"นี่เธอจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนกัน" หัวหน้าแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดห้องก็เข้าไปดึงผ้าห่มออกจากตัวของปรายฟ้าทันที
"ขอโทษนะคะ ฉันจะลุกเดี๋ยวนี้แหละค่ะ" ปรายฟ้าพยายามดันตัวเองให้ลงจากเตียงได้สำเร็จ ทั้ง ๆ ที่ร่างกายยังอ่อนล้าอยู่มาก เธอพยายามเดินให้มั่นคงที่สุดแล้วถือผ้าขนหนูเข้าไปในห้องน้ำ
"พออาบน้ำเสร็จแล้วก็เอากระเป๋าลงไปด้วยล่ะ เดี๋ยวจะพาไปที่บ้านพักของแม่บ้าน"
"ได้ค่ะ ฉันขอเวลาสักครู่นะคะ"
สิบห้านาทีต่อมา หลังจากที่ปรายฟ้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอก็ลากกระเป๋าลงไปที่ห้องโถงใหญ่ชั้นล่าง
"ตามฉันมา" หัวหน้าแม่บ้านเดินนำทางปรายฟ้าไปที่บ้านพักของแม่บ้านที่สร้างแยกออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย โดยทางเดินก็มีหลังคาเชื่อมไปจนถึงบ้านพักของพ่อบ้านกับแม่บ้านด้วย
"ที่นี่จะเป็นบ้านพักของแม่บ้านโดยเฉพาะ แต่จำนวนคนมีพอดีกับจำนวนห้อง ดังนั้น…ตอนนี้ไม่มีห้องว่างที่จะให้เธออยู่ได้หรอกนะ ก็มีแต่ห้องที่เอาไว้เก็บของ แต่ฉันให้คนขนของออกไปหมดแล้ว แต่ไม่มีเตียงและเฟอร์นิเจอร์นะ มีแต่หมอนหนึ่งใบกับผ้าห่มสองผืน เดี๋ยวจะให้คนเอาไปไว้ที่ห้องให้ทีหลัง ยังไงก็อยู่ที่นี่ไม่นานนี่ ทน ๆ อยู่ไปก่อนก็แล้วกัน"
"ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ" ปรายฟ้ายกมือไหว้แม่บ้านที่สูงวัยกว่าแล้วลากกระเป๋าไปที่ห้องที่เธอจะต้องอยู่นับจากวันนี้
"พอเตรียมของเสร็จก็ไปช่วยในครัวด้วยล่ะ เพราะเจ็ดโมงเช้าจะต้องเตรียมกับข้าวบนโต๊ะอาหารให้คุณท่านทั้งหลายทานกัน"
"ได้ค่ะ"
เมื่อถึงเวลาตั้งโต๊ะอาหารตอนเวลาเจ็ดนาฬิกาทุกเช้า ก็จะมีแม่บ้านมาตั้งโต๊ะและจัดเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เจ้านายของบ้านหลังใหญ่ทุกวัน
"คุณแม่คะ วันนี้พี่คิณไม่ได้มาทานข้าวด้วยนะคะ พี่เขาออกไปนอนที่คอนโดตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะค่ะ เห็นบอกว่ามีถ่ายละครที่ต่างจังหวัดทั้งสัปดาห์เลย"
"ตาคิณบอกแม่แล้วล่ะลูก คุณคะ…อันนี้ก็อร่อยนะคะ ทานให้อิ่มก่อนไปทำงานนะ แล้วมื้อค่ำอยากทานอะไรไหม เดี๋ยวฉันจะได้ให้แม่บ้านเตรียมไว้รอ"
ผู้หญิงที่เป็นภรรยาของเจ้าของบ้านก็ตักอาหารจานโปรดของสามีไปใส่ในจานให้
"อะไรก็ได้คุณ ไม่ต้องยุ่งยากหรอก ผมทานได้ทั้งนั้น ว่าแต่เจ้าสาวที่คุณพ่อผมจะให้เจ้าคิณแต่งงานด้วยเป็นใครกันล่ะ ผมยังไม่เคยเห็นหน้าเธอเลย"
"พอพูดแล้วก็อารมณ์เสียค่ะคุณ ทำไมพ่อของคุณถึงได้จัดการอะไรตามใจชอบแบบนี้ล่ะคะ ถึงจะแต่งงานปลอม ๆ ก็เถอะ แต่เอาคนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเข้ามาอยู่ในบ้านเราแบบนี้ ถ้าเกิดมันเป็นขโมยขึ้นมาจะทำยังไง"
"คุณแม่คะ พิมก็ยังไม่เห็นหน้าเลยค่ะ เห็นว่ามาตั้งแต่เมื่อคืน แล้วนางอยู่ที่ไหนล่ะคะ ไม่เห็นโผล่หน้ามาเลย"
"คุณหนูพิมคะ ตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่ในครัวค่ะ แขกำลังให้ทำความสะอาดครัวอยู่ แขได้รับคำสั่งจากคุณภาคิณให้เด็กคนนั้นไปนอนที่บ้านพักของแม่บ้านน่ะค่ะ ดูเหมือนว่าคุณภาคิณจะเกลียดเธอมากเลยนะคะ"
"บอกยัยนั่นมานี่หน่อยสิป้า" พะพิม น้องสาวคนเดียวของภาคิณ วางช้อนอาหารไว้แล้วนั่งกอดอกรอดูว่าคนที่ปู่ของเธอบอกว่าดีนักดีหนา หน้าตาจะเป็นยังไง
"สวัสดีค่ะ ฉันชื่อปรายฟ้าค่ะ" ปรายฟ้ายกมือไหว้ผู้ที่สูงวัยกว่าทั้งสองคนและทักทายพะพิมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
"นี่เธออย่าเข้ามาใกล้ฉันสิ แล้วแต่งตัวอะไรเนี่ย ทำไมใส่เสื้อผ้าไร้รสนิยมขนาดนั้น เธอเนี่ยนะมาเป็นภรรยาของพี่ชายฉัน หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอก"
พะพิมมองร่างบางของปรายฟ้าตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาดูแคลน
"อย่าได้แม้แต่จะคิดมานั่งร่วมโต๊ะอาหารนะ ถึงจะเป็นว่าที่ภรรยาจอมปลอมของพี่ แต่ก็อย่าได้แม้แต่จะคิดเอาตัวมาเสมอฉัน ออกไปจากตรงนี้ได้แล้ว อย่ามาเสนอหน้าตรงอีก เห็นแล้วหมดอารมณ์ทานข้าวเลย"
ปรายฟ้ายกมือไหว้คนบนโต๊ะอาหารอีกครั้ง แล้วเดินออกไปที่ครัวเหมือนเดิมเพราะยังทำงานในครัวค้างไว้อยู่
"นี่คุณคะ พ่อคุณไปเอาเด็กมาจากไหน จะให้เด็กนั่นแต่งงานกับลูกของเราจริงหรือคะ ดูชุดที่ใส่ก่อนสิ มันงานเกรดต่ำมากไม่ใช่หรือไงคะคุณ นี่พ่อของคุณคิดอะไรอยู่กันแน่คะเนี่ย"
"เอาน่าคุณ เด็กคนนั้นก็ดูเรียบร้อยดีนะ ถ้าแต่งตัวให้ดีหน่อยก็อาจจะมีสง่าราศีขึ้นมาบ้างก็ได้"
"นี่คุณเห็นเด็กคนนั้นดีตรงไหนกันคะ ดูยังไงก็ไม่เหมาะกับตาคิณเลยสักนิด"
"เอาเถอะ…อย่าหงุดหงิดบนโต๊ะอาหารเลยนะคุณ เดี๋ยวผมทานข้าวเสร็จจะออกไปเดินดูต้นไม้บริเวณบ้านหน่อยนะ"
"คุณนี่ชอบต้นไม้มากจริง ๆ นะคะ ก่อนออกไปทำงานต้องไปเดินดูต้นไม้ตลอดเลย ไม่เบื่อบ้างหรือไง"
"ก่อนออกไปทำงาน ผมอยากให้สมองปลอดโปร่งน่ะ แล้วอีกอย่าง…การสัมผัสกับธรรมชาติมันทำให้ผมสดชื่นนี่คุณ อ้อ…ตกลงลูกตัดสินใจได้หรือยังว่าจะเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยไหน แต่พ่ออยากให้ลูกไปเรียนที่ต่างประเทศนะ คิดได้หรือยังล่ะ"
"พะพิมอยากเรียนที่เมืองไทยนี่แหละค่ะคุณพ่อ เพราะพะพิมไม่ค่อยเก่งเรื่องภาษามากเท่าไหร่นี่คะ คุณพ่อก็รู้"
"ก็หนูไม่ตั้งใจเรียนนี่ อุตส่าห์ให้เรียนโรงเรียนภาคอินเตอร์ตั้งแต่ประถม ก็แม่มัวแต่ตามใจจนเคยตัว แต่จบมัธยมปลายมาได้ก็ดีแล้วล่ะ แล้วคิดไว้หรือยังล่ะว่าจะเรียนที่ไหน พ่อจะได้ให้เลขาพ่อทำเรื่องเข้าเรียนให้เสร็จ เพราะนี่ก็ใกล้จะเปิดเรียนแล้วนี่"
"ค่ะคุณพ่อ หนูจะเรียนที่มหาวิทยาลัย XXX ค่ะ เพื่อนหนูก็ไปเรียนที่นั่นกันเยอะ"
"เอกชนสินะ ยังไงก็เตรียมตัวไว้นะลูก ส่วนเรื่องเครื่องแบบเดี๋ยวก็เรียกคนให้มาวัดตัวตัดชุดที่บ้านก็แล้วกัน พ่อว่าจะให้แฟนของเจ้าคิณเรียนที่เดียวกับหนูด้วย เพราะเห็นปู่บอกให้หามหาวิทยาลัยให้เด็กคนนั้นเรียนด้วยน่ะ"
"อะไรกันคะคุณ นี่คุณจะให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าไปเรียนที่เดียวกับลูกเราได้ไงคะ มันคนละชั้นกันนะคะ"
"ก็พ่อของผมบอกมาแบบนี้นี่คุณ ไม่งั้นคุณก็ไปคุยกับพ่อผมเองแล้วกัน"
"พอมาอยู่ก็ทำให้ปวดหัวจนได้ คุณพ่อคุณนี่ก็เหลือเกินจริง ๆ เลย"
"ผมอิ่มละ เดี๋ยวผมจะไปเดินดูต้นไม้หน่อย เดี๋ยวอีกยี่สิบนาทีเอารถมารอได้เลยนะ" ภวัฒน์เอาผ้าเช็ดปากหลังจากที่คุยกับภรรยาเสร็จแล้วก็หันไปบอกคนขับรถที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโถง
"นี่คุณอิ่มแล้วหรือคะ ยังทานไปแค่ไม่กี่คำเอง"
"ผมไม่ค่อยหิวน่ะคุณ" เขาขี้เกียจฟังเสียงบ่นของภรรยา จึงเดินออกจากโต๊ะอาหารแล้วตรงออกไปยังสวนอีกฝั่งของบ้านที่ประดับประดาไปด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาชนิด มีน้ำตกและสระเล็ก ๆ ไว้สำหรับเลี้ยงปลาที่เจ้าของบ้านออกแบบเอง จึงทำให้บริเวณบ้านดูร่มรื่นเป็นอย่างมาก
"คุณท่านเขาทานอาหารกันเสร็จละ ไปช่วยกันเก็บโต๊ะได้แล้ว" หัวหน้าแม่บ้านเดินเข้าไปบอกปรายฟ้าและแม่บ้านในครัวทันที หลังจากเจ้าของบ้านรับประทานอาหารเสร็จ
ปรายฟ้าก็ไปช่วยแม่บ้านเก็บจานและทำความสะอาดในครัวโดยไม่อิดออด เพราะเธอมาอยู่ในฐานะผู้อาศัย จึงไม่อยากอยู่เฉย ๆ และทำตัวให้เป็นภาระของใครด้วย
"เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้วก็จะถึงเวลาทานอาหารของเรา แต่จะมัวแต่ทานโอ้เอ้ไม่ได้นะ เพราะยังมีงานให้ต้องทำอีกทั้งวันเข้าใจไหม" หัวหน้าแม่บ้านหันไปบอกปรายฟ้าที่กำลังยืนเช็ดจานอยู่
"เข้าใจค่ะ"
"ฉันได้ยินมาจากคุณภาคิณแล้วว่าเธอเป็นแค่คู่สมรสกำมะลอเท่านั้น เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่มีอภิสิทธิ์ที่จะทำอะไรเหมือนคุณ ๆ ในบ้านหลังนี้ได้ ถ้าเธอยังอยากอยู่ที่นี่อย่างสงบสุข ก็หัดเจียมเนื้อเจียมตัวและช่วยงานทุกอย่างในคฤหาสน์นี้ด้วยล่ะ สถานะเธอตอนนี้ก็ไม่ต่างจากคนรับใช้ในบ้านหลังนี้หรอกนะ เข้าใจแล้วหรือยัง"
"เข้าใจค่ะ"
"เข้าใจก็ดีแล้ว ถึงจะได้รับคำสั่งให้เรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่งานในคฤหาสน์นี้เธอก็ต้องทำอย่าให้ขาดตกบกพร่องล่ะ"
"เข้าใจแล้วค่ะ"
"ส่วนอาหารก็ต้องทานแค่ในครัวนี้เท่านั้น แต่ต้องทานหลังจากที่พวกคุณ ๆ ในบ้านทานกันเสร็จแล้วนะ ห้ามทานก่อนเด็ดขาด"
"ค่ะ…แล้วฉันจะต้องทำอะไรบ้างคะ"
"ฉันจะแจกแจงงานให้ก่อนนะ ตื่นเช้ามาก็ไปช่วยในครัว เรื่องทำความสะอาดเธอไม่ต้องทำ เธอแค่ดูแลงานในครัวกับดูแลพวกดอกไม้ต้นไม้ในสวนก็พอ ส่วนตอนค่ำก็ดูแลความสะอาดและล้างจานในครัวหลังคุณ ๆ ในบ้านทานอาหารมื้อค่ำเสร็จแค่นั้นแหละ"
"ได้ค่ะ"
หลังจากที่ปรายฟ้าช่วยเคลียร์งานในครัวเสร็จ แม่บ้านและพ่อบ้านที่ทำงานอยู่ที่นี่ทุกคนก็มารับประทานอาหารด้วยกันที่โต๊ะในครัวใหญ่
ปรายฟ้าก็ช่วยทำงานที่คฤหาสน์ทุกวันด้วยความเต็มใจ เพราะอีกหนึ่งเดือนกว่ามหาวิทยาลัยจะเปิด ในชีวิตประจำวันของเธอก็มีเพียงแค่ตื่นเช้ามาทำงานบ้าน กลางวันเธอก็อ่านหนังสือเพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ตกเย็นก็ทำงานบ้านอีกครั้งจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว
ตั้งแต่ภาคิณบอกให้เธอเลิกเป็นแฟนคลับของเขาเพราะเขารู้สึกขยะแขยง ปรายฟ้าก็ไม่ดูละครหลังข่าวอีกเลย เธอก็ได้แต่คิดและแอบเสียใจอยู่ในใจเพราะถ้าตัดเรื่องที่เขาและเธอต้องแต่งงานกันหลอก ๆ แล้ว ชายหนุ่มถือเป็นนักแสดงคนแรกที่เธอชื่นชอบผลงานและติดตามผลงานละครมาโดยตลอด
พอมาได้ยินจากปากของคนที่ตัวเองชื่นชอบมาพูดใส่หน้าว่าน่าขยะแขยง ก็ทำให้ปรายฟ้าไม่กล้าที่จะดูผลงานเขาอีกเพราะกลัวว่าเขาจะเกลียดเธอไปมากกว่านี้ ทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้เรื่องราวแทบทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา แต่ตอนนี้เธอก็ได้แต่คิดว่าจะทำยังไงเพื่อจะได้ลืมทุกอย่างที่เธอรู้เกี่ยวกับตัวเขาให้หมดสักที
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ชีวิตในแต่ละวันของปรายฟ้าก็มีแค่ทำงานในครัว ดูแลสวนดอกไม้ ส่วนคนที่ทำงานในบ้านก็ไม่มีใครอยากคุยกับเธอด้วยสักคน เธอจึงต้องอยู่ท่ามกลางความโดดเดี่ยวในคฤหาสน์หลังใหญ่เพียงลำพัง
ปรายฟ้าปูผ้าห่มผืนใหญ่แล้วพับครึ่งให้หนาพอเพื่อตัวเองจะได้นอนแบบไม่ปวดหลัง เธอใช้ผ้าห่มปูตรงมุมหนึ่งของห้องแล้วเอาหมอนมาวางไว้ จากนั้นก็ไหว้สวดมนต์ก่อนนอน
หลังจากเวลายี่สิบนาฬิกาก็เป็นเวลาพักผ่อน ทุกคนที่ทำงานในคฤหาสน์หลังใหญ่ก็มักจะนั่งดูละครหลังข่าวกันอยู่ชั้นล่าง ส่วนปรายฟ้าก็ตั้งใจจะไม่ติดตามละครอะไรอีกแล้ว เพราะเธอกลัวว่าถ้าชายหนุ่มเห็นเธอยังดูละครที่เขาแสดงอยู่อีก อาจจะทำให้เขาไม่พอใจอีกก็ได้
ภาคิณกลับจากถ่ายละครที่ต่างจังหวัดในช่วงค่ำ พอถึงห้องนอนก็ต่อสายหาปรายฟ้าที่เธอเคยเขียนไว้ให้ทันทีด้วยความหงุดหงิดใจ
"ทำไมถึงโทรไม่ติดเลยวะ จะปิดเครื่องทำไม" ชายหนุ่มสบถด้วยความหัวเสีย แล้วเดินไปที่บ้านพักของแม่บ้านทันทีด้วยความหงุดหงิดใจ
แม่บ้านหลายคนที่นั่งดูละครหลังข่าวกันอยู่ชั้นล่างก็ตกใจและแปลกใจที่เจ้านายหนุ่มเดินเข้ามาที่บ้านหลังนี้ เพราะตอนเด็กเขามักจะชอบไปเล่นกับพ่อบ้านที่บ้านพักของพ่อบ้านบ่อย ๆ แต่ก็โดนมารดาห้ามไม่ให้ไปเหยียบย่างที่บ้านพักของคนรับใช้อีก
"ห้องยัยนั่นอยู่ชั้นไหน"
"ชั้นสองค่ะนายน้อย เดี๋ยวดิฉันพาขึ้นไปนะคะ"
"ไม่ต้อง! เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอง หมายเลขห้องล่ะ"
"ห้องที่ติดไว้ว่าเป็นห้องเก็บอุปกรณ์ค่ะ"
"แค่นี้แหละ ไม่ต้องตามขึ้นมานะ"
ร่างสูงเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนทันที พอเดินไปถึงชั้นสองก็เจอห้องที่ติดป้ายอยู่ แล้วก็รีบผลักประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มเปิดไฟในห้องจนสว่างจ้า แล้วเดินตรงไปที่ปรายฟ้าที่นอนอยู่ตรงมุมห้องเก็บของอย่างรวดเร็ว
"ฉันโทรหาเธอก็ไม่ติด แล้วจะปิดเครื่องทำไม!" ภาคิณกระชากแขนเรียวให้ลุกขึ้น ปรายฟ้านิ่วหน้าด้วยความเจ็บแต่ก็ลุกขึ้นตามแรงของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว เพราะเธอเพิ่งจะจะนอนเท่านั้นแต่ยังไม่ได้หลับ
"คุณภาคิณคะ ปรายไม่มีมือถือหรอกค่ะ" เธอไม่กล้าพูดออกไป ว่าเขาเป็นคนทำลายโทรศัพท์มือถือของเธอตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน
"ไม่มีแล้วให้เบอร์ฉันมาทำไมวะ จะเรียกหาก็ยุ่งยากจริง ๆ"
"เออ...ครั้งหน้าโทรเข้ามาที่เบอร์ของบ้านนี้เลยก็ได้นะคะ ถ้าจะให้ปรายทำอะไรก็โทรเรียกได้เลยค่ะ คุณภาคิณจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาตามถึงที่นี่"
"ถ้ารู้ตัวว่าตัวเองเป็นภาระให้คนอื่นอยู่ก็ดี งั้นก็หัดทำตัวให้มีประโยชน์บ้าง!"
"แล้วคุณภาคิณมีอะไรจะให้ปรายทำหรือคะ"
"คืนนี้เธอต้องไปนอนที่ห้องฉันเพราะปู่ฉันจะมาที่นี่พรุ่งนี้เช้า"
"แต่ว่าปรายตื่นไวทุกวันอยู่แล้วนะคะ ไม่ต้องไปนอนก็ได้ค่ะ แล้วปรายจะรีบไปอยู่ที่นั่นแต่เช้าแน่นอน"
"ฉันบอกให้มาก็มาสิ มานี่!" มือแกร่งดึงข้อมือเล็กออกจากห้องแล้วลงบันไดไป ปรายฟ้าจึงได้แต่จำใจเดินออกไปตามแรงดึงของคนตัวใหญ่เท่านั้น
ทั้งสองคนเดินลงบันไดจากชั้นสอง แล้วเดินผ่านกลุ่มแม่บ้านผู้หญิงที่ยังนั่งดูละครหลังข่าวอยู่ ทุกสายตาก็พากันจับจ้องเจ้านายหนุ่มที่กำลังดึงข้อมือของปรายฟ้าออกจากบ้านไป
"ถึงจะเป็นแค่งานแต่งจอมปลอมก็เถอะ แต่ก็น่าอิจฉาชะมัดเลยที่ได้ใกล้ชิดกับคุณภาคิณขนาดนี้ ขนาดเราทำงานที่นี่มาตั้งนาน ยังไม่เคยมีโอกาสได้จับมือคุณภาคิณเลยด้วยซ้ำ ตัวจริงก็เห็นอยู่ตรงนี้ แต่ก็ยังได้แค่มองเขาผ่านหน้าจอโทรทัศน์เลย"
"นั่นสิ…คุณภาคิณเพิ่งจะกลับมาจากถ่ายละครที่ต่างจังหวัดแท้ ๆ พอมาถึงก็ตามหาปรายฟ้าเลย น่าอิจฉาจริง ๆ"
"อย่างเราคงไม่มีวาสนาหรอก ขนาดบ้านพักหลังนี้ ตั้งแต่ฉันทำงานที่นี่มาหลายปีก็ยังไม่เคยเห็นคุณภาคิณย่างกรายเข้ามาที่นี่เลยด้วยซ้ำ"
"แต่ฉันว่าอาจจะไม่ได้สบายแบบที่เราคิดก็ได้ คุณภาคิณไม่มีทางหลงเด็กคนนั้นหรอก เพราะถ้าคุณภาคิณชอบปรายฟ้าจริง แล้วจะไล่ให้มันมานอนที่บ้านคนใช้ได้ไง ใช่ไหมล่ะ"
"ก็จริงนะ" ทุกคนจึงหันไปสนใจละครต่อ แล้วก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่อีกเลย