ผมชื่อบีนนี่ อายุ 18 ปี ตอนนี้ผมอยู่คนเดียวในบ้านหลังเล็ก ๆ ที่เปิดเป็นร้านขายโดนัท
ยายเคยเป็นคนสอนผมทำโดนัท ทุกขั้นตอนตั้งแต่การนวดแป้งไปจนถึงการโรยน้ำตาลไอซิ่ง แต่ยายจากไปเมื่อสองปีก่อนเพราะอุบัติเหตุ ตอนนี้เหลือเพียงผมที่คอยรักษาร้านเล็ก ๆ นี้เอาไว้
เวลา 6 โมงเย็น
กลิ่นโดนัทหอม ๆ ลอยออกมาจากกระทะทองเหลือง ผมนั่งรอลูกค้าอยู่หลังโต๊ะขายของเล็ก ๆ ข้างถนน แต่จนเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า ๆ ไม่มีใครแวะเข้ามาเลย
ผมถอนหายใจ
“เห้อ... วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นนะ ทำไมไม่มีลูกค้าเลยสักคน...”
สายตาผมเลื่อนไปมองโดนัทที่เรียงอยู่ตรงหน้า แสงไฟส่องลงมาโดนหน้าตาโดนัทแต่ละชิ้นจนดูเหมือนกำลังเหี่ยวเฉาเหมือนหัวใจของผมเอง
จนถึงประมาณหนึ่งทุ่มครึ่ง
เสียงฝีเท้าดังแผ่ว ๆ มาใกล้ร้าน ผมเงยหน้าขึ้นก็เห็นป้าข้างบ้าน ถือถุงข้าวแกงสองสามถุงเดินมาหยุดตรงหน้า
“บีนนี่ เอานี่ไปกินสิลูก” ป้าส่งถุงอาหารมาให้ ยิ้มใจดีเหมือนทุกครั้ง
ผมยกมือรับอย่างเกรงใจ “ขอบคุณครับป้า เอ่อ...เดี๋ยวผมจ่าย 5 ดอลลาร์ให้นะครับ”
ป้าส่ายหัวพลางหัวเราะเบา ๆ “แหม เงินน่ะเก็บไว้ใช้เถอะ วันนี้ขายได้บ้างรึยัง?”
ผมหัวเราะแห้ง ๆ “ยังเลยครับป้า วันนี้ดูเงียบ ๆ”
ป้าวางมือบนไหล่ผมแล้วบีบเบา ๆ “ไม่ใช่เพราะอากาศหรอกบีนนี่ โดนัทหนูอร่อยแน่นอน...ยายของหนูบนสวรรค์คงภูมิใจมากแน่ ๆ”
ผมยิ้มออกมา แต่ข้างในกลับเจ็บแปลบเมื่อนึกถึงยายที่สอนผมนวดแป้งทุกเช้า
“ป้า... งั้นเดี๋ยวผมทำช็อกโกแลตไว้ให้ 10 ชิ้นนะครับ ถือว่าเป็นการตอบแทน”
ป้าพยักหน้าพร้อมหัวเราะ “ตกลง งั้นป้าจะรอนะจ๊ะ”
สามทุ่ม
หมอกค่อย ๆ ลงหนา ถนนที่เคยมีรถผ่านเริ่มเงียบจนผมได้ยินเสียงรองเท้าของตัวเองเวลาเดินวนในร้าน
ทันใดนั้น ร่างสูงใหญ่สวมหน้ากากกระต่ายสีชมพูโผล่มาจากเงามืด เขาไม่พูดสักคำ แค่เดินตรงเข้ามาหยุดที่หน้าโต๊ะขายของ
หัวใจผมเต้นแรงขึ้นมา “เอ่อ...สนใจโดนัทชิ้นไหนครับ”
เขาไม่ตอบ แต่ยกมือเรียวยาวขึ้นชี้ไปที่โดนัทรสสตรอว์เบอร์รีนิ่ง ๆ
ผมรีบหยิบใส่ถุงแล้วยื่นให้ “นี่ครับ...เอ่อ ผมแถมให้อีกชิ้นนะครับ”
ชายหน้ากากเอื้อมมารับถุงเงียบ ๆ แต่ที่ทำให้ผมขนลุกคือ — เขายกถุงขึ้นแตะปากหน้ากาก...และเสียงเคี้ยวดังลอดออกมา
กร้วมมม...กรั่บ!
ทั้งที่หน้ากากไม่มีรู ไม่มีซิป แต่เขากลับกินมันได้อย่างง่ายดาย
ผมยืนนิ่ง หัวใจเต้นแรง เหงื่อซึมที่หลังคอ
เมื่อหันมาจะถาม เขากลับวางธนบัตรลงโต๊ะเงียบ ๆ แล้วหายไปกับหมอก...เหมือนไม่เคยมีตัวตน
เกือบเที่ยงคืน
ผมนั่งฟุบกับโต๊ะ เตรียมจะปิดร้าน ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังขึ้น
เงายาวของใครบางคนทอดมาถึงหน้าร้าน
ชายหนุ่มสูงโปร่ง ร่างกายซีดขาวเหมือนศพ เดินเข้ามาช้า ๆ ผมยาวสีเงินสะท้อนกับแสงไฟสลัว ใบหน้าเขาหล่อเหลาจนแทบไม่ใช่คนจริง แต่ดวงตากลับว่างเปล่าเหมือนสัตว์รอเหยื่อ
“ทั้งหมดนี่...ฉันจะเอา” เขาพูดเสียงต่ำ
ผมรีบหยิบโดนัทใส่ถุง แต่ตอนที่กำลังรีบ กระจกบาดเข้าที่นิ้ว เลือดหยดลงบนโดนัทชิ้นหนึ่ง
“อ๊ะ! ขอโทษครับ อันนี้ผมขายไม่ได้ มันเลอะเลือด...”
แต่ชายคนนั้นกลับเอื้อมมือมาหยิบชิ้นนั้นขึ้นช้า ๆ ยกขึ้นจ้องด้วยสายตาโรคจิต ริมฝีปากยกยิ้มเล็กน้อย
เขาเลียขอบโดนัทช้า ๆ อย่างตั้งใจ ราวกับกำลังเพลิดเพลินกับรสชาติที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
ผมยืนนิ่งเหมือนหายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวหนาหนักกดทับ เหงื่อไหลเต็มหน้าอก
ดวงตาของเขา...มันไม่ได้มองแค่โดนัท แต่มองทะลุเข้ามาเหมือนกำลังชิมรสชาติความกลัวของผม
แทนที่จะจ่ายเงิน เขาวาง ทองคำแท่งสามก้อน ลงบนโต๊ะ เสียง “ตุบ!” ดังสะเทือนราวกับบังคับไม่ให้ผมปฏิเสธได้
แล้วเขาก็หันหลังเดินหายไปในความมืด...
ผมทรุดลงกับเก้าอี้ หอบหายใจแรง ๆ จนเจ็บหน้าอก
“บะ...บ้านี่มันอะไรกัน...”