บทนำ
หากจะกล่าวถึงตระกูลที่ยิ่งใหญ่อันดับต้น ๆ ของมหานครเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหลของประเทศนี้ ใคร ๆ ต่างก็พูดถึงเตชะโภคินทร์เป็นเสียงเดียวกัน ตระกูลมหาเศรษฐีที่มีธุรกิจมากมายหลากหลายแขนงอยู่ในครอบครอง เคหสถานอันเป็นที่อยู่อาศัยประจำตระกูลคือคฤหาสน์เนื้อที่กว่าหนึ่งร้อยไร่ กว้างขวางเสียจนใครต่อใครที่ได้เห็นต่างอิจฉา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสถานที่โอ่อ่าแห่งนี้อบอุ่นอิ่มล้นด้วยความสุขของครอบครัวใหญ่เพียงใด
ทว่าประมุขหญิงของตระกูลอย่างคุณหญิงพิสมัย กลับไม่เคยรู้สึกอุ่นใจเช่นนั้น หญิงชรานั่งเก้าอี้ไม้โยกเยกตัวโปรดอยู่ตรงระเบียงห้องบนชั้นสูงสุดของคฤหาสน์ ทอดสายตาที่เริ่มฝ้าฟางมองดูลานหญ้าและน้ำพุที่ครั้งหนึ่งเคยมีเด็กชายเด็กหญิงวิ่งเล่นกัน แต่มาวันนี้กลับเงียบเหงา..เหลือเพียงเหล่าผีเสื้อในสวนที่บินว่อนพอให้อภิรมย์ได้บ้าง
พิสมัยคิดถึงลูก ๆ ที่ต่างออกเรือนมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว เธอไม่ใช่แม่ประเภทที่จะปิดกั้นอิสระทางการเลือกคู่ครองของลูก แต่พอมาวันนี้กลับรู้สึกว้าเหว่ไม่น้อยที่ต้องอยู่คนเดียว
“คงไม่มีใครอยากไปมาหาสู่หญิงชราแบบฉันสินะ…” ริมฝีปากแห้งผากพึมพำเบา ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงโครมครามที่หน้าประตู “ใครน่ะ…”
“ดาเองค่ะคุณหญิง" เสียงของวัลดา หญิงรับใช้วัยอ่อนกว่าเจ้านายเล็กน้อยค่อย ๆ เปิดประตูเข้ามายิ้มเผล่ให้ พร้อมกับถาดกาน้ำชาที่คว่ำอยู่ในมือ “ขอโทษนะคะที่ซุ่มซ่ามไปหน่อย..”
“เอาเถอะ ไม่เป็นไร แต่นั่นไม่ได้หัวร้างข้างแตกอะไรใช่ไหม หล่อนนี่นะยัยดา ซุ่มซ่ามตั้งแต่สาวยันแก่ ฉันล่ะกลุ้มใจ” ประมุขหญิงเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะเบา ๆ คงจะมีแต่วัลดานี่แหละที่พอจะเป็นสีสันในชีวิตของเธอช่วงนี้ได้บ้าง และถึงแม้จะซุ่มซ่ามแค่ไหน แต่คุณหญิงพิสมัยก็ไม่เคยมีความคิดที่จะให้หญิงรับใช้คู่ใจคนนี้ออกไปทำงานอื่นเลย
“ไม่ค่ะคุณหญิง ดายังแข็งแรงมาก เมื่อกี้แค่เห็นกบบนพื้นเลยตะครุบเข้าหน่อยเท่านั้นแหละค่ะ" วัลดาว่าติดตลก “งั้นเดี๋ยวดาไปเตรียมน้ำชาให้ใหม่ก่อนนะคะ"
“ไม่ต้องหรอกดา เข้ามานี่ ฉันจะเรียกหาอยู่พอดี" มือเหี่ยวย่นยกขึ้นกวักย้ำคำสั่งของตัวเอง วัลดาจึงรีบคลานเข่าเข้าไปหา
“มีอะไรให้ดารับใช้หรือคะคุณหญิง"
“หล่อนอยู่กับฉันมาตั้งแต่สาวยันแก่ปูนนี้ เห็นไหมว่าลูก ๆ ของฉันเริ่มย้ายออกไปจนตอนนี้เหลือแค่ฉันคนเดียวแล้ว" คุณหญิงพิสมัยเกริ่นแล้วไอเบา ๆ “มีหลานรึ… ก็ไม่ค่อยจะแวะเวียนมาหาย่าบ้างเลย น่าโมโหจริง ๆ สงสัยคงต้องตัดออกจากกองมรดกให้รู้แล้วรู้รอด ทรัพย์สมบัติที่มีของฉันจะได้ยกให้วัดเป็นทานไปซะ"
วัลดาถอนหายใจโล่งอก คิดว่ามีเรื่องอะไรคอขาดบาดตาย ที่แท้นายหญิงก็เพียงแค่เหงาเพราะคิดถึงลูกหลานเท่านั้น “โธ่… ใจเย็นก่อนสิคะคุณหญิงขา เดี๋ยวคุณ ๆ เข้าก็เข้ามาค่ะ ช่วงนี้อาจจะกำลังยุ่งเพราะธุรกิจแต่ละคนขาขึ้นกันหมดล่ะมั้งคะ...”
คุณหญิงพิสมัยพ่นลมหายใจหงุดหงิด ใช่ว่าข้อนี้เธอจะไม่รู้ หลานชายคนโตอย่าง บัลลังก์ เตชะโภคินทร์ มาทีไรก็เห็นพกเลขามาเหมือนทำงานด้วยตลอด พูดเรื่องตัวเองสามคำ ร่ายยาวเหลือผลประกอบธุรกิจอีกสามสิบประโยค ทำเอาผู้เป็นย่าเหนื่อยที่จะฟัง ไม่เห็นเค้าลางของการสร้างครอบครัวหรือชายตามองหาสาวน้อยสาวใหญ่มาเป็นคนรักเลยสักนิด
คนถัดมา สมุทร เตชะโภคินทร์ รายนี้ยิ่งเหลวเข้าไปใหญ่ ไอ้ธุรกิจสีเทาแต่มืดเท่าถ่านอย่างการเปิดอาบอบนวด เป็นสิ่งที่คุณหญิงพิสมัยไม่ปลื้มเลยสักนิด แต่ก็ต้องยอมรามือไม่เข้าไปขัดขวางยุ่งเกี่ยว เพราะพ่อสมุทรสุดเค็มหลานจอมกวนคนนี้ บริหารอ่างของตัวเองได้ดีจนไปได้สวยทัดเทียมพี่น้องคนอื่นเลยทีเดียว
หลานคนที่สาม พายุ เตชะโภคินทร์ ดูทรงแล้วเอาการเอางานมากที่สุด แต่กลับห่างไกลจากธุรกิจครอบครัวเหลือเกิน เนื่องจากเป็นทนายระดับที่ว่าความมาแล้วกี่ครั้งก็ชนะทุกครั้ง เจ้าตัวเอาแต่คลุกอยู่กับงานในแวดวงกฎหมายจนคุณหญิงพิสมัยจนใจจะชักชวนให้มาช่วยดูแลธุรกิจครอบครัว
ส่วน ณตะวัน เตชะโภคินทร์ หลานชายคนสุดท้าย รายนี้มุ่งแต่กับยวดยานพาหนะ มีความเร็วเป็นคนรักจนคุณหญิงมองไม่เห็นหนทางว่าเขาจะปลีกตัวเองจากรถอันเป็นที่รักไปหาหญิงสาวมาสร้างครอบครัวได้อย่างไร คงต้องรอให้พระพายพัดเอาสาวมาตกบนเบาะรถโดยบังเอิญกระมัง
ท้ายที่สุดหลานสาวคนเล็กอย่าง ณดาว เตชะโภคินทร์ ดูเป็นตัวเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุด ความสวยสะพรั่ง ช่างพูดเอาใจ คงเป็นคุณสมบัติที่หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เป็นอันต้องตกหลุมรัก แต่คุณหญิงพิสมัยมองว่าสาวน้อยยังอยู่ในวัยเรียน เป็นนักศึกษาสาวที่ควรจะมุ่งมั่นแต่กับการเรียน ยังไม่ถึงเวลาสร้างครอบครัว
แต่ละคนต่างก็มีเหตุผลที่ทำให้ผู้เป็นย่าเป็นอันใจอ่อนทุกครั้งไป เรื่องอยากจะมีเหลนมาให้หัวใจที่เหี่ยวเฉาชุ่มชื้นขึ้นบ้างจึงต้องถูกพับเก็บไว้ แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เธอต้องหาอะไรมากดดันหลาน ๆ ให้กระตือรือร้นเรื่องครอบครัวขึ้นบ้างแล้ว
“มีลูกหลานเยอะก็ใช่ว่าจะดี… ฉันจะต้องหาทางกดดันเจ้าพวกตัวแสบทั้งหลายให้รีบสร้างครอบครัวได้แล้ว ฉันอยากอยู่ทันได้อุ้มเหลนคนแรก”
วัลดาบีบนวดขาของนายหญิงเพื่อเอาใจและช่วยดึงอารมณ์ให้เย็นลง “แล้วคุณหญิงจะใช้วิธีไหนล่ะคะ...”
“ฉันจะออกคำสั่งให้ทุกคนมารวมตัวกัน จะได้หารือว่าบริษัทและทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ในรายการมรดกควรจะเป็นของใครดี ถ้าไม่ทำตามใจฉันล่ะก็…”
ดวงตาสีจางของหญิงชราที่ทอดมองลานหญ้าแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเอ่ยประโยคถัดมา “ฉันจะไม่ยกมรดกให้ใครเลยแม้แต่คนเดียว…”