอมกมลโผเข้าหาพร้อมกอดบิดาแน่น นับแต่วันนั้นเอมกมลก็ดูแลท่านมานพอย่างดี เธอเลิกเรียนก็รีบกลับบ้าน เป็นแบบนี้จนเธอขึ้นปีสอง ช่วงเวลาที่โศกเศร้าที่สุดในชีวิตของหญิงสาวจึงได้เกิดขึ้น ท่านมานพเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง ในวันงานท่านเกษมกับภรรยาอย่างคุณหญิงเนตรนภาต่างมาที่งาน ทันทีที่คุณหญิงเห็นหน้าเธอก็โผเข้ามากอดแน่น เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมอ้อมกอดนั้นถึงทำให้เธออ่อนแอจนร้องไห้ออกมา ทั้งๆ ที่หญิงสาวพยายามเข้มแข็งแล้วก็ตาม “ไม่ต้องร้องนะจ๊ะ ยังไงเสียหนูก็คือคนในครอบครัวฉัน เราไม่ได้เป็นคนอื่นกันแล้วนะ” หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอแค่กอดผู้หญิงคนนั้นนิ่ง ก่อนจะค่อยๆ ขยับกายออกห่างพร้อมยกมือไหว้ งานสวดศพของบิดาเธอนั้นผ่านไปด้วยดี ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเอมกมลเองก็ไม่ได้เห็นหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอเลย แต่ก็ดีเหมือนกัน เธอเองก็ไม่อยากพบเขาในตอนนี้ และก็ไม่ได้ถามครอบครัวเขาเหมือนกันว่า ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ เธอไม่สนใจเลยสักนิด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม