กึกก!! ปลายเท้าเล็กหยุดชะงัก พร้อมกับโคมไฟที่เปิดอยู่บริเวณสวนดอกไม้ของโรงพยาบาลที่กระพริบถี่ๆ ดวงตากลมโตเบิกขึ้นตกใจ พยายามข่มความกลัวกวาดสายตามองหาคนร่วมชะตากรรมเดียวกัน แต่เวลากลับไม่มีใครอยู่เลย แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ก่อนหน้าเธอยังเห็นอยู่ไกลๆ สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือเธอต้องรีบเดินออกไปจากบริเวณนี้ก่อน ว่าแล้วปลายเท้าเล็กก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจากสวนดอกไม้ที่อยู่ติดกับตัวตึกพักรักษาตัวของคนไข้ โดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นเงาดำทะมึนที่อยู่มุมหนึ่งของพุ่มไม้ใหญ่
“เฮ่ออออ~~~ ใจเสาะไปได้มีอา ก็แค่จิตใต้สำนึกสั่งให้คิดไปเองเท่านั้นแหละ แล้วต่อไปจะอยู่ในสายงานนี้ได้ยังไง..บ้าจริงๆเลยย” หลังจากพุ่งตัวออกจากโรงพยาบาลมาได้ มีอาจึงบ่นกับตัวเอง ที่คิดอะไรบ้าๆ สร้างความกลัวให้เกิดขึ้นในจิตใจตัวเอง และยังปล่อยให้ความนึกคิดนั้นมาทำให้จิตฟุ้งซ่าน กับเรื่องที่ไม่ได้มีอยู่จริง มีอาถอนหายใจยาวราวกับวิ่งมาราธอนมานานแรมปี พอตั้งสติได้ก็ออกเดินต่อ เพื่อไปรอรถประจำทาง สถานีใกล้ๆของโรงพยาบาลแห่งนี้
ตึกๆๆ~~~
เธอเดินตามฟุตบาททางเท้า มีผู้คนเดินสวนไปมาประปราย ไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่คิด แสงสว่างในเมืองหลวงเวลานี้ราวกับหลุดมาอยู่อีกโลก เมื่องแห่งความมีสีสัน..ไม่มีวันหลับใหล…
เมี้ยววววว~~~~~
“หืมม?”
กึกกก!!!!!
เมี้ยววววว~~~ เมี้ยวววว~~~
“หืมม?” ในขณะที่มีอากำลังจะเดินผ่านตรอกทางเดินระหว่างสองตึกโบราณ เสียงหนึ่งก็พลันดังขึ้น เรียกความสนใจจากมีอาให้หยุดปลายเท้าลง ตรงปากทางเข้า เสียงร้องของสิ่งมีชีวิตที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี สร้างความอยากรู้ให้ปลายเท้าเล็กเลือกที่จะเปลี่ยนทิศทาง เพื่อเดินตามหาเสียงร้องดังกล่าวอย่างไม่คิดอะไร นั้นเพราะปกติเธอมักจะช่วยเหลือสัตว์ไม่มีเจ้าของแบบนี้อยู่เสมอ ถึงไม่สามารถรับพวกมันมาเลี้ยงได้ แต่เธอก็มักจะซื้ออะไรติดไม้ติดมือไปฝาก อย่างเช่น แมวจรจัดหลังคณะของเธอเอง ที่ตอนนี้มีมากกว่าสามชีวิตเข้าไปแล้ว แน่นอนว่าทุกตัว ล้วนอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี แถมยังได้รับฉายาจากนักศึกษาพยาบาล ที่พร้อมใจโหวตให้พวกมันเป็น สามเกลอ แห่งคณะพยาบาลศาสตร์
เมี้ยวววว~~~~
ตึกกๆๆ~~
เสียงร้องของเจ้าแมวเหมียวยังคงดังให้มีอาได้ยินอยู่เรื่อยๆ แต่เจ้าตัวกลับไม่แสดงตัวออกมาให้มีอาเห็น อาจจะเพราะยังตื่นกลัวกับมนุษย์อยู่ ว่าที่คุณพยาบาลสาวผู้รักสัตว์เป็นนิสัย สอดสายตามองหาสิ่งมีชีวิตที่ว่า ฟังจากเสียงเจ้าแมวเหมียว มันคงจะได้รับบาดเจ็บ และคงมาจากฝีมือของมนุษย์ มันจึงกลัวและเอาแต่หลบซ่อน ซุ่มมองสังเกตท่าทีของเธออยู่ที่ไหนสักแห่งในซอยนี้ก็เป็นได้
“ฉันมาดีนะเจ้าแมวเหมียว ออกมาเถอะ ไม่ต้องกลัวนะ” เสียงหวานเอ่ยพูดออกไป หวังให้เจ้าแมวเหมียวรับรู้ถึงการมาของเธอ มีอาพยายามขยับขาเรียวให้เดินเข้าไปอีก ข่มความกลัวในใจที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น ในทุกๆย่างก้าวที่เธอเดินเข้ามาในซอยเล็กนี้ ยิ่งลึกเท่าไร..ทุกสิ่งรอบข้างก็เริ่มมืดลงเพราะคืนนี้ไร้ดวงจันทร์บวกกับพายุฝนที่พึ่งจะหยุดตกไป แสงไฟที่ประดับอยู่ตามท้องถนนไม่สามารถสาดส่องผ่านเข้ามาในตรอกซอยเล็กๆแห่งนี้ได้ สายลมเย็นยะเยือกไม่ต่างจากที่มีอาสัมผัสขณะที่อยู่ในโรงพยาบาล คราวนี้มันได้พัดผ่านตัวเธออีกครั้ง มือบางกำถุงผ้าประจำตัวแน่นราวกับมันเป็นเกาะป้องกันความกลัวเพียงหนึ่งเดียวของเธอในตอนนี้ เธอสูดหายใจเข้าลึกเรียกขวัญกำลังใจให้กับตัวเอง ก่อนจะกวาดตามองหาเจ้าแมวเหมียวอีกครั้ง หากมันไม่ปรากฏตัวให้เห็นจริงๆ มีอาก็คงต้องยอมถอยหลังกลับได้แล้ว
แกร๊กก!! เมี้ยวววว~~~~
“โอ๊ะ!! นั่นไง! เจ้าเหมียว..อ้าวว!! “ เสียงหวานอุทานขึ้นอย่างดีใจ แต่จังหวะที่เธอจะก้มลงไปหามันใต้ลังไม้ผุ มันกลับกระโดดหนีโดยที่ขาหลังของมันได้รับบาดเจ็บทีเลือดซึมอยู่
“เจ็บแบบนั้นจะทนไหวได้ยังไงละ มาให้ฉันทำแผลให้ก่อนนะเจ้าเหมียว~” มีอายังคงพูดอย่างใจเย็น ก่อนจะย่อตัวลงกับพื้น เมื่อเจ้าแมวเหมียวสีดำสนิทยอมหยุดสิ่ง แล้วขดตัวอยู่มุมอิฐเก่าบริเวณหัวมุมของตึก
อั๊กกก!!! อึกกก!!
เมี้ยววววววว~~~
มือที่กำลังจะยืนไปหาเจ้าแมวเหมียวสีดำขลับไม่ต่างจากค่ำคืนนี้เป็นอันต้องชะงัก เมื่อมีเสียงปริศนาดังขึ้นมาจากมุมตึกอีกด้าน ดวงตากลมเพ่งมองผ่านไปในความมืดสลัว แต่กลับไม่เห็นถึงสิ่งผิดปกติ บางทีหูเธออาจจะแว่วไป ก่อนจะกลับมาสนใจเจ้าแมวเหมียวตรงหน้าที่ยอมให้เธอสัมผัสตัว สำรวจบาดแผลบริเวณขาหลังของมันที่ได้แผล แต่โชคดีที่ไม่ลึกมาก ไม่รอช้านางฟ้าตัวน้อยของแมวเหมียวก็ล้วงถุงผ้าหยิบเอาอุปกรณ์ทำแผลที่พกติดตัวตลอดเวลาขึ้นมา จับการทำแผลให้เจ้าแมวเหมียวอย่างรวดเร็ว
“เป็นเด็กดีมากค่ะ เท่านี้ก็คงจะไม่เป็นไรแล้วละมั่ง ฉันขอโทษนะที่พาเธอกลับไปด้วยไม่ได้ แต่ไว้ว่างๆจะแวะมาหาเธอนะเจ้าเหมียว “
เมี้ยวววว~~~ มันขานรับราวกับฟังสิ่งที่เธอพูดรู้เรื่อง แผลที่ขาหลังถูกมีอารักษาเบื้องต้นไว้เรียบร้อย ริมฝีปากบางอวบอิ่มฉีกยิ้มกว้าง มองผลงานประถมพยาบาลขั้นพื้นฐานของตัวเอง ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำแผลดังกล่าวลงถุงผ้าใบเก่าตามเดิม
“โอ๊ะ!! ขนมนิ! เธอกินหน่อยไหม ฉันพอเดาได้ว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเธอเลยละสิ?”
เมี้ยวววว~~~~
เจ้าเหมียวสีดำขลับขานรับอีกหน มีอาวางมันลงกับพื้น ก่อนจะหยิบขนมปังของว่างที่ตัวเองลืมกินไปเสียสนิท คงเพราะมัวแต่ช่วยพี่รหัสทำงาน อีกอย่างพี่รหัสยังเลี้ยงข้าวกลางวันเธอด้วย ขนมปังที่พกมาจึงเป็นหมันไปโดยปริยาย
“ค่อยๆกินสิ ไม่มีใครแย่งหรอก อิๆ~ “ มีอาหัวเราะเบาๆ ในขณะที่ป้อมขนมเป็นชิ้นพอดีคำให้เจ้าแมวเหมียวได้กินอย่างสะดวก จนขนมในมือหมดอย่างรวดเร็ว เจ้าแมวเหมียวก็ขยับตัวลุกขึ้น พลางขยับขาของมันเบาๆ ราวกับถึงเวลาต้องจากกันแล้ว
เมี้ยวววว~~~ เมี้ยวววว~~~
“อืมม~~ ฉันรู้แล้วจ๊ะ กลับดีๆละ อย่าทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บอีกนะ ครั้งหน้าอาจจะไม่โชคดีแบบนี้อีก” ไม่ลืมที่จะเตือนเจ้าแมวเหมียวอีกครั้ง มันจ้องมองมีอานิ่ง ตอนนี้เองที่มีอาพึ่งสังเกตเห็นว่า สีตาของมันนั้น..ไม่เหมือนแมวตัวอื่นที่เธอเคยเจอ ยิ่งมอง…ยิ่งเหมือนถูกดึงตัวตนของเธอเข้าไปในนั้น
เมี้ยวววว~~~
“อะ!.. โทษทีจ๊ะ..ไว้เจอกันใหม่นะ” ก่อนจะได้สติ เมื่อเจ้าแมวเหมียวส่งเสียงร้อง มีอากระพริบตาปริบๆ ก่อนจะโบกมือลาให้เจ้าแมวเหมียวที่กำลังสะบัดตูดเดินกะเผลกจากไป และก่อนที่มันจะเดินพ้นหัวมุมตึก มันก็ไม่ลืมที่จะหันกลับมามองมีอาเป็นครั้งสุดท้าย.. ดวงตาสีเทานั้น…พลันทำให้มีอารู้สึกโหวงเหวงภายในใจชอบกล
“ว้าา!! ดึกขนาดนี้เลยหรอ?” เสียงหวานเอ่ยขึ้น รู้สึกตกใจมากเมื่อเห็นเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ ที่เข็มสั้นกำลังจะชี้เลขสิบเข้าไปแล้ว กว่าจะถึงหออีก คงใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงและไม่รู้ว่าเวลานี้จะยังเหลือรถประจำทางให้เธอได้ใช้บริการอยู่อีกไหม คิดแล้วก็ถอนหายใจ สงสัยคืนนี้คงจะเลี่ยงใช้บริการรถแท็กซี่ไม่ได้แล้วละ
“อ๊ากกกกกก!!!!! ปึกกกกก!!!ๆ!!”
กึกกก!!!
“0.0!” เสียงคล้ายคนโดนทำร้ายดังขึ้น ทำให้มีอามั่นใจได้ว่าครั้งนี้เธอไม่ได้คิดไปเอง เธอค่อยๆดันตัวลุกขึ้น ขยับขาเดินไปทางเดียวกันกับที่เจ้าแมวเหมียวไป ร่างบางขยับตัวเข้าชิดกำแพงอิฐชื้นแฉะ เพราะพายุฝนที่พึ่งสงบไปก่อนหน้า
“ปล่อยกู!!!! ไอ้ปีศาจ!!!! มึงมันเป็นปีศาจ!!!”
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เสียงปริศนานั้นมากเท่าไหร่ เสียงสบถด่าทอด้วยคำหยาบคายก็ดังชัดมากขึ้นเท่านั้น มีอาพยายามทำตัวให้เล็กลงเป็นอากาศ และเพ่งสายตามองไปทางต้นเสียง แม้จุดที่เธอยืนอยู่ตอนนี้ จะมีอิฐก่อสร้างกองสุ่มเป็นภูเขาไร้ประโยชน์บวกกับคืนเดือนมืด ทำให้การมองเห็นในกลางคืนของเธอลดลง มีเพียงเธอต้องขยับตัวเข้าไปใกล้มากกว่าที่เป็นอยู่ ถึงจะเห็นเหตุการณ์อีกฝั่งหนึ่ง
ปึกกก!!!
“ไม่!!! อย่าทำกู!! กูไม่รู้เรื่องอะไร!! อึกก!! เห็นแก่ตระกูลกูในอดีตที่สวามิภักดิ์ให้ตระกูลมึงเถอะ ไอ้คะ..อ้ากกก!!!”
“มึงไม่มีสิทธิ์เอ่ยถึงตระกูลของกู…” น้ำเสียงราบเรียบ ดุดันราวกับไม่สนใจใยดีชีวิตของใครนอกจากตัวเองนั้น ไม่ต่างจากปีศาจร้ายเลยสักนิด มีอาคิดและลงความเห็นตามสิ่งที่ได้ยินและดำด่าทอของอีกฝ่ายที่ถูกกระทำ
“กูไม่สงสารมึงและตระกูลมึงหรอกนะ..และนี้คือผลลัพธ์ที่ตระกูลมึงทรยศหักหลังกู.. ตามไปโทษพ่อมึงในนรกเถอะ”
ฉึกกก!!!
“อ๊ากกก!!!!!” พรึบบบบบ!!!!!!
สิ้นเสียงนั้น ร่างของคนที่อยู่จับกดให้แนบใบหน้าลงกับพื้นก็แน่นิ่งไปทันที มีอาเบิกตาโพลงหวาดกลัวกับเหตุการณ์เบื้องหน้า มือบางรีบยกขึ้นกุมริมฝีปากตนเองแน่น หัวใจดวงเล็กกระหน่ำเต็มที่ไม่ต่างจากวิ่งมาราธอน ร่างสูงสง่าที่สุดในเสื้อเชิทดำสนิทไม่ต่างจากคืนเดือนมืดในค่ำคืนนี้ กำลังทำบางสิ่งกับคนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นถนน รอบข้างมีชายชุดดำมากกว่าห้าคนยืนรายล้อมให้บุคคลนั้นกระทำการอุกอาจกับคนที่ตกเป็นเหยื่อ
“ไม่หายใจแล้วครับนาย”
“…ผลลัพธ์ไม่เลว..หึๆ..สามารถจัดจำหน่ายได้.ในเร็วๆนี้” คนผู้นั้นพูดกับคนของคนตัวเองราวกับเป็นเรื่องทั่วไป จิตใจเขาช่างอำมหิตเกินมนุษย์มนามากไปแล้ว ดวงตากลมวูบไหวเธอคนเดียวไม่อาจเข้าไปเรียกร้องความยุติธรรมให้คนที่หมดสิ้นลมหายใจไปต่อหน้าต่อตาได้ แต่มีเพียงกฎหมายของบ้านเมืองเท่านั้นที่พอจะคือความเป็นธรรมให้ได้ ไม่รอช้ามือบางรีบล้วงลงไปในถุงผ้าของตัวเอง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหมายจะกดโทรหาเบอร์ของผู้พิทักษ์สันติราช
ครืดดดด~~~~ครืดดด~~~~~
“0.0..อะ!!”
…………………………………………..
🥰🥰แวะมาคอมเม้นท์ให้กำลไรต์ด้วยนร้าาา
(เรื่องพี่อเล็ก จ้างรักมาเฟียร้อยเล่ห์[อเล็กซิส+เมเปิ้ล]NC25+++[ตระกูล คราวน์] อัพจบแล้วค่ะ
เรื่องพี่แอสตัน มาเฟียร้ายอุปถัมภ์รัก[แอสตัน+กอหญ้า]NC25+++[ตระกูล มอซิลล่า] อัพจบแล้วค่ะ
(ระหว่างว่าเรื่องนี้สามารถอ่าน2เรื่องนี้รอไปพลางๆก่อนนะคะ)