เพ่ยเจินคนดี

1827 คำ
ณ ร้านขายข้าวสกุลฮั่ว เพ่ยเจินเดินทางกลับมาถึงบ้านอย่างหัวเสียและวางตะกร้าลงบนโต๊ะไม้อย่างแรงด้วยความโมโห  ทำเอาบิดาที่กำลังสานตะกร้าอยู่หลังร้านต้องเหล่สายตามองมาด้วยความสงสัย "คุณหนูเพ่ยเจินของข้าไปกินรังแตน ณ ที่ใดมา  ถึงได้มีท่าทีกระฟัดกระเฟียดเอาเช่นนี้  ผู้ใดทำอันใดเจ้าเช่นนั้นหรือ?"  บิดาถามขึ้นมาน้ำเสียงขึงขัง "แล้วนั่นแบกอะไรมาจนเต็มตะกร้าเช่นนั้นหรือ?"  มารดาถามขึ้นอีกพร้อมทั้งเดินมาชะเง้อคอดูในตะกร้าก่อนจะเบิกตาโตขึ้นด้วยความดีใจ "หน่อไม่ป่างามๆทั้งนั้นเลยเจ้าค่ะท่านพี่"  ไป๋ซูเจียวมารดาของ เพ่ยเจินพูดพลางหยิบหน่อไม้ป่าออกมาวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบตรง โต๊ะไม้สักขัดมันอย่างดี "ผลไม้พวกนี้ก็น่ากินยิ่งนัก  เว่ยหยางเป็นคนมอบมันให้กับเจ้าใช่หรือไม่?"  มารดาถามขึ้นมาอีกน้ำเสียงยินดี "ใช่แล้วเจ้าค่ะท่านแม่  แล้วก็เพราะเขานี่แหล่ะที่เป็นตัวการทำให้ข้าอารมณ์เสียเจ้าค่ะท่านพ่อ"  เพ่ยเจินชิงฟ้องบิดาขึ้นมาหน้าตางอเง้า "เขาทำอะไรเจ้าเช่นนั้นหรือเพ่ยเจิน?"  บิดาวางมือจากตะกร้าที่กำลังสานอยู่เงยหน้าขึ้นมามองบุตรสาวของตนด้วยความเป็นห่วงพร้อมทั้งกวาดสายตามองผมเผ้ารกรุงรัง เสื้อผ้าที่เปียกน้ำ และชุดคลุมใหญ่มหึมาอย่างนึกสงสัย เพ่ยเจินนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาแล้วก็เอาแต่เม้ม ริมฝีปากแน่น  หน้าแดงขึ้นอย่างควบคุมเอาไว้ไม่อยู่  และมิกล้าตอบคำถามของบิดาแต่อย่างใด  จึงเสเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทนว่า  "พี่ใหญ่ยังอยู่ในบ้านหรือไม่เจ้าคะท่านพ่อ?" "อ้อ  เห็นว่าพี่สะใภ้ของเจ้ามิค่อยสบายนัก  พี่ใหญ่จึงได้ปิดร้านขายข้าวสารของเราไวหน่อยวันนี้  เพื่อไปดูแลนางอย่างไรเล่า"  บิดาว่าพลางลอบส่งยิ้มให้กับมารดาอยู่เป็นระยะ "พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้พึ่งจะแต่งงานกันมาได้ราวห้าหกเดือน  คนแข็งแรงเช่นพี่สะใภ้นางจะล้มป่วยด้วยเรื่องอันใดกันหรือเจ้าคะ?"  เพ่ยเจินพูดพลางยกแขนขึ้นมากอดอกไว้หลวมๆและทำหน้าตาครุ่นคิดไปด้วย 'ไม่ได้การเสียแล้ว  น้องสาวที่ดีเช่นนางเห็นควรว่าจะต้องรีบไปเยี่ยมดูอาการของพี่สะใภ้เสียหน่อย  หาไม่แล้วชาวบ้านอาจจะติฉินนินทาเอาได้ว่าสกุลฮั่วของนางช่างแล้งน้ำใจนัก'  คิดได้ดังนั้นแล้วเพ่ยเจินจึงพูดออกไปว่า  "ท่านพ่อเจ้าคะ  ข้าขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะเจ้าคะ  เสร็จเรียบร้อยแล้ว  ข้าจะได้ไปดูอาการของพี่สะใภ้เสียหน่อย" "เจ้าไปเถอะ  แต่อย่าอยู่กวนพี่สะใภ้นานนักเล่า  นางจะได้มีเวลาพักผ่อนมากๆหน่อย"  ฮั่วหานตี้กล่าวกำชับ "เจ้าค่ะท่านพ่อ"  เพ่ยเจินกล่าวรับคำพร้อมทั้งก้าวขาเล็กเดินเข้าไปในเขตคฤหาสต์ของสกุลฮั่วอย่างช้าๆ "คุณหนูกลับมาแล้ว"  เสียงสาวรับใช้วัยสิบเจ็ดปีพูดขึ้นอย่างดีใจ "แต่เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะคุณหนู  เหตุใดคุณหนูถึงได้เปียกปอนไปทั้งตัวเอาเช่นนี้  แล้วชุดคลุมนี่เป็นของผู้ใดกันหรือเจ้าคะ?"  หยุนซีบ่าวรับใช้ข้างกายถามขึ้นด้วยความตกใจ  เพราะตั้งแต่เล็กจนโตที่อยู่รับใช้  ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาเพ่ยเจินเป็นคนถือตัวนักมักไม่ยอมใช้ของร่วมกันกับใครหรือสวมใส่เสื้อผ้าของผู้อื่นเอาง่ายๆ "เสื้อคลุมนี่เป็นของเจ้าหมียักษ์ซ่งเว่ยหยาง  หากเจ้าซักทำความสะอาดเสร็จแล้ว  ข้ารบกวนฝากให้เจ้านำเสื้อคลุมนี่ไปส่งคืนเขาให้ด้วยนะ"  เพ่ยเจินพูดเพียงเท่านั้นก็รีบไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เพื่อไปเยี่ยมพี่สะใภ้ของตนทันที ขณะที่เดินไปถึงหน้าที่พักของพี่ใหญ่และพี่สะใภ้  เพ่ยเจินก็ได้ยินเสียงของพี่สะใภ้แว่วดังออกมาด้านนอกอยู่เป็นระยะ  "บ่าวรับใช้หายไปที่ใดกันหมดนะ  เหตุใดที่พักของพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ถึงได้เงียบเชียบปราศจากผู้คนยิ่งนักวันนี้?"  เพ่ยเจินพึมพำขึ้นมาด้วยความสงสัย  จนกระทั่งเดินเข้ามาถึงหน้าประตูห้องของพี่สะใภ้  เสียงร้องของพี่สะใภ้ก็ดังยิ่งขึ้นอีกราวกับคนกำลังใกล้จะขาดใจตาย  'หรือว่าจะมีคนบุกเข้ามาทำร้ายพี่สะใภ้ของนางกันแน่นะ?'  เพ่ยเจินคิดขึ้นมาในใจอย่างร้อนรนจึงทุบประตูขึ้นเสียงดังปังๆด้วยความหวั่นใจ ฮั่วหวังซูพี่ชายคนโตของสกุลฮั่วที่กำลังพลอดรักอยู่กับภรรยาอย่างแนบแน่นต้องเผลอถอนหายใจออกมาเสียงดังด้วยความเสียดายอย่างสุดซึ้ง ก่อนจะก้มลงไปจุมพิตริมฝีปากภรรยาแผ่วเบาอย่างให้กำลังใจก่อน จะลุกขึ้นมาเปิดประตูห้องออกอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ กัวซินเหยียนพี่สะใภ้คนงามแต่งตัวได้เสร็จเรียบร้อยพอดี             "พี่ใหญ่เหตุใดพี่จึงมาเปิดประตูให้ข้าช้านัก  ข้านึกเป็นห่วงพี่สะใภ้จนใจคอไม่ดีเลยรู้หรือไม่?"  เพ่ยเจินตำหนิพี่ชายคนโตขึ้นมาเสียงเบาพร้อมทั้งสอดส่ายสายตามองหาพี่สะใภ้ไปทั่วทั้งห้องนอน "เพ่ยเจินเข้ามาข้างในก่อนสิ"  กัวซินเหยียนพูดพลางเดินออกมาหน้าประตูและจับจูงมือของเพ่ยเจินให้เข้ามานั่งบนเก้าไม้ในห้อง "ข้าได้ข่าวจากท่านพ่อว่าพี่สะใภ้ไม่ค่อยสบายจึงได้รีบเดินทางมาเยี่ยมเจ้าค่ะ"  เพ่ยเจินพูดพลางกวาดสายตามองไปทั่วร่างกายของกัวซินเหยียนก่อนจะเบิกตาโตขึ้นด้วยความตกใจเมื่อพบว่าบริเวณต้นคอของกัวซิน เหยียนมีจุดแดงเล็กๆกระจายไปทั่ว "พี่สะใภ้เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงอันใดหรือเจ้าคะ  เหตุใดจึงได้มีจุดแดงเป็นจ้ำไปทั่วต้นคอได้ขนาดนี้  แล้วนี่พี่ใหญ่ได้ตามหมอมาตรวจดูอาการให้พี่สะใภ้หรือยังเจ้าคะ?"  เพ่ยเจินพูดพลางบีบมือกัวซินเหยียนแน่นขึ้นอีกด้วยความห่วงใย "ท่านหมอมาตรวจดูอาการพี่สะใภ้ของเจ้าแล้ว  พึ่งจะกลับไปได้ เมื่อราวๆสองเค่อที่ผ่านมานี้เอง"  ฮั่วหวังซูตอบแทนภรรยาของตนที่เริ่มมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้วในยามนี้ "แล้วท่านหมอว่าอย่างไรบ้างเล่าเจ้าคะ  รีบบอกข้ามาเร็วเข้า พี่ซินเหยียน"  เพ่ยเจินถามเร่งรัด "หมอหลวงบอกว่า  ข้า  ข้ากำลังตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว"  กัวซินเหยียนตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา  แก้มขาวแดงจัดดั่งลูก ตำลึงสุกปลั่ง "จริงเช่นนั้นหรือเจ้าคะ  แล้วท่านพ่อกับท่านแม่รู้เรื่องนี้หรือยัง เจ้าคะ?"  เพ่ยเจินถามขึ้นน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ "ข้าว่าจะประกาศข่าวดีให้สกุลฮั่วของเราได้รับรู้ในเย็นวันนี้พร้อมกัน  แต่น้องสาวข้าช่างเป็นคนดีนัก  รีบรุดมาดูอาการพี่สะใภ้ก่อนใคร  จึงได้รับรู้เรื่องราวอันเป็นมงคลนี้ก่อนผู้ใดเลยทีเดียวเชียวล่ะ"  ฮั่วหวังซูเค้นเสียงตอบไปด้วย  และแอบลอบสบตากับภรรยาไปด้วยความหิวกระหาย "พี่ซินเหยียนช่างเก่งนัก  แต่งเข้าสกุลฮั่วของเราไม่นานก็มีหลานมาให้ข้าเล่นด้วยเสียแล้ว"  เพ่ยเจินพูดขึ้นอย่างดีใจพร้อมทั้งฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างเต็มที่ "ความดีความชอบที่เจ้ากล่าวมานี้  ต้องยกให้พี่ใหญ่ด้วยสักครึ่งหนึ่งด้วยเล่าเข้าใจหรือไม่  เอะอะอะไรก็ชมเชยแค่พี่สะใภ้ใช้ได้ที่ไหนกัน?"  ฮั่วหวังซูแกล้งกล่าววาจาทำท่าน้อยใจออกไปเล็กน้อย "เจ้าค่ะ  พี่ใหญ่ก็เก่ง  พี่สะใภ้ก็เก่งที่พากันมีหลานมาให้ข้าเล่นด้วยเช่นนี้  ดีเสียจริงเลยนะเจ้าคะ  แค่เรามีคนมานอนกอดด้วยไม่นานพี่สะใภ้ก็ ตั้งครรภ์แล้ว"  เพ่ยเจินพูดออกมาด้วยความซื่อ  ทำเอาฮั่วหวังซูต้องส่ายศีรษะไปมาเบาๆ กับความไร้เดียงสาของน้องสาวตน  สุดท้ายแล้วจึงพูดออกมาว่า "เพ่ยเจินแค่การนอนกอดกันไม่ได้ทำให้พี่สะใภ้ของเจ้าตั้งครรภ์ขึ้นมาได้หรอกนะ"  หลังกล่าวจบฮั่วหวังซูก็ต้องร้องโอ๊ยขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกกัวซินเหยียนหยิกหมับเข้าที่ต้นแขนด้วยความหมั่นไส้  และโดนภรรยาค้อนขวับวงโตเข้าให้อีกหนึ่งคำรบ  ฮั่วหวังซูจึงได้ปิดปากของตนเอาไว้ให้แน่นสนิท  และเดินไปรินน้ำชามาดื่มแก้อาการคอแห้งดับกระหาย  พร้อมทั้งกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ในห้องเสียงดัง  และรีบทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้แต่อย่างใด "ได้ข่าวว่าพี่สะใภ้มิได้เจ็บไข้ได้ป่วยอันใด  ข้าก็สบายใจขึ้นมามากแล้ว  เช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะเจ้าคะ  แล้วนี่ข้าคงไม่ได้เข้ามารบกวนหรือขัดจังหวะอันใดของพวกท่านทั้งสองคนหรอกนะ  ใช่หรือไม่ เจ้าคะ?"  เพ่ยเจินถามขึ้นเมื่อลอบสังเกตเห็นว่าพี่สะใภ้ของตนมีอาการกระสับกระส่ายอยู่ไม่ค่อยนิ่งนัก  ส่วนพี่ใหญ่ของตนก็เอาแต่ลอบกุมขมับ  และส่งเสียงหายใจฟึดฟัดออกมาอยู่เป็นระยะ             "เพ่ยเจินคนดีมีจิตใจคิดห่วงใยพี่สะใภ้มากขนาดนี้  จะมองว่าเป็นการรบกวนและขัดจังหวะไปได้อย่างไร  เจ้ามิต้องคิดมากอันใดไปหรอกนะ"  กัวซินเหยียนพูดพลางบีบมือน้องสาวของสามีแสดงความขอบใจในความเป็นห่วงที่ตนได้รับ "จริงนะเจ้าคะพี่สะใภ้?"  เพ่ยเจินถามย้ำขึ้นมาอีกรอบเพื่อความแน่ใจ "จริงสิ"  กัวซินเหยียนเอ่ยขึ้นมาน้ำเสียงหนักแน่นหวังให้เพ่ยเจินได้สบายใจเสียที "งั้นข้าไม่รบกวนพวกท่านแล้วนะ  ข้าไปล่ะ"  เพ่ยเจินพูดพลางเดินออกจากห้องไปและปิดประตูห้องนอนให้สนิทเรียบร้อย  ฮั่วหวังซูรีบตามไปลงกลอนห้องนอนเอาไว้ให้แน่นหนาโดยทันที  พร้อมกับพึมพำกับตนเองขึ้นมาเสียงเบาว่า  "อย่าให้ถึงทีของข้าบ้างก็แล้วกันนะเพ่ยเจิน  หึ!!"        
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม