ความครอบครัว

1406 คำ
ณ หาดทรายขาวริมทะเล “ว้าว ๆ ทะเลสวยจังเลย ทะเลทะเล” เด็กสาวทั้งสองคนพากันวิ่งลงทะเลแล้วว่ายน้ำเล่นอย่างสนุกสนานโดยมีสายตาของมิสแมรีแอนมองตามอยู่ตลอดเวลา “นายครับ นาย” หลุยส์เรียกนายสาวเสียงดังขึ้นจนเธอสะดุ้งรู้สึกตัว “มีอะไร” “เด็ก ๆ มาถึงกันแล้วครับ” “อืม...ให้พวกมันรอที่บ้านพักก่อนเดียวฉันจะไปตามเด็กสองคนนั้นแล้วจะเรียกพบ” “ให้ผมไปตามก็ได้ครับนาย” “ไม่ต้อง ไปจัดการงานของแกซะอย่ามาสะเออะกับอะไรที่ฉันไม่ได้สั่ง” หลุยส์ถึงกับสะอึกทันทีเมื่อนายสาวตะหวาดใส่หน้าเขาเสียงดัง ปกติเขามักจะได้รับแต่คำชมแล้วทำไมวันนี้... “อย่ามาสงสัยอะไรแกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาขัดคำสั่ง” หลุยส์ยิ้มออกมาอย่างน้อยเธอก็ยังแคร์ความรู้สึกของเขา “ขึ้นได้แล้วสาวน้อยพวกเธอเล่นน้ำนานไปละผิวสวย ๆ จะเสียหมด” คุณแม่ผู้แสนใจดีส่งเสียงเรียกสองสาวหลังจากที่มายืนมองพวกเธอเล่นน้ำอยู่นานหลายนาที “สนุกที่สุดในโลกเลยค่ะคุณแม่” “ใช่คะเกิดมาพึงได้มาเล่นน้ำทะเลจริง ๆ เสียทีเนาะพี่นัน” “อ้าวงั้นหรือ” “ค่ะคุณแม่ปกติว่ายแต่ในสระของคอนแวน” “แล้วอย่างไหนสนุกกว่า” “ก็ต้องที่นี้สิคะสระน้ำจะมาสู้ทะเลได้ยังไงแถมมีคุณแม่อยู่ด้วยแบบนี้ดีที่สุดในโลก” สองสาวตรงเข้ากอดแขนประจบประแจงคนละข้าง ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นคำพูดฉอเลาะจากเด็กสาวทั้งสองแต่หัวใจอันด้านชาของมิสแมรีแอนก็อดหวั่นไหวไม่ได้เธอสัมผัสได้ถึงจิตอันบริสุทธิ์ของทั้งสอง มันแตกต่างกับลูกๆ ที่ผ่านมาของเธอที่พอมาประจบก็จะแบมือขอเงิน “เอาละไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะแม่มีคนจะแนะนำให้ลูกสองคนรู้จัก” “ค่ะคุณแม่” สองสาวแยกขึ้นห้องพักเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าราวชั่วโมงกว่า ๆ พวกเธอก็ลงมายังห้องอาหาร “เข้ามาสิ” หลุยส์ส่งเสียงเรียกเมื่อเห็นสองสาวยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าห้องอาหาร “มานั่งตรงนี้แล้วก็ตรงนี้” คุณแม่ยังสาวชี้เก้าอี้ข้างตัวให้กับเด็กสาวทั้งสองสร้างความประหลาดใจให้แก่หลุยส์และคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ก่อนหน้า “นี่นันทภัทร์และอันตราลูกสาวอีกสองคนของแม่น้องสาวของพวกเธอ และนี่คือนภา กิ่งกานต์และมิรันตีพี่สาวของลูกทั้งสองรู้จักกันไว้นะ” ประมุกของบ้านเอ่ยแนะนำให้ลูกๆ ได้รู้จักกัน “ สวัสดีค่ะพี่ๆ” สองสาวผู้น้อยอาวุโสพนมมือไหว้สวัสดีพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานหวังผูกมิตรแต่สิ่งที่ได้มามีแต่ความเฉยชา “เธอสองคนนี้โชคดีนะที่ได้เรียนหนังสือไม่เหมือนกับพวกฉัน...” นภาเอ่ยขึ้นก่อนจะตักอาหารเข้าปากสองสาวหันไปมองคุณแม่ผู้แสนดีด้วยสายตาที่เป็นคำถาม “พวกเราไม่ใช่ลูกรักนี่คะคุณแม่ถึงไม่สนใจปล่อยให้เราต้องอยู่อย่างลำบากตรงกันข้ามกับพวกเธอที่อยู่อย่างสุขสบายราวกับลูกคุณหนู” มิรันตีตวัดสายตามองสองพี่น้องอย่างไม่เป็นมิตร “ใช่ คุณแม่ไม่เคยเห็นเราอยู่ในสายตาส่งให้เรียนโรงเรียนกระจอกๆ ไม่เหมือนพวกเธอที่ได้เรียนคอนแวนหรูหราแวดล้อมไปด้วยคนรวยๆ ไฮโซ” กิ่งกานต์เองก็จ้องสองพี่น้องด้วยความริษยา “แล้วทำไมไม่พูดให้หมดล่ะนภาว่าเพราะอะไรพวกเธอสามคนถึงไม่ได้เรียนต่อ เธอมิรันตีก็ท้องไม่มีพ่อตั้งแต่อยู่ มัธยมปีที่สอง ส่วนเธอกิ่งกานต์ก็ติดยางอมแงมมั่วผู้ชายไม่เลิกและเธอนภาไม่สนใจเรียนใช้เงินอย่างกับเบี้ยเที่ยวช๊อปปิ้งไปวันๆ อาทิตย์หนึ่งเข้าเรียนไม่ถึงสองชั่วโมง พวกเธอบอกว่าอยู่อย่างลำบากได้ยังไงฉันให้เงินพวกเธอใช้อาทิตย์ละเป็นหมื่นต่อคน ในขณะที่อันตราและนันทภัทร์กินอาหารของคอนแวนใส่ชุดฟอร์มของคอนแวน เงินใช้ทั้งเดือนก็ไม่เท่ากับเธอสามคนใช้อาทิตย์เดียว ปีหนึ่งได้ออกมาเห็นโลกภายอกนับครั้งได้ ทั้งหมดนี้พวกเธอลองบอกมาสิว่าฉันควรทำอย่างไรกับลูกที่ไม่เชื่อฟังแถมยังสร้างแต่ปัญหาให้แบบนี้” แม้น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาจะราบเรียบเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นแม่จะอบรมลูกแต่แววตาที่มองไปยังทั้งสามดุดัน “เอ่อ..คุณแม่ทราบหรือคะ” กิ่งกานต์ถามเสียงสั่นตัวสั่นไม่คิดว่าท่านจะทราบพฤติกรรมของพวกเธอละเอียดขนาดนี้ สามสาวหันไปมองหน้ากันเลิกลัก “ฉันดูแลพวกเธอทั้ง5คนมากี่ปีถึงแม้จะไม่ได้มาดูแล้วด้วยตัวเองฉันก็รู้ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของพวกเธอใครทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่และที่เธอรอดชีวิตจากพวกค้ายานั่นเพราะใครรู้ไว้ด้วย” ทั้งสามนั่งตัวสั่นงก ๆ ก้มหน้ามองมือตัวเองไม่กล้าสบสายตาของมิสแม่รี่แอน “เอาล่ะทานข้าวก่อนก็แล้วกันเรื่องอื่นเอาไว้คุยกันทีหลัง” นางเอ่ยเสียงเรียบก่อนตักอาหารใส่ปาก “เชิญคุณแม่ทานอาหารกับลูกสาวสุดที่รักทั้งสองเถอะค่ะพวกหนู มันไม่ดีนี่คะไปกันเถอะพวกเรา ” สามสาวลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอกห้องอาหารทันที “คุณแม่คะ” นันทภัทร์เอ่ยขึ้นท่าทางเป็นกังวลเธอไม่อยากให้พี่ๆ เกลียดพวกเธอ “ปล่อยพี่เขาเถอะไม่ต้องสนใจหรอกทานข้าวกัน” พูดออกมาเหมือนไม่สนใจแต่ลึก ๆ แล้วกลับเคียดแค้นชิงชัง ‘พวกแกจะได้รับบทเรียนจากฉันอย่างสาสม’ ทุกคนยังคงพักผ่อนอยู่ที่บางแสนเป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์จนกระทั่งได้เวลากลับกรุงมอสโกของมิสแมรีแอน โดยเธออ้างว่าจะต้องไปพบแพทย์ประจำตัวตามที่นัดเอาไว้ “แม่คงต้องกลับแล้วล่ะพวกหนูดูแลตัวเองให้ดีล่ะ” “ค่ะคุณแม่” “คุณแม่ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ” สองสาวเปลี่ยนกันกอดอำลาคุณแม่ผู้แสนใจดีของพวกเธอ “ลุงหลุยส์คะฝากดูแลคุณแม่ด้วยนะคะ” “ครับ” “แม่ไปนะจ๊ะลูกสาว ไปเถอะหลุยส์” ร่างบางระหงของมิสแมรีแอนเดินตรงไปยังรถยนต์คันหรูเพื่อเดินทางไปยังสนามบินกลับกรุงมอสโก “พี่นันเราจะได้เจอคุณแม่อีกเมื่อไหร่คะ” “พี่ก็ไม่รู้หรอกถ้าท่านว่างก็คงมาหาเราเองจ๊ะขึ้นห้องเถอะ” สองพี่น้องพากันเดินกลับห้องพักในคอนแวน “พี่นันคะอันไม่เห็นพี่นภา พี่มิรันตี พี่กิ่งกานต์เลยนะคะหลังจากวันนั้น” “คุณแม่บอกพี่ว่าให้ลุงหลุยส์พาไปมอสโกแล้วให้พี่เขาไปทำงานที่นั่น” “อ้อ...มิน่าละจู่ ๆ ก็หายไป” สองพี่น้องมิอาจรู้เลยว่าพี่สาวนอกไส้ทั้งสามคนนั้นได้มีชะตากรรมอย่างไรบ้าง พวกเธอถูกทรมานจำต้องนอนกับแขกจนนับไม่ถ้วน กิ่งกานต์นั้นโชคร้ายเธอทนทุกข์ทรมานไม่ไหวบวกกับได้รับยาเกินขนาดเลยทำให้ช็อคเสียชีวิต มิรันตีถูกขายไปเป็นเมียเช่าของเศรษฐีกลัดมันหลายต่อหลายคนจนเธอแทบจะทนไม่ไหวสุดท้ายเธอจึงยอมเป็นเมียเก็บถาวรให้กับชายแก่คราวพ่อ นภาเองก็ไม่ต่างกันเพียงแต่เธอได้แต่งงานกับพ่อหม้ายที่ร่ำรวยแต่เขาก็ชอบแสวงหาความสุขทางกามรมณ์กับสาว ๆ ไม่รู้เบื่อ นภาต้องทนทุกข์ทรมานกับการเป็นเมียแต่งที่ไร้สิทธิ์ครอบครองทั้งตัวและหัวใจ อีกทั้งต้องยอมเป็นเครื่องสนองอารมณ์ที่วิปริตของสามี พวกเธอทั้งสองต่างเกลียดและกลัวมิสแมรีแอนเข้ากระดูกดำกว่าพวกเธอจะหนีพ้นเงื้อมือของนางมาได้ก็แทบเอาชีวิตไม่รอดแผลเป็นตามร่างกายเป็นสิ่งยืนยันและเตือนใจเธอเสมอว่ามิสแมรีแอนนักบุญของเด็ก ๆ ทั่วโลกความจริงแล้วนางคือปีศาจที่ชั่วช้าที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม