EPISODE 02-02
ความต้องการแรก
“เรื่องลูกผมก็ไม่รู้จะช่วยคุณลูฟได้ไหม ผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับร่างกายตัวเอง”
“แพทช่วยผมได้อยู่แล้ว ผมรู้สึกได้ว่าแพทจะอุ้มท้องลูกของผมได้จริง ๆ นะ แล้วผมก็จะช่วยแพทอย่างหนึ่งด้วย แพทยึดติดกับธุรกิจที่ต่างประเทศนั่นมากเลยใช่ไหม? อยากกลับมาทำงานแบบนั้นอีกหรือเปล่า?”
แพทริคพยักหน้ารับ เขาอยากทำงาน เพราะการที่เขาได้ทำอะไรสักอย่างได้ดีมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า เหมือนเป็นสิ่งที่พิสูจน์ตัวเองให้คนในตระกูลเห็นว่าไอ้ตัวประหลาดคนนี้ก็มีดีเหมือนกัน
“ผมไม่ปิดบังเลยนะว่าผมน่ะแค้นมากที่ถูกทำแบบนี้ ผมอยากเอาชนะญาติตัวเอง อยากรวยกว่า อยากมีชีวิตที่มั่นคงกว่า”
“จริง ๆ จะเอาชนะคนแบบนั้น แค่แพทใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้มากกว่าก็รู้สึกชนะได้แล้ว”
“ไม่มีทางหรอก ผมว่าคนที่ได้เงินไปห้าร้อยล้านบาทโดยไม่เสียอะไรยังไงก็มีความสุขกว่าผมที่ถูกขายมาอยู่ที่นี่”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าแพทอยู่ที่นี่จะไม่มีความสุข?”
“ก็...คุณลูฟลองถูกขายให้ไปผลิตทายาทให้คนแปลกหน้าดูสิครับ มันก็รู้สึกไม่ดีทั้งนั้นแหละ ยิ่งผมไม่ได้ยินยอมยิ่งแล้วใหญ่”
“แต่แพทต้องมีความสุขที่สุดเพื่อให้ร่างกายพร้อมต่อการมีลูกให้ผม ผมอยากมีลูกที่น่ารัก แข็งแรง และอารมณ์ดี ฉะนั้นอย่าเอาอารมณ์พวกนี้มาทำให้ลูกผมต้องมัวหมอง”
พูดจบลูซิเฟอร์ก็ลุกหนีไปเลย พาให้แพทริคมองตามด้วยแววตาสับสน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่กันแน่ อีกทั้งยังทิ้งท้ายเอาไว้เรื่องลูกด้วยท่าทีจริงจังมากด้วย ดูท่าจะคาดหวังเรื่องลูกจากเขามากพอสมควร แต่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมถึงคาดหวังขนาดนั้น ในเมื่อจ่ายเงินซื้อตัวมาตั้งห้าร้อยล้านบาท ใครจะไม่หวังผลตอบแทนที่คุ้มค่ากันล่ะ
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
ช่วงเวลาหลายวันมานี้ลูซิเฟอร์ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า กลับเข้ามาก็ค่ำมืด โดยบอกตลอดว่าจะออกไปทำงานซึ่งแพทริคก็ไม่รู้ว่าเขาทำงานอะไร
แอบถามคนรับใช้ก็บอกว่าคุณลูซิเฟอร์ทำธุรกิจหลายอย่าง นั่นทำให้แต่ละวันแพทริคต้องอยู่เฉย ๆ ที่ปราสาทด้วยความรู้สึกเหงา เขาไม่มีอะไรทำสักอย่างเดียว
วันไหนเหงามากหน่อยก็จะเดินไปหาเลียมที่ปราสาทฝั่งซ้ายที่มีอาณาเขตห่างกันค่อนข้างมาก ครั้งแรกที่เดินไปอีกฝั่งด้วยทางเชื่อมภายในปราสาทรู้สึกเหนื่อยจนต้องหาทางแก้ปัญหา ด้วยการออกมาด้านนอกแล้วขับรถกอล์ฟไปยังอีกฟากหนึ่งแทน
แม้จะอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้วแพทริคยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจะสร้างปราสาทให้ใหญ่ขนาดนี้เพื่ออะไร ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแค่สี่คนก็น่าจะใกล้ชิดกันหน่อย ทว่านี่กลับห่างเหินจนแต่ละวันไม่เจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำไป
“เลียม ผมถามหน่อยสิ พวกแฟนเก่าของคุณลูฟน่ะ เลิกกันเพราะอะไรเหรอ แล้วเขาชอบคนแบบไหน?”
“ที่มาถามนี่เพราะอยากทำให้เขารักหรือเกลียดล่ะ?”
“แน่นอนว่าอย่างหลังอยู่แล้ว ถ้าเขาเกลียดผมเขาจะได้ไล่ผมไปไกล ๆ ไง สัญญาจะได้ยุติ ผมไม่อยากท้อง ผมไม่อยากมีลูกสักหน่อย”
“ฮ่า ๆ คิดจะหนีพี่ผมน่ะยากนะ เขายึดติดกับการมีลูกมาก แล้วเขาก็ตามหาแพทมาตลอด”
“ยังไงนะ?”
แพทริคมาหาเลียมบ่อยจนเริ่มสนิทกัน พวกเขาสามารถนั่งคุยอย่างเป็นกันเองได้โดยไม่ต้องระวังตัวมากนัก สามารถพูดกันเหมือนเพื่อนคนหนึ่งได้เลย เลียมเป็นคนไม่ถือตัว เข้ากับคนง่าย ซึ่งเหมาะกับการเป็นเพื่อนคุยของแพทริคที่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับที่นี่
“จะว่ายังไงดี ก็ไม่เชิงว่าพี่ลูฟเขาหาแพทหรอก แต่เขาหาทางทุกทางที่จะทำให้ตัวเองมีทายาทน่ะ เขารู้ว่าตระกูลเทวะจุติภพเป็นตระกูลที่มีพันธุกรรมพิเศษ ก็ที่ย้ายมาอยู่ประเทศไทยเพราะต้องการข่าวความเคลื่อนไหวตรงนี้แหละ แล้วก็หาทางสืบทายาทวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย”
“ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ หรอกนะเลียม คือลองหาข้อมูลดูแล้วเหรอว่าทั้งโลกใบนี้จะมีแค่ผมคนเดียวที่ทำได้น่ะ บางทีอาจมีคนในตระกูลคนอื่นก็ได้ ตระกูลผมใหญ่มากนะ กระจัดกระจายไปอยู่หลายประเทศด้วย อาจมีคนอื่นที่มีพันธุกรรมพิเศษนอกจากผม”
“เรื่องนั้นผมไม่รู้หรอก การประมูลนี่พี่ลูฟเขาก็ตัดสินใจเอง ทุ่มเงินเอง เขาคงมั่นใจแล้วว่าแพทจะมีลูกให้เขาได้ อืม...แพทเชื่อเรื่องสัญชาตญาณไหม? พี่ผมน่ะเขาเป็นคนที่ใช้สัญชาตญาณครึ่งหนึ่ง สมองครึ่งหนึ่ง แล้วเป็นพวกลางสังหรณ์แม่นนะ ถ้าเขามั่นใจในตัวแพทขนาดนี้ เขาคงเล็งเห็นอะไรบางอย่าง”
“เหรอ ผมไม่รู้สิ ไม่ค่อยรู้จักเขาเท่าไร คุยกันก็น้อย เขาชอบกวนประสาทผม”
“คุณก็น้อยหน้าเขาที่ไหนล่ะแพทริค”
“ว่าแต่...พี่ชายเลียมตอนมีแฟนดูอินเลิฟมากไหม เล่าเรื่องความรักของเขาให้ผมฟังหน่อยสิ”
“ไม่มีอะไรให้เล่าหรอก เรื่องส่วนตัวแบบนั้นผมไม่กล้าเข้าไปยุ่งอยู่แล้ว รู้แค่ว่าพี่ลูฟน่ะเขาฮอตนะ คนชอบเขาเยอะ เสน่ห์แรงมากด้วย เขาทั้งหล่อ อบอุ่น ใจดี ใช้ชีวิตมีระเบียบวินัย และรวยมากอีกต่างหาก”
ได้ยินเลียมอวดอ้างพี่ชายเสียยืดยาว ทำให้แพทริคเบ้ปากเหมือนจะปฏิเสธ แต่กลับพูดแย้งไม่ออกสักคำ
[ก็หล่อมั้ง อบอุ่นกับใจดีนี่ก็เป็นบางครั้ง ใช้ชีวิตมีระเบียบวินัยนี่แน่นอน ส่วนเรื่องรวยมากก็คงจะจริง]
หลังจากนั่งใช้ความคิดเพียงครู่เดียว จู่ ๆ เลียมก็ทำจมูกฟุดฟิดแล้วหัวเราะออกมา
“มีคนมาตามเมียแฮะ”
สิ้นเสียงที่เลียมพูด กริ่งหน้าปราสาทฝั่งซ้ายที่เป็นอาณาเขตของเลียมก็ดังขึ้น เขาเดินไปเปิดประตูให้ทันทีโดยที่แพทริคก็ยังไขว่ห้างมองอยู่ที่โซฟา แล้ววินาทีต่อมาร่างสูงแสนคุ้นตาก็ปรากฏขึ้น
“คุณลูฟ”
“แพทออกมานี่หน่อย ผมจะพาไปข้างนอก”
ร่างเล็กหูผึ่งทันทีเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนชวนออกไปข้างนอก เขาวิ่งมาหาลูซิเฟอร์ที่หน้าประตูอย่างไม่รีรอ เปลี่ยนรองเท้าเสร็จสรรพก็มายืนเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อย สีหน้าทั้งตื่นเต้นและคาดหวัง รอคำตอบแค่ว่าอีกฝ่ายจะพาเขาไปไหน เขาก็จะรีบเตรียมตัวออกไปด้วยทันที
ลูซิเฟอร์เห็นท่าทางเหมือนเด็กแบบนี้เขาก็เหยียดยิ้มแล้วส่ายหน้าเบา ๆ จากนั้นก็เอื้อมมือมาจัดเสื้อเชิ้ตที่แพทริคใส่อยู่ให้เรียบตึง ผมเผ้าที่ปรกหน้าผากขาวก็ถูกมือใหญ่ปัดขึ้นให้
“จะพาผมไปไหน ๆ ๆ รีบบอกมาเร็ว”
“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง”
“ชิ!”
ร่างสูงเดินนำไปขึ้นรถสปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่หน้าปราสาทฝั่งซ้าย เหมือนขับมารอรับแพทริคทันทีที่คนรับใช้รายงานว่าเขาอยู่ที่นี่
เมื่อทั้งคู่ขึ้นมาอยู่บนรถแล้ว สิ่งแรกที่ลูซิเฟอร์ทำคือเอื้อมหยิบชุดคลุมตัวใหญ่ของเขาให้คนตัวเล็กใส่ แพทริคเข้าใจว่าให้ใส่ตอนลงรถ เขาจึงเอาวางไว้บนตักอย่างไม่ใส่ใจ
“ใส่เดี๋ยวนี้”
“ครับ? ให้ใส่ตอนนี้เลยเหรอ นึกว่าลงรถค่อยใส่”
“ผมไม่ชอบให้กลิ่นของเลียมติดตัวแพท”
“กลิ่นของเลียมอะไร ผมไม่ได้เอาตัวไปถูไถเขาสักหน่อย แค่นั่งคุยกันไม่มีกลิ่นติดหรอกมั้งครับ”
“มันมีกลิ่นเลียมจริง ๆ อย่าเถียงจมูกหมาอย่างผมได้ไหม จิ๊!”
“ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วยเนี่ย เอาใจยากชะมัด”
ถึงปากเล็ก ๆ จะบ่นลูซิเฟอร์กลับไป แต่มือไม้ก็รีบจับเสื้อคลุมตัวดังกล่าวมาสวมทับทันทีเช่นกัน จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันต่อสักคำจนกระทั่งลูซิเฟอร์ขับรถมายังสถานที่แห่งหนึ่งที่เหมือนเป็นโกดังขนาดใหญ่ และยังก่อสร้างไม่เสร็จดี
ลูซิเฟอร์เดินนำแพทริคเข้ามาด้านใน จากนั้นก็มีคนเข้ามาต้อนรับพร้อมกับเอกสารปึกหนึ่ง มือใหญ่รับมาส่งต่อให้แพทริคอีกที ก่อนจะถามคำถามที่ทำให้แพทริคตกใจอย่างมาก
“บริษัทที่แพทเคยดูแลใช้เครื่องจักรผลิตของเล่นและตุ๊กตาแบบไหนบ้าง คุยกับเซลล์เขาได้เลยนะ อีกหน่อยที่นี่แพทต้องเป็นคนดูแล”
“วะ ว่าไงนะ?”
“ก็อยากทำงานไม่ใช่เหรอ ชอบบริหารบริษัทเหมือนที่เคยทำ อยากรวยกว่าญาติเหล่านั้น อยากมีชีวิตมั่งคง นี่ไง ผมจะทำให้แพทเอง”
มีเวลาให้แพทริคอึ้งไม่นานเขาก็ต้องมาคุยเรื่องเครื่องจักรต่อทันที พอได้คุยเรื่องงานแล้วแพทริคกลายเป็นอีกคนหนึ่งไปเลย ทั้งพูดจาฉะฉาน มีความรู้ มีการวางแผนเป็นระบบ ลูซิเฟอร์ยืนฟังอยู่ไม่ห่างก็สามารถรู้ได้ว่าสิ่งที่แพทริคเคยเล่าให้ฟังว่าเขาทำงานที่ต่างประเทศได้ดีน่ะคงเป็นเรื่องจริง เหมือนซึมซับทุกขั้นตอนการทำงานจนเชี่ยวชาญแล้ว
หลังจากคุยกันเรื่องเครื่องจักรที่จำเป็นต้องใช้เสร็จก็มาถึงขั้นตอนการประเมินราคา ตอนนี้คงตีราคาแค่คร่าว ๆ ได้เท่านั้นเพราะยังไม่ผลิตจริง ซึ่งราคาสูงถึงสองร้อยล้านบาท
ได้ยินราคาเครื่องจักรแล้วแพทริคหันมองลูซิเฟอร์ทันที สำหรับเขามันเป็นราคาที่สูงมาก แต่ก็ยังถือว่าน้อยเพราะสิ่งที่เขาเลือกไปเป็นเพียงเครื่องจักรที่ผลิตของเล่นได้ไม่กี่อย่างเท่านั้น ยังไม่ครบครันเหมือนโรงงานใหญ่ที่เขาเคยบริหารมาด้วยซ้ำ
“เอ่อ ถ้าแพงไปเดี๋ยวผมลดสเปกลงก็ได้...”
“เอาตามที่แพทว่าเลย เท่าไรก็เท่านั้น ผมจ่ายได้”
จบตรงนี้ก็ยังมีการออกแบบโรงงานอีกที่แพทริคต้องเข้ามามีส่วนพูดคุยกับผู้รับเหมา เขารู้ว่าการผลิตควรมีสัดส่วนการแบ่งเป็นเขตร้อน เขตเย็น เขตทำงานพลาสติก เขตตัดเย็บตุ๊กตา ไหนจะแบ่งพื้นที่ทำโกดังเก็บของ เขาพยายามจัดการพื้นที่แห่งนี้ให้คุ้มค่าที่สุด
กว่าจะคุยงานทุกอย่างเสร็จเวลาก็ผ่านไปจนฟ้ามืด ทั้งคู่กลับขึ้นมาบนรถอีกครั้งด้วยบรรยากาศที่เปลี่ยนไป ลูซิเฟอร์ค่อนข้างประทับใจบทบาทการทำงานของแพทริคมาก ส่วนแพทริคก็รู้สึกเกรงใจและประทับใจกับความใจป๋าของลูซิเฟอร์เหมือนกัน ไม่ว่าค่าใช้จ่ายกี่บาทก็พยักหน้ายอมจ่ายหมด ไม่ขัดใจเลย
“ผมไม่อยากจะเชื่อว่าคุณลูฟจะทำโรงงานนี้ให้ผม ตอนนั้นผมก็แค่เล่าให้ฟังว่าผมใช้ชีวิตแบบไหนมาเอง”
“แต่แพทบอกว่ารักงานนี้มากนี่ ผมก็แค่ทำให้ หน้าที่ผมคือทำให้แพทมีความสุข จะได้อารมณ์ดี มีสภาวะพร้อมมีลูกอยู่ตลอด”
“คุณลูฟกำลังเอาใจผมอยู่นะเนี่ย หรือคุณจะเป็นคนใจดีอย่างที่เลียมบอกจริง ๆ ?”
“อะไร ใครใจดี ผมไม่ได้ทำให้แพทสักหน่อย ก็แค่สร้างไว้เป็นธุรกิจใหม่ของตัวเอง แล้วฝากแพทดูแล นี่จะให้แพทเป็นลูกจ้างผมนะ รีบทำงานแล้วหาเงินมาให้ผมเยอะ ๆ เถอะ อย่าได้ใจไปว่าผมใจดีกับแพทขนาดนั้น”
“ตกลงกันก่อนว่าจะให้ค่าจ้างทำงานผมด้วย อย่ามาหลอกผมทำงานฟรีนะครับ ไม่งั้นผมจะบริหารให้เจ๊งเลย”
“ได้สิ อยากได้เงินเดือนเท่าไรล่ะ?”
“อืม...เอาสักเดือนละล้านพอ”
“ได้ ถ้าแพทต้องการก็เดี๋ยวค่อยร่างสัญญากันอีกที”
แพทริคหันไปมองชายตัวใหญ่ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยด้วยท่าทางสง่าเช่นเคย เขาตกใจที่การพูดเล่นของเขามันกลายเป็นเรื่องจริงจังไปเสียหมด ลูซิเฟอร์ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่จ้างเขาทำงานเดือนละหนึ่งล้านบาท ซึ่งเอาเข้าจริงแพทริคก็ไม่กล้าเรียกมากขนาดนั้น
“อย่ามาตามใจผมมาก เดี๋ยวผมเคยตัว”
“ให้ได้ทุกอย่างแหละ แพทยอมมีลูกให้ผมก็พอ”
“เวลาคุณลูฟพูดแบบนี้เหมือนผมโดนขอมีเซ็กซ์ทุกวันเลย ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย!”
“ขนผมลุกกว่าอีก จะหันไปหาแต่ละทีก็เจอแต่หมอนข้าง”
โดนลูซิเฟอร์ตอกกลับเรื่องนี้แล้วแพทริคจะหาอะไรมาคัดค้านได้ ในเมื่อทุกคืนเขาใช้หมอนข้างกั้นอาณาเขตเอาไว้จริง ๆ อย่าว่าแต่เรื่องมีเซ็กซ์กันเลย แค่หันมามองกันยังไม่เห็นหน้าด้วยซ้ำเพราะหมอนข้างบังไว้มิด
แต่ถ้าถามว่าเมื่อไรแพทริคจะพร้อมพลีกายยอมมีลูกให้สักที จุดนี้เขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน รู้แค่ว่าควรยื้อเวลาไปเรื่อย ๆ เพื่อศึกษานิสัยใจคอกันไปก่อน บางทีถ้าได้เห็นว่าลูซิเฟอร์ต้องการเขามากพอก็อาจจะใจอ่อนก็ได้
อย่างไรก็ต้องขอเวลาทำใจอีกสักหน่อยก่อน เพราะประสบการณ์สี่ร้อยครั้งที่อวดอ้างมันไม่ใช่เรื่องจริง ถ้าถูกจับได้กลางทางว่าไม่ได้เก่งเรื่องบนเตียงอย่างปากว่า แพทริคคงจะรู้สึกอายมาก