สองวันหลังจากได้รับรู้เรื่องการหมั้นหมายสายฟ้าแลบ คุณหนูแสนเอาแต่ใจก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ทั้งที่ควรจะได้ใช้เวลากับครอบครัวอย่างเต็มที่หลังจากโบยบินไปเรียนไกลถึงเดอรัมในช่วงปริญญาตรี แต่เพราะพอหม่อนไหมโผล่หน้าไปให้เจ้าสัวโฆษิตและคุณหญิงดาริกาทีไร ก็มักจะโดนถามจี้ถึงเรื่องคนรักที่แต่งเรื่องขึ้นมาอยู่เสมอจนแทบจะหาน้ำมาปั้นเป็นตัวหลอกไม่ไหวแล้ว
“หม่อนพยายามบอกม้ากับป๊าแล้วนะว่ามีแฟนอยู่แล้ว ม้าดูเหมือนจะเชื่อหม่อนนะ แต่ป๊านี่สิ ถามอยู่ตลอดว่าเมื่อไหร่จะพามาเปิดตัว คือหม่อนจะทำยังไงดีอ่าขวัญ แฟนหม่อนไม่มีด้วยซ้ำขวัญก็รู้ อย่าว่าแต่แฟนเลย คนคุยสักคนก็ไม่มี หม่อนโสดมาตลอดยี่สิบสามปี จะหาแฟนที่ไหนมาพิสูจน์กับป๊าล่ะเนี่ย ฮือ ขวัญ หม่อนเครียดอ่า" เรือนกายเพรียวระหงในชุดนอนลายหมีสีชมพูนอนกลิ้งบนเตียง โดยมีโทรศัพท์มือถือราคาแพงแนบอยู่ที่หูสนทนากับสายที่ถืออยู่ไปด้วย
ขวัญชนกที่อยู่ปลายสายถอนหายใจเป็นรอบอนันต์กับปัญหาอันแก้ได้ยากของเพื่อนสนิท
(เฮ้อ เราไม่รู้จะช่วยหม่อนยังไงดีเลย แต่ดูป๊าของหม่อนก็ไม่ใช่คนใจร้ายนี่นา ทำเมิน ๆ ไปหน่อย เดี๋ยวก็คงเลิกถามเองแหละมั้ง)
“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีน่ะสิ แต่นี่สองวันแล้วนะขวัญ สองวันแล้ว ถามอยู่นั่นแหละว่าแฟนหม่อนชื่ออะไร นามสกุลอะไร เป็นใครมาจากไหน ขอเห็นหน้าหน่อย มาจีบหม่อนยังไง คือหม่อนอยากจะกรี๊ดดัง ๆ แล้วก็บอกป๊าไปว่า หนูมีแฟนทิพย์ค่ะป๊า! มากอะ หม่อนไม่มีทางหาแฟนมาให้ป๊าดูได้แน่ ๆ แถมม้ายังดูเหมือนจะโดนป๊าล้างสมองไปด้วยว่าต้องรีบหาเรื่องเจอหน้าลูกเขยให้ได้"
(ถ้าอย่างนั้นเราว่าหม่อนคงต้องยอมแล้วละ จิณณ์อาจจะไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่เราได้ยินมาก็ได้ หม่อนเคยเจอตัวจริงหรือยัง ทางนั้นคงต้องรู้แล้วเหมือนกันว่าตัวเองมีคู่หมั้นเป็นหม่อน…)
“หม่อนไม่สนใจหมอนั่นแล้วขวัญ ต่อให้จิณณ์จะไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอย่างที่ขวัญเล่า หรือเป็นพ่อพระมาจากไหนหม่อนก็ไม่เอา หม่อนไม่อยากมีแฟน ไม่อยากสร้างครอบครัว มันเป็นเรื่องยุ่งยากมาก ๆ แถมดูเหมือนว่าหม่อนจะไม่ได้ใช้หัวใจในการเลือกเลย ทั้งที่นี่คือเรื่องคู่ชีวิตของหม่อนแท้ ๆ ป๊านะป๊า ม้าก็ด้วย คลุมถุงชนหม่อนซะได้" คุณหนูคนสวยบึนปาก หน้าตายับยู่อย่างต้องการให้ใครสักคนมาคอยเอาอกเอาใจเหมือนตลอดเวลาที่ผ่านมา
(เราก็อยากช่วยหม่อนนะ แต่ตอนนี้คงทำได้แค่รับฟัง ยังไงหม่อนก็อย่าเก็บความเครียดไว้ที่ตัวเองคนเดียวนะ เล่าให้เราฟังได้เสมอ) ขวัญชนกตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงใจ หม่อนไหมได้ยินเสียงความวุ่นวายภายในร้านขนมที่ดังลอดมาจนถึงสปีกเกอร์โฟนมือถือของตนด้วย
“อื้อ ขอบคุณขวัญมากเลยนะ หม่อนรักขวัญที่สุดในโลกเลย บ่ายนี้ขวัญว่างหรือเปล่า เราไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นดีไหม หม่อนอยากกินไข่หวานน่ะ เดี๋ยวมื้อนี้หม่อนเลี้ยงขวัญเอง!” หม่อนไหมเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงเริงร่า รู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวพร้อมจะรับฟังและอยู่เคียงข้างเสมอ
(คงไม่ได้หรอกหม่อน… ลูกค้าที่ร้านเราเยอะมากเลย ค่ะ! ขวัญกำลังไปค่ะ! เดี๋ยวเราวางสายก่อนนะหม่อน เย็น ๆ เราจะโทรหาอีกทีนะ) สายสนทนาถูกตัดไปอย่างกะทันหัน หม่อนไหมทำหน้าเหมือนลูกแมวตัวจิ๋วที่โดนจับใส่กล่องไปวางทิ้งไว้ ทั้งที่ยังอยากคุยกับขวัญชนกต่อแท้ ๆ
“ฮึ่ย ไม่อยากอยู่บ้านเลยแฮะ เดี๋ยวป๊ากับม้าก็ถามเรื่องแฟนอีก โอ๊ย หม่อนไหมจะบ้า!” ใบหน้านวลซุกลงกับหมอนพร้อมทั้งกรีดร้องไร้เสียงเพื่อระบายความเครียด “ขวัญไม่ว่างใช่ไหม ได้! หม่อนจะไปหาขวัญเอง จะไปเป็นลูกมือทำขนมให้ขวัญเอง!”
เมื่อได้ข้อสรุปแน่วแน่แล้ว ร่างเล็กก็ลงจากเตียง เดินกึ่งวิ่งไปหยิบเสื้อผ้าตัวที่สวยและทะมัดทะแมง ก่อนจะรีบหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการร่างกายให้เรียบร้อย พร้อมสำหรับการหลบหน้าป๊าม้าออกไปหาเพื่อนรัก
...
“จะไปไหนคะลูก หม่อนไหมของม้า" เสียงของคุณหญิงดาริกาที่นั่งถักโครเชต์อยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของบ้านเรียกรั้งให้คนที่กำลังจะแอบย่องออกไปเตร็ดเตร่ในช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวันเป็นอันต้องหยุดลง
คุณหนูหม่อนไหมในชุดเอี๊ยมขายาวสีกาแฟด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตคอปกแขนสั้นสีขาวนวล ทับด้วยเสื้อคลุมไหมพรมสีฟ้าอ่อนท้าทายอากาศเมืองไทยหันมายิ้มแห้ง ๆ ให้กับมารดา มือบางกระชับสายกระเป๋าสะพายราคาแพงหูฉี่แน่น ก่อนจะเดินเข้าไปมอบตัวอย่างไร้ข้ออุทธรณ์
“หม่าม้าขา~” ตัวแสบของบ้านใช้เสียงหวานเข้าออดอ้อนเหมือนเช่นทุกครั้ง ดวงตากลมโตที่วันนี้เลือกใส่คอนแท็กต์เลนส์สีอัลมอนด์กะพริบปริบ ๆ เรียกคะแนนความเห็นใจไปด้วย “หนู… กำลังออกไปหาขวัญค่ะ พอดีว่าโทรหาแล้วยัยขวัญบอกว่ายุ่งกับลูกค้าที่ร้าน หนูเลยจะไปหาด้วยตัวเองค่ะ"
“ตายแล้ว แบบนั้นจะไม่เป็นการรบกวนหนูขวัญแย่เหรอลูก ม้าว่าค่อยไปหาวันที่หนูขวัญสะดวกดีกว่านะจ๊ะ” คุณหญิงดาริกาเอ็ดเบา ๆ “ม้าก็หลงดีใจ นึกว่าหนูจะออกไปหาว่าที่ลูกเขยของม้าซะอีก พามาหาม้ากับป๊าได้แล้วนะลูก พี่มาร์ชเขาก็รอเจออยู่ อยากจะรู้จริง ๆ ว่าหน้าตาดีสู้ป๊าตอนหนุ่ม ๆ ได้หรือเปล่า"
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้หม่อนไหมก็ทำหน้าเหมือนต้องกินยาขมหม้อใหญ่ คุณหนูคนสวยใบหน้าบูดบึ้งพร้อมทั้งยกมือขึ้นกอดอกด้วยความแง่งอน “ม้าขา… หนูบอกแล้วไงคะว่ายังไม่พร้อมจะเปิดตัวตอนนี้ เขาก็หน้าตาธรรมดา ๆ นั่นแหละค่ะ ถ้าหม่าม้าพูดเรื่องนี้อีกละก็ หนูจะงอแงให้ดู”
“ที่ทำอยู่ตอนนี้ก็เรียกว่างอแงค่ะหม่อนไหมของม้า" ผู้เป็นแม่ลูบหัวลูกสาวเบา ๆ “ม้าก็ไม่ได้อยากเร่งเร้าหนูหรอกนะลูก แต่คุณหญิงประไพแม่ตาจิณณ์เขาเพิ่งบอกแม่มาว่าตาจิณณ์จะเข้ามาพาหนูออกไปทานข้าวเร็ว ๆ นี้ ม้าเองก็จำได้ไม่แม่นว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้เหมือนกัน… อุ๊ยต๊ายตาย เหมือนบ้านเราจะมีแขกพอดีเลย"
หม่อนไหมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ภาวนาให้ผู้มาเยือนนั้นไม่ใช่จิณณ์ อิศรวงศ์อย่างที่เธอคิด แต่พอหญิงสาวหันหน้าไปดูก็ต้องพบกับหนุ่มร่างสูง ท่าทางเจ้าเล่ห์ไม่น้อย เครื่องหน้าคมคายอย่างชายไทยแท้ดูมีเสน่ห์
“เหอะ… นี่เหรอจิณณ์ หน้าตาก็ใช้ได้นี่ แต่เพราะหน้าตาดีแบบนี้ก็เลยเอาไปหลอกควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าสินะ…” หม่อนไหมพึมพำแขวะอย่างอดรนทนไม่ได้จนคุณหญิงดาริกาฉงน
“เมื่อกี้ว่ายังไงนะลูก ม้าไม่ได้ฟัง"
“เปล่าค่ะหม่าม้า เดี๋ยวหนูออกไปรับเอง" ร่างบางไม่รอฟังคำอนุญาตของผู้เป็นแม่ หม่อนไหมลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินตรงปรี่ไปยังคนที่ยืนเก๊กหล่อรออยู่ด้านหน้า เพียงแค่ได้สบตากัน หญิงสาวก็รู้สึกไม่ถูกชะตากับชายหนุ่มคนนี้เลยแม้แต่น้อย