คุณนายงามตาหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความโกรธ เพราะพอเห็นภาพล็อกเกต ท่านจำได้ทันทีว่าหนุ่มสาวที่อยู่ในภาพด้านในคือใคร
ภพธรถอนหายใจยาว ดวงตาสีเข้มสบตาคมกริบของมารดานิ่ง ส่วนนางพิมพ์หลบสายตาวูบหนึ่งก่อนจะเงยหน้ามองคุณนายงามตา
‘นอกจากสร้อยเส้นนี้แล้วเธอเจออะไรอีกหรือเปล่า’
คราวนี้ภพธรมองไปยังนางพิมพ์ด้วยสายตาเข้มจัด บังคับกลายๆ ไม่ให้พูด เพราะเพียงแค่สร้อยเส้นนี้เส้นเดียวก็เฉลยทุกอย่างเด่นชัด ทว่าคนสนิทของมารดาเห็นจะเกรงท่านมากกว่าเขาจึงอุบอิบบอกออกมาว่า
‘จะ...เจอ’
‘อะไร!’ เสียงสั้นห้วนของคุณนายงามตาทำเอานางพิมพ์สะดุ้งก่อนพูดออกมารัวเร็วว่า
‘อิฉันเจอคราบเลือดบนผ้าปูที่นอนของคุณหนึ่งค่ะ!’
คุณนายงามตาหัวใจดิ่งวูบ หายใจหอบถี่จนนางพิมพ์ต้องรีบหายาดมให้อีกฝ่ายทันที
‘คุณนายคะดมยา ดมนี่ก่อนนะคะ’
ภพธรเม้มปากแน่น ใบหน้าของเขาหลุบมองมือของตนเอง ก่อนจะเงยหน้ามองมารดาที่กำลังมองมายังเขาด้วยสายตาผิดหวังเป็นครั้งแรก
‘ผมผิดเอง เรื่องทั้งหมดผมเป็น...’
‘เราจะคุยเรื่องนี้อีกทีตอนที่กอหญ้ากลับมาแล้ว’ พูดจบคุณนายงามตาก็ผุดลุก ทำให้นางพิมพ์รีบช่วยประคองท่านเอาไว้ ก่อนไปท่านยังหันมามองลูกชายอีกครั้ง พร้อมกับพูดว่า ‘หนึ่งจะต้องไม่พูดอะไรออกไป ตราบใดที่แม่ยังไม่อนุญาต ส่วนเรื่องของเด็กนั่น ปล่อยให้เป็นธุระของแม่’
เขามองมารดาเดินจากไปด้วยความรู้สึกสับสน เรื่องนี้เขาเป็นคนผิด ก็ควรจะต้องเป็นเขาที่รับผิดชอบไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมมารดาถึงพูดแบบนั้น
ภพธรผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ดูเหมือนความต้องการของมารดาและกอหญ้าจะเหมือนกันก็ตรงที่ไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป แต่เห็นทีจะยาก เพราะเขาพอจะรู้นิสัยใจคอคนสนิทของมารดาดี แม้จะซื่อสัตย์ แต่ก็เป็นคนช่างพูดช่างคุย เขาเกรงว่าเรื่องนี้คงไม่เป็นความลับนานนักหรอก
“ไม่คิดถึงตัวเองบ้างเหรอ อย่าลืมนะ คนที่เสียหายคือหญ้า” เขาเอ่ยออกมาหลังจากเงียบไปนานพอควร แทนคำตอบ เขาได้ยินเสียงถอนหายใจราวกับสะอื้นของเด็กสาว จึงหันไปมองหล่อนแวบหนึ่ง
“ถ้าคุณหนึ่งไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้” เสียงนั้นแผ่วเบายิ่งยวด แต่กลับทำให้ชายหนุ่มต้องถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงพลางบอก
“มันไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิ”
หัวใจดวงน้อยหล่นวูบอีกครั้งพร้อมกับหันไปมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าซีดเซียว
“คะ...คุณหนึ่งหมายความว่ายังไงคะ”
คนถูกถามผ่อนลมหายใจ ดวงตาจ้องนิ่งตรงไปยังเส้นทางเบื้องหน้า ก่อนตัดสินใจตอบออกมาว่า
“ทุกคนในบ้านรู้เรื่องนี้หมดแล้ว รวมทั้งแม่ใหญ่ของเธอด้วย เข้าใจไหมหญ้า ว่าเรื่องของเราไม่ได้เป็นความลับ” ดวงตาสีเข้มที่มองแม้เพียงแวบเดียวนั้นบอกชัดว่ากำลังเครียดและอึดอัดใจไม่น้อย ขณะที่เด็กสาวกำลังตกใจสุดขีด แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา หลังจากนั้นเสียงสะอื้นเบาๆ ก็ดังมาจากสาวน้อย เสียงร้องไห้ของหล่อนดังก้องเข้ามาในใจของเขา ชายหนุ่มเม้มปากแน่น ก่อนจะหักพวงมาลัยจอดลงข้างทางด้วยทนไม่ไหวที่ต้องนั่งฟังเสียงร้องไห้ของเด็กสาวอีก
“หญ้า” เขาหันไปมองร่างเล็กที่สะอื้นฮักข้างๆ ด้วยความรู้สึกผิดที่เกาะกินใจของเขา ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหมายปลอบใจ ทว่าเด็กสาวสะดุ้งก่อนที่เขาจะแตะหล่อนเสียด้วยซ้ำ พร้อมทั้งยังถอยห่างหนีจนติดประตูรถ ทำให้มือที่เอื้อมไปหมายปลอบใจยกค้าง ก่อนจะค่อยๆ หดกลับไปตามเดิม ขณะที่ดวงตามองจ้องไปยังดวงหน้าหวานที่เวลานี้เผือดซีดและเปรอะเปื้อนด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจ
“ฉันขอโทษ แต่เราหนีความจริงไม่ได้” เขาพลิกตัวกลับมานั่งนิ่ง ฟังเสียงร้องไห้ของเด็กสาวจนกระทั่งเสียงนั้นค่อยแผ่วลง และเหลือเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ดังออกมา เขาจึงผ่อนลมหายใจยาวพลางสตาร์ตรถแล้วขับออกไปจากข้างทาง
กอหญ้าเอนกายอิงศีรษะกับที่นั่ง ดวงตาแดงก่ำมองไปอย่างไร้จุดหมาย เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่อาจกล่าวคำใด ยิ่งทุกคนรู้เรื่องหมดแล้ว หล่อนจะกลับไปมองหน้าพวกเขาได้อย่างไรโดยไม่รู้สึกละอายแก่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นไปไม่ได้เลยสักนิดเดียว
วูบหนึ่งหญิงสาวนึกเกลียดเขา คนข้างๆ คนนี้ หากไม่เป็นเพราะเขาขืนใจหล่อน ทุกอย่างจะไม่เป็นแบบนี้เลย
สาวน้อยหันไปมองเขาด้วยสายตาเกลียดชัง เพราะเขาทำลายหล่อน ทำให้หล่อนต้องสูญเสียความสาว ย่ำยีหล่อน แล้วทำให้หล่อนต้องอับอาย
เกลียด หล่อนเกลียดเขาเหลือเกิน...
ภพธรรับรู้ได้ถึงรังสีบางอย่างของคนข้างกาย เขาจึงหันไปมองแล้วใจกระตุก เพราะสายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง และกำลังกล่าวโทษว่าทุกอย่างเป็นเพราะเขาเพียงผู้เดียว
ชายหนุ่มเม้มปาก แล้วหันไปมองทางข้างหน้า เขาไม่มีคำแก้ตัวใดๆ คนที่ผิดคือเขา คนที่เลวก็คือเขา แต่คนที่สูญเสียความสาว เสียความมั่นใจและอาจถูกหมิ่นแคลนในอนาคตคือหล่อน คำเดียวที่เขาจะสามารถกล่าวออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำในเวลานี้ก็คือ...
“ขอโทษ ฉันเสียใจ เสียใจจริงๆ”
น้ำตาหยดเล็กกลิ้งลงมาในทันทีที่เขาเอ่ยเช่นนั้น
ใช่สิ เขามันก็ต้องเสียใจอยู่แล้ว แต่คนที่ต้องสูญเสียทุกอย่างยังไงก็เป็นหล่อนไม่อาจเปลี่ยนแปลง และเป็นหล่อนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะต้องอยู่กับความรู้สึกเลวร้ายในค่ำคืนนั้น ที่คอยหลอกหลอนตอกย้ำ คืนแล้ว คืนเล่า