บทที่ 02
ใส่ใจได้แต่มอง [2]
“เฮ้อ เมื่อไรเฮียแกจะเลิกทำฉันใจหายใจคว่ำสักที”
เดินพ้นเพียงคุณออกมาทางหน้าบ้านพิมพ์พัชรจึงถือโอกาสถอนหายใจ
“แกประหม่าไปเองต่างหาก ไปๆ เดี๋ยวให้ลุงยศไปส่ง ถึงฉันจะรู้ว่าแกไม่ได้มีงานต้องทำ แต่คงนั่งกินข้าวด้วยกันไม่อร่อยอยู่ดี ไว้นัดกินข้าวกันใหม่ก็แล้วกัน” นรินดาตบบ่าให้กำลังใจ
“ฉันกลับเองก็ได้นะ”
“ไปเถอะน่า แกอยากให้เฮียสงสัยหรือไง”
พิมพ์พัชรลำบากใจอยู่ไม่น้อย ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเกรงใจนรินดา วันนี้เธอไม่ควรมาที่นี่เลย
“นี่ยัยพิมพ์”
“อะไร”
“เรื่องผู้ชายที่แกให้ฉันช่วยเลือกน่ะ ฉันอยากให้แกคิดดีๆ นะ ถึงฉันจะดีใจที่แกยอมเปิดใจเรียนรู้ใครสักคนจริงๆ แต่ก็อยากให้แกเลือกคนที่แกอยากเปิดใจด้วยจริงๆ ไม่ใช่เปิดเพราะต้องเปิด” นรินดาเตือนด้วยความหวังดี เพราะรู้ว่าพิมพ์พัชรไม่ได้อยากเปิดใจที่จะทำความรู้จักใครเลยสักคน ไม่อย่างนั้นจะมีเงื่อนไขเยอะแยะอย่างนั้นทำไม
“แกอยากให้ฉันแต่งงานกับพี่ภักดิ์หรือไง ไม่เอาหรอก ฉันยอมไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า”
ตื๊ด~
โทรศัพท์มือถือของพิมพ์พัชรดังขึ้นพออี สบตากับนรินดาแวบหนึ่ง นรินดาจึงเดินออกไปเรียกคนขับรถให้
“สวัสดีค่ะคุณเปรมดิ์”
[สวัสดีครับ คุณพิมพ์สะดวกคุยไหมครับ ผมโทรมารบกวนเวลาพักผ่อนหรือเปล่า]
“จริงๆ ก็ยังไม่สะดวกเท่าไรค่ะ พอดีพิมพ์อยู่บ้านเพื่อน คุณเปรมดิ์มีเรื่องอะไรด่วนรึเปล่าคะ เดี๋ยวพิมพ์ถึงคอนโดแล้วโทรกลับได้ไหม”
[ผมว่าจะชวนคุณพิมพ์ไปดินเนอร์น่ะครับ เผื่อจะเป็นโอกาสที่เราได้พูดคุยกันสักหน่อย]
ข้อเสนอของเขาก็ฟังเข้าท่าดี
“ที่ไหนคะ เดี๋ยวพิมพ์เช็กเวลาอีกที พอดีรถพิมพ์เสียน่ะค่ะ ต้องเผื่อเวลาเดินทางนิดหนึ่ง”
[คุณพิมพ์สะดวกบอกผมไหมครับว่าคุณพิมพ์อยู่ที่ไหน เดี๋ยวผมแวะไปรับ]
“คือว่า...”
[ถ้าไม่สะดวกไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ]
พิมพ์พัชรนึกลังเล มองไปเห็นนรินดาเดินกลับออกมาอีกรอบพร้อมกับลุงทรงยศคนขับรถของข้ามภพ
“พิมพ์อยู่หมู่บ้านแกรนด์โฮม ซอย 8 แยก 2 บ้านหลังใหญ่ๆ ขวามือเกือบๆ ท้ายซอยค่ะ”
[บังเอิญจัง ผมอยู่ไม่ไกลเท่าไร งั้นไม่เกินสิบห้านาทีผมไปรับนะครับ]
“จะรอค่ะ” พิมพ์พัชรตอบตกลงยิ้มๆ ก่อนจะกดวางสาย
“แกไม่ต้องให้ลุงยศไปส่งฉันแล้วนะ”
“อ้าว ทำไมวะ”
“เดี๋ยวคุณเปรมดิ์มารับน่ะ เขาชวนไปกินข้าว ตอนแรกจะนัดเจอที่ร้านเลยแต่เขาอยู่แถวนี้พอดี” พิมพ์พัชรรีบอธิบาย แม้นรินดาจะไม่ได้วางใจนักแต่ก็ยอมเคารพในการตัดสินใจของเพื่อน
“งั้นแกเข้าไปรอในบ้านก่อนสิ แม่ฉันถามหาแกอยู่เมื่อกี้ บ่นว่าแกงส้มเป็นหมันหม้อใหญ่”
“โทษทีว่ะ แต่ฉันว่าฉันไม่เข้าไปดีกว่า”
“งั้นฉันรอผู้ชายเป็นเพื่อนแกก็แล้วกัน”
“แล้วแกไม่เข้าไปกินข้าวกับครอบครัวหรือไง” พิมพ์พัชรรีบถาม
“ฉันไม่ได้หิวสักหน่อย”
ตื๊ด~
เสียงโทรศัพท์ทำให้พิมพ์พัชรถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ยิ่งเห็นชื่อของจิรภักดิ์แล้วเธอยิ่งอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งเสียเหลือเกิน
“พี่ภักดิ์เหรอ”
“อืม น่าเบื่อชะมัด”
“แกยังไม่ได้บอกฉันเลยนะว่าตกลงเมื่อวานแกทำยังไง สรุปว่าเจอเขาไหม”
“เจอ”
“มิน่าล่ะ วันนี้ปัดหาผู้ชายจะพาไปไหว้พ่อไหว้แม่ไวเชียว”
นรินดารีบประชด สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าทำไมคนที่ไม่เคยสนใจจะมองหาแฟนอย่างพิมพ์พัชรถึงได้รีบร้อนเปิดใจรู้จักใครสักคนแบบนี้
ตื๊ด~
“สวัสดีค่ะคุณเปรมดิ์”
[ผมน่าจะถึงแล้วนะครับ ตอนนี้จอดรถที่หน้ารั้ว แต่ไม่แน่ใจว่าถูกหลังรึเปล่า]
พิมพ์พัชรรีบมองออกไปที่หน้าประตูรั้วทันที
“ใช่ค่ะๆ แป๊บหนึ่งนะคะ พิมพ์กำลังเดินออกไปค่ะ” วางสายแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า
“ไปก่อนนะแก”
“เออ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน”
ห้องอาหาร
“คุณน้าทำอาหารเก่งมากเลยค่ะ เฌอไม่เคยกินข้าวเยอะๆ แบบนี้มานานมากแล้ว อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ” เฌอเอมยิ้มกว้างหลังจากเรียกแม่บ้านเติมข้าวไปสองรอบ
“ถ้าอย่างนั้นต้องมาบ่อยๆ แล้วนะหนูเฌอ”
“ถ้าวันไหนสะดวก เฌอจะรีบโทรบอกคุณเลยค่ะ”
คนถูกพาดพิงได้แต่ยิ้ม จริงอยู่ว่านรินทิพย์ทำอาหารอร่อย แต่วันนี้เพียงคุณกลับกินได้น้อยกว่าปกติ
“เป็นอะไรตาคุณ กินแต่แกงส้มกุ้ง อย่างอื่นไม่ถูกปากเหรอวันนี้”
คงจะกินแกงส้มเยอะไปหน่อยจนถูกจับสังเกตได้
“ผมแค่เสียดายกุ้งน่ะครับ”
“นั่นสิ น้าตั้งใจทำเผื่อหนูพิมพ์โดยเฉพาะ เสียดายที่หนูพิมพ์ต้องรีบกลับ นี่ นริน”
“เอาไว้นรินจะลองชวนมันมาใหม่ก็แล้วกันค่ะ แต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอกนะคะ มันไม่ค่อยว่าง” นรินดาออกตัวก่อนจะจิ้มสับปะรดในจานเล็กใส่ปาก
“ช่วงนี้หนูพิมพ์ทำงานหนักหรือไง ตาว่าผอมลงไปผิดตาเหมือนกันแต่ไม่กล้าทัก”
“ก็ด้วยค่ะคุณตา แล้วก็มีปัญหาส่วนตัวอยู่ด้วยนิดหน่อย”
“งั้นเหรอ มีอะไรที่เราพอช่วยได้บ้างไหมล่ะ” คุณตาถามด้วยความห่วงใย เพราะเอ็นดูพิมพ์พัชรมาแต่ไหนแต่ไร
“คนอย่างยัยพิมพ์น่ะเหรอคะจะยอมให้ใครช่วยอะไรง่ายๆ นี่ถ้าไม่จวนตัวจริงๆ วันนี้มันคงไม่โผล่มา”
“แล้วมาปรึกษาเราเรื่องอะไร เฮียเห็นทำลับๆ ล่อๆ คิดว่าเฮียไม่รู้หรือไง” เพียงคุณอดจะพูดขึ้นไม่ได้ สีหน้าบึ้งตึงตลอดทั้งมื้ออาหาร ใครๆ ก็สังเกตเห็น เพียงแต่ไม่มีใครอยากทักท้วง
นรินดาช้อนตามองนิดหน่อย ก่อนจะเหลือบมองไปที่ข้ามภพเป็นเชิงปรึกษา เห็นสามีตัวเองยิ้มมุมปากแต่ไม่ค้านอะไรเธอก็เลยตัดสินใจจะพูด
ตื๊ด~
แต่โทรศัพท์ของเฌอเอมดังขึ้นพอดี
“เฌอขอตัวรับโทรศัพท์สักครู่ค่ะ”
“เอาเลยๆ ตามสบายเลยนะหนูเฌอ”
รอจนเฌอเอมลุกออกไป ทุกสายตาจึงมองกลับมาที่นรินดาอีกครั้ง รอให้เธอพูดต่อ
“มองอะไรกันคะ”
“เฮียถามว่าพิมพ์คุยอะไรกับเรา ทำไมต้องทำท่าทางลับๆ ล่อๆ”
คนถูกถามซ้ำอีกรอบแอบเบะปาก หางตาเหลือบเห็นสายตาดุๆ ของข้ามภพแต่แสร้งทำเป็นไม่เห็น
“ก็ปรึกษาปัญหาปกติทั่วไปนั่นแหละค่ะ บอกแล้วไงคะ ว่าช่วงนี้ยัยพิมพ์มันมีปัญหาส่วนตัวอยู่”
“แล้วเรื่องอะไรล่ะ ใช่เรื่องไอ้ไก่รึเปล่า”
“ไอ้ไก่ ใครเหรอนริน” คุณตาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เขาชื่อพี่ภักดิ์ค่ะ เป็นคุณหมอโรคหัวใจสุดหล่อประจำแผนกโรคหัวใจที่สาวๆ ใฝ่ฝัน ยกเว้นยัยพิมพ์ เพราะมันบอกนรินว่าเขาชอบโทรจิกมันเหมือนชาติก่อนตาคาเล้าไก่ค่ะคุณตา นี่เห็นว่าพ่อกับแม่ของมันอยากให้มันแต่งงานกับเขา ตอนนี้กำลังหาทางตามตัวมันกลับบ้านอยู่ค่ะ” นรินดาหันไปเล่าให้คุณตาฟังคร่าวๆ
“แค่นั้นเหรอ เฮียเห็นพิมพ์เอาโทรศัพท์ให้เราดูอะไร”
“ถ้าเฮียอยากรู้ทำไมไม่ถามมันเอาเองล่ะคะ”
“ถ้าถามจะตอบไหมล่ะ” น้ำเสียงของเพียงคุณเริ่มจะหงุดหงิด สีหน้าเก็บทรงไม่อยู่ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้นรินดารู้สึกสะใจ
“แล้วเฮียจะไปสนใจเรื่องของมันทำไม สนใจผู้หญิงที่เฮียพามาโน่นเถอะค่ะ ยัยพิมพ์มันฉลาด เอาตัวรอดได้”
“เรื่องของเฮียๆ จัดการเองได้ แต่เพื่อนเราน่ะจะเอาตัวไม่รอด เมื่อคืนถ้าเฮียไม่ตัดสินใจขับรถตามไป จะรู้ไหมว่าทะเลาะกับไอ้หมอนั่นแล้วลงจากรถกลางทาง”
“หา!” นรินดาเบิกตาโพลงเพราะพิมพ์พัชรไม่ได้เล่าให้ฟัง เมื่อครู่ตอนถามก็ไม่ยอมบอกอะไรสักคำ บ่ายเบี่ยงเหมือนไม่อยากพูดถึง
“ทีนี้จะพูดได้หรือยัง หรือยังมั่นใจว่าเพื่อนเราเอาตัวรอดได้อยู่” เพียงคุณแสร้งถามเสียงเข้ม
สิ่งที่เขาเพิ่งจะบอกทำให้นรินดามีสีหน้าหนักใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่ทันที่เธอจะตัดสินใจได้ เฌอเอมก็เดินกลับมาพอดี
เธอยิ้มให้ทุกคนแล้วนั่งลงที่เดิม ทว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลับเงียบลงผิดปกติเพราะนรินดาตัดสินใจได้ตอนที่เห็นหน้าเธอว่าจะไม่พูดเรื่องของพิมพ์พัชรบนโต๊ะอาหารอีก
“มีอะไรกันหรือเปล่าคะ” เฌอเอมที่เห็นว่าทุกคนบนโต๊ะอาหารเอาแต่มองเธอแล้วพากันเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรสักคำทั้งที่ก่อนหน้านี้คุยกันสนุกสนานเริ่มทำให้เธอวางตัวไม่ถูก
“ไม่มีอะไรค่ะพี่เฌอ ทานผลไม้ค่ะ วันนี้แตงโมหวานมากเลยนะคะคุณแม่ ซื้อมาจากที่ไหนคะ นรินซื้อทีไร จืดสนิททุกที” นรินดาแสร้งว่า ก่อนจะนั่งกินแตงโตต่อเงียบๆ หลังจากที่จัดการกับสับปะรดไปหมดจานแล้ว
แม้ลึกๆ แล้วจะรู้สึกกังวลและเป็นห่วงพิมพ์พัชรอยู่มาก แต่ก็มั่นใจว่าคนอย่างพิมพ์พัชรไม่มีทางทำอะไรโง่ๆ ถึงบางครั้งจะดูมีความเสี่ยงจะนั่นก็จะผ่านการคิดและไตร่ตรองมาแล้วเป็นอย่างดีว่าเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ การที่อยู่ๆ มีปัญหากับจิรภักดิ์จนลงจากรถกลางทางนั่นอาจเป็นเพราะข้างนอกไม่อันตรายเท่าในรถ นั่นต่างหากคือสิ่งที่นรินดากังวล
เพียงคุณลอบถอนหายใจ ก่อนจะต้องรีบยิ้มเมื่อเฌอเอมตักแตงโมชิ้นเล็กมาใส่จานของหวานให้กับเขา นั่งมองแล้วนึกถึงแตงโมที่เขานั่งกินที่ร้านหมูกระทะเมื่อคืน มันไม่หวานเท่าไร แต่เขาก็กินไปตั้งหลายชิ้น ต่างจากแตงโมในจานตรงหน้าที่นรินดาบอกว่าหวาน แต่เขากลับรู้สึกไม่อยากกินมันสักคำ
“คุณไม่ชอบกินแตงโมเหรอ”
“เฌอกินเถอะ เราอิ่มแล้วน่ะ”
ปฏิเสธอย่างสุภาพก่อนจะหมุนข้อมือดูเวลาสักหน่อย แม้จะยังไม่ดึก แต่เขาก็เพียงแค่อยากจะรู้ว่าพิมพ์พัชรกลับถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้วหรือยัง
“อิ่มแล้วก็ลุกหนีเลยเหรอเฮีย คุณตายังไม่ลุกเลย” นรินดาดักทาง เพราะมองออกว่าท่าทางของเพียงคุณดูกระวนกระวายนั่งไม่ติด
“จะไปเข้าห้องน้ำน่ะ” เพียงคุณตัดบทแล้วเดินหนี
จริงๆ แล้วเขาตั้งใจจะเดินออกมาแอบส่งข้อความหาข้ามภพ ที่เจ้าตัวยังนั่งอยู่ในห้องอาหารนั่นแหละ เพียงแต่เขาไม่อยากให้ใครรู้ เขาอยากได้เบอร์โทรศัพท์คนขับรถของข้ามภพเพื่อโทรเช็กดูว่าส่งพิมพ์พัชรถึงคอนโดหรือยัง
ทว่าออกมาถึงหน้าบ้าน กลับเห็นว่ารถของข้ามภพยังจอดอยู่ จะคิดว่าคนขับรถกลับมาถึงแล้วก็ไม่น่าเป็นไปได้เพราะไปกลับโดยรวมควรจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
“ไม่ได้ไปส่งคุณพิมพ์หรอกเหรอ” เดินไปหาคนขับรถที่รถแล้วเอ่ยถามทันที
“เปล่าครับ”
“แล้วเธอกลับไปยังไง”
“เห็นว่ามีคนขับรถมารับนะครับ”
“ใครวะ!”