ตกเย็นมาสกุลฮั่วต่างก็มาร่วมวงกินอาหารค่ำร่วมกันดังเช่นทุกวันที่ผ่านมา โดยอาหารหลักในมื้อนี้นั้นมีหน่อไม้ป่าที่ซ่งเว่ยหยางใส่ลงในตะกร้าให้กับเพ่ยเจินด้วย
"ซินเหยียนอาการเจ็บป่วยของเจ้าเป็นเช่นไรแล้วบ้าง ท่านหมอมาตรวจดูอาการแล้วบอกว่าเจ้าเป็นอะไรเช่นนั้นหรือ?"
ไป๋ซูเจียวพูดขึ้นพร้อมทั้งคีบน่องไก่ตุ๋นน้ำยาจีนใส่ลงในชามข้าวของลูกสะใภ้ด้วยความเอาใจใส่
ฮั่วหวังซูเมื่อมองเห็นภรรยามีท่าทีพะอืดพะอมจึงตอบแทนไปว่า
"เรียนท่านพ่อ ท่านแม่ ซินเหยียนนางตั้งครรภ์ได้ราวสองเดือนแล้วขอรับ"
"เจ้าพูดจริงเช่นนั้นรึหวังซู?" มารดาถามย้ำออกมาเสียงดังด้วยความตกตะลึง
ฮั่วหานตี้ที่กำลังคีบข้าวใส่ปากก็เอาแต่ถือตะเกียบค้างไว้อยู่อย่างนั้นราวกับถูกแช่แข็งเมื่อได้รับฟังข่าวที่น่ายินดีจากบุตรชายครานี้
"ข้าพูดจริงขอรับ ท่านหมอที่มาตรวจอาการให้กับซินเหยียนรับรองเช่นนั้นมิมีผิดพลาดแน่นอนขอรับ อีกทั้งนางยังมีอาการแพ้ท้องมากอีกด้วย"
หลังฮั่วหวังซูกล่าวจบกัวซินเหยียนก็รีบลุกขึ้นไปโก่งคออาเจียนอยู่ตรงพุ่มไม้ด้านนอกเสียจนหมดไส้หมดพุง ฮั่วหวังซูจึงรีบรุดลุกออกไปดูอาการของภรรยาด้วยความห่วงใย
"ท่านพี่เรากำลังจะมีหลานให้อุ้มกันแล้วนะเจ้าคะ"
ไป๋ซูเจียวเอ่ยขึ้นปากคอสั่นพร้อมทั้งเขย่าแขนสามีไปมาเบาๆ
ฮั่วหานตี้เองก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ยอมหยุดเช่นเดียวกัน
หลังฮั่วหวังซูประคองภรรยาเข้ามาร่วมกินข้าวข้างในด้วยกันต่อ
ฮั่วหานตี้ที่เริ่มดึงสติของตนกลับคืนมาได้ก็เอ่ยขึ้นมาว่า "ท่านหมอจัดยาอะไรให้เจ้าบ้างล่ะซินเหยียน?"
"ท่านหมอได้จัดยาบำรุงครรภ์ให้ข้าเอาไว้สองสามชุดเจ้าค่ะ
ท่านพ่อ" ผู้เป็นสะใภ้ตอบออกไปด้วยความสุภาพเรียบร้อย
"เอาอย่างนี้สิเจ้าคะท่านพี่ วันพรุ่งนี้เรามอบหมายให้เพ่ยเจินออกไปซื้อสมุนไพรเพิ่มเติมสำหรับหญิงตั้งครรภ์มาไว้ให้ซินเหยียนดีหรือไม่เจ้าคะ?"
ไป๋ซูเจียวพูดพลางส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ด้วย ทำให้ประมุขของสกุลฮั่วอย่างฮั่วหานตี้ต้องพลอยพยักหน้าลงเป็นเชิงตอบรับอย่างมิมีทางเลี่ยง
'ท่านแม่จะให้ข้าไปซื้อสมุนไพรมาไว้ให้พี่สะใภ้เช่นนั้นหรือ แต่ทั่วทั้งหมู่บ้านของเรามีแค่เพียงมารดาของซ่งเว่ยหยางเท่านั้นมิใช่หรือที่เปิดร้านขายสมุนไพรอยู่ หรือว่าข้าจะเดินทางออกนอกหมู่บ้านไปหาซื้อสมุนไพรจากร้านอื่นเอามาไว้ให้พี่สะใภ้ดีนะ?'
เพ่ยเจินทุ่มเถียงกับตนเองในใจ ก่อนบิดาจะพูดขึ้นมาเสียงทุ้มว่า
"เพ่ยเจินวันพรุ่งนี้เจ้าจงรีบตื่นแต่เช้าไปซื้อสมุนไพรที่ร้านของ
เว่ยหยางมาไว้ให้พี่สะใภ้ด้วยนะ และเจ้าห้ามมัวแต่เที่ยวเล่นเถลไถลไปไหนไกลเป็นอันขาดเข้าใจหรือไม่?" บิดากล่าวกำชับ
'หมดกันแผนการดีๆของข้า' เพ่ยเจินโอดครวญขึ้นมาในใจพร้อมทั้งตอบบิดาเสียงอ่อยไปว่า
"ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ"
ทั้งสี่คนร่วมกินอาหารกันต่อไปด้วยความยินดีปรีดา ผิดกันกับ
เพ่ยเจินที่ตอนนี้เริ่มมีอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาหน่อยๆแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้นยามเฉิน (เวลา 7.00น.) หลังจากที่เพ่ยเจินอาบน้ำแต่งตัวเสร็จจึงได้รีบรุดไปหาหยุนซีในทันทีด้วยหวังว่าจะให้หยุนซีเดินทางไปที่ร้านสมุนไพรกับตนด้วย แต่แล้วเพ่ยเจินก็ต้องผิดหวังอย่างหนักเมื่อหยุนซีบอกว่า ต้องรีบเดินทางติดตามมารดาของตนไปทำบุญที่วัดเจ้าแม่กวนอิมผ่อสักบนเทือกเขาหยวนซาง และนำเสื้อคลุมของซ่งเว่ยหยางที่ซักทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วมามอบให้กับเพ่ยเจินนำไปส่งคืนให้กับ
ซ่งเว่ยหยางด้วยตนเองอีกด้วย
'สวรรค์เอ๋ยไยท่านจึงมิมีความเมตตามอบให้กับข้าเพ่ยเจินคนนี้บ้างเล่า เอะอะอะไรก็ชอบผลักดันให้ข้าได้ปะทะกับเขา ได้เจอกันกับเขาซึ่งๆหน้าตลอดเลยนะ'
เพ่ยเจินรำพึงขึ้นมาในใจด้วยความหวาดหวั่นพร้อมทั้งรับชุดคลุมของซ่งเว่ยหยางมาถือไว้อย่างไม่มีทางเลือก และกัดฟันเดินทางออกจากคฤหาสต์สกุลฮั่วไปอย่างอ้อยอิ่งด้วยไม่อยากจะไปถึงร้านขายสมุนไพรของ
ซ่งเว่ยหยางเร็วนัก แต่ด้วยเหตุผลกลใดมิทราบได้ เวลาผ่านไปได้สักพัก
เพ่ยเจินก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าร้านขายสมุนไพรของซ่งเว่ยหยางแล้ว
"เพ่ยเจิน!"
ซ่งเว่ยหยางอุทานขึ้นมาอย่างไม่เชื่อสายตาตนเองนักที่ได้พบเจอกันกับคนที่ตนเอาแต่เฝ้าคิดถึงทั้งคืนจนแทบจะข่มตานอนหลับไม่ลงกำลังปรากฏกายยืนอยู่หน้าร้านขายสมุนไพรยามเช้าเช่นนี้
พลันรอยยิ้มกว้างขวางก็ประดับอยู่บนใบหน้าของซ่งเว่ยหยางราวกับดอกทานตะวันที่กำลังบานแข่งกันรับแสงพระอาทิตย์ในยามเช้า ดวงตาทั้งคู่ก็เปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรีที่ดูแล้วสดใส สุกสกาว อบอุ่น อ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง
เพ่ยเจินแอบลอบมองความดูดีของซ่งเว่ยหยางอยู่ชั่วขณะก่อนจะตี
สีหน้าเคร่งขรึมและกล่าวน้ำเสียงขึงขังขึ้นมาว่า
"ท่านป้าจงอยู่หรือไม่?" พร้อมทั้งวางเสื้อคลุมของซ่งเว่ยหยางเอาไว้บนโต๊ะคิดเงินด้วยความรวดเร็ว
"เจ้ามีธุระอันใดกับท่านแม่ของข้าเช่นนั้นหรือ?"
ซ่งเว่ยหยางถามขึ้นพร้อมทั้งรีบตะครุบมือของเพ่ยเจินที่กำลังจะผละออกจากเสื้อคลุมของตนเอาไว้ทันที
"ปล่อยมือข้าเดี๋ยวนี้นะเจ้าหมียักษ์บ้า!" เพ่ยเจินเอ็ดขึ้นเสียงเขียว
"บอกธุระของเจ้ามาก่อนแล้วข้าถึงจะยอมปล่อย?"
ซ่งเว่ยหยางกล่าวตะล่อมร่างเล็กอย่างใจเย็น
"ข้ามาหาซื้อยาสมุนไพรไปให้กับพี่สะใภ้" เพ่ยเจินตอบพลางพยายามชักมือของตนกลับ
"นางเจ็บป่วยเป็นอะไรหรือ เจ้าถึงได้รีบร้อนตื่นนอนตั้งแต่เช้ามาซื้อสมุนไพรให้กับนางได้เช่นนี้?"
ซ่งเหว่ยหยางพูดพลางใช้นิ้วมือใหญ่ของตนทั้งสองข้างสอดประสานระหว่างนิ้วมือเล็กของเพ่ยเจินเอาไว้แน่น
"นางไม่ได้เจ็บป่วยอันใดมากหรอก นางก็แค่ตั้งครรภ์หลานของข้าเพียงเท่านั้นเอง"
เพ่ยเจินพูดพลางช้อนสายตาข่มขู่ส่งไปให้กับซ่งเว่ยหยางเป็นเชิงบังคับว่าให้ปล่อยมือตนเสียที
แต่ดูเหมือนเจ้าหมียักษ์บ้านี่จะหน้าหนานัก นอกจากจะไม่ยอมปล่อยมือของเพ่ยเจินแล้ว ยังก้มหน้าลงมากระซิบอยู่ข้างริมใบหูเล็กของ
เพ่ยเจินว่า
"เรียกข้าว่าพี่เว่ยหยางก่อนสิ แล้วข้าจะยอมปล่อยมือเจ้า"
"ฝันไปเถอะเจ้าหมียักษ์ชั่ว!" เพ่ยเจินเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันด้วยความ
คั่งแค้น ในใจนึกอยากจะฟาดท่อนฟืนใส่หลังของซ่งเว่ยหยางหลายๆครั้งติดกันระบายความแค้นใจนัก แต่ดูเหมือนโชคจะยังพอเข้าข้างนางอยู่บ้าง เมื่อหลี่่ซีโมวน้องชายของหลี่หมิงได้เดินทางเข้ามาซื้อยาสมุนไพรที่ร้านของซ่งเว่ยหยางพอดี จึงทำให้ซ่งเว่ยหยางต้องพลอยปล่อยมือของตนออกจากการกอบกุมมือของเพ่ยเจินเอาไว้ด้วยความเสียดาย
หลี่ซีโมวแอบลอบส่งสายตามองสองหนุ่มสาวไปมาสลับกันอยู่เป็นระยะก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า
"หากพวกเจ้าใจร้อนกันนัก หลังเทศกาลอ้ายเสินผ่านพ้นไปแล้วก็รีบๆ เข้าพิธีแต่งงานกันไปเสียเลยเล่า พวกเจ้าก็จะได้อยู่ด้วยกันไม่พรากจาก อีกทั้งยังไม่ต้องคอยหลบๆซ่อนๆไปมาหาสู่แอบพลอดรักกันเอาเช่นนี้"
"ข้ามิได้มาพลอดรักกันกับเขานะเจ้าคะ ข้ามาซื้อสมุนไพรไปให้พี่สะใภ้ของข้าต่างหากเล่า"
เพ่ยเจินกล่าวแย้งขึ้นพร้อมกับลอบส่งสายตาขุ่นเคืองใจไปให้กับ
ซ่งเว่ยหยางด้วย
"ก็เห็นพวกเจ้าจับมือกันแนบแน่นขนาดนั้น ข้าก็พลอยนึกไปถึงว่าข้าได้เข้ามาขัดจังหวะของพวกเจ้าเข้าเสียแล้วนะสิ"
หลี่ซีโมวพูดพลางมองไปที่ซ่งเว่ยหยางพร้อมทั้งเอ่ยออกมาอีกว่า
"ยาสมุนไพรที่เจ้าขายให้ข้าไปเมื่อไม่กี่วันก่อนให้ผลดียิ่งนัก วันนี้ข้าจึงมาซื้ออีกสามชุด รีบจัดยาให้ข้าเร็วเข้า ข้าจะได้รีบจากไป ไม่เป็นตัวอุปสรรคของพวกเจ้าอีก"
"ขอรับท่านลุงหลี่" ซ่งเว่ยหยางพูดพลางจัดยาออกมาเป็นสามชุดมอบให้กับหลี่ซีโมวอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายจึงรีบเดินออกจากร้านไปในทันที
ซ่งเว่ยหยางก้มหน้าก้มตาขีดเขียนตัวอักษรลงบนแผ่นกระดาษแข็งอยู่สักพักและนำออกไปห้อยที่ประตูทางเข้าร้านพร้อมกับเดินเข้ามาหา
เพ่ยเจินอย่างรวดเร็ว
"เช่นนั้นข้าจะจัดยาสมุนไพรให้เจ้านำไปให้พี่สะใภ้ของเจ้าสักสามชุดก็แล้วกันนะ"
ซ่งเว่ยหยางพูดพลางจัดยาด้วยความคล่องแคล่วว่องไว
"ห่อนี้คือยาบำรุงครรภ์ ห่อนี้คือยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียนวิงเวียนศีรษะ ห่อนี้คือยาบำรุงโลหิตและกระดูกของหญิงมีครรภ์"
ซ่งเว่ยหยางพูดพลางยื่นห่อยาออกมาวางไว้บนโต๊ะเบื้องหน้าของ
เพ่ยเจิน
"ทั้งหมดนี่ราคาเท่าไหร่หรือ?" เพ่ยเจินถามขึ้นพร้อมทั้งหยิบถุงเงินออกมาจากถุงผ้า
"มิเป็นไรข้ามิคิดเงิน" ซ่งเว่ยหยางเอ่ยขึ้นยิ้มๆ
"นี่เป็นของซื้อของขาย เจ้าจะมิคิดเงินได้อย่างไรกัน ข้าไม่ยอมหรอกนะ"
เพ่ยเจินพูดพลางวางเงินสามตำลึงลงบนโต๊ะเสียงดังปัง พร้อมกับ
หมุนตัวเดินจากมาอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อก้าวขาออกมาได้เพียงหน้าร้าน
ขายสมุนไพรเท่านั้นก็พลันมีเด็กชายผู้หนึ่งวิ่งมาชนเข้ากับเพ่ยเจินอย่างแรงจนร่างเล็กกระเด็นล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น ห่อยาทั้งสามห่อต่างก็หกกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น
ซ่งเว่ยหยางรีบเดินออกมาดูอาการของเพ่ยเจินในทันที เด็กชายผู้นั้นช่วยเก็บยาที่ตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้นคืนให้ และกล่าวขอโทษ
ขอโพยเพ่ยเจินอยู่พักใหญ่ ก่อนเพ่ยเจินจะกล่าวให้อภัยเด็กชายผู้นั้นจึงจากไปได้
ซ่งเว่ยหยางอุ้มเพ่ยเจินเข้ามานั่งในร้านด้วยความห่วงใยทะนุถนอมพร้อมทั้งดึงชายแขนเสื้อขึ้นเตรียมตรวจดูร่างกายของเพ่ยเจินในทันที
"ช้าก่อน!! เจ้าจะทำอะไร?" เพ่ยเจินรีบร้องห้าม
"ข้ากำลังจะตรวจดูว่าเจ้าบาดเจ็บที่ตรงส่วนใดหรือไม่?"
ซ่งเว่ยหยางพูดพลางเอื้อมมือเข้ามาเลิ่กชายกระโปรงของเพ่ยเจินขึ้น พลันข้อเท้าและขาขาวผ่องก็ปรากฏสู่สายตาของซ่งเว่ยหยางทันที
"โอ๊ยย!!" เพ่ยเจินร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดเมื่อมือใหญ่ของ
ซ่งเว่ยหยางสัมผัสเข้ากับข้อเท้าข้างขวาของตนที่กำลังบวมช้ำอยู่
"เพ่ยเจินเจ้าข้อเท้าแพลงเสียแล้ว นั่งอยู่ตรงนี้นิ่งๆ นะข้าจะไปนำยาสมุนไพรมานวดให้"
ซ่งเว่ยหยางพูดพลางหยิบตลับยานวดออกมาจากลิ้นชักโต๊ะคิดเงินเดินตรงมาหาเพ่ยเจิน
เมื่อเดินมาถึงแล้ว จึงย่อตัวลงนั่งคุกเข่าพร้อมกับตั้งท่าจะถอดรองเท้าของเพ่ยเจินออกอย่างเบามือ
"ห้ามถอดรองเท้าของข้านะ" เพ่ยเจินพูดขึ้นด้วยความตกใจ
'เจ้าหมียักษ์นี่ดูท่าจะสมองกลับเสียแล้ว หญิงสาวมิควรเปลือยเท้า
ให้ชายผู้อื่นที่มิใช่สามีของตนได้เห็น จารีตข้อนี้เจ้าหมียักษ์นี่หลงลืมไปได้อย่างไรกัน?'
เพ่ยเจินนึกตำหนิขึ้นมาในใจพร้อมทั้งชักเท้าของตนออกจากอุ้งมือใหญ่แข็งแรงนั่นในทันที
"หากมิถอดรองเท้าของเจ้าออกมาแล้วจะทายาให้เจ้าได้อย่างไร?"
ซ่งเว่ยหยางพูดขึ้นอย่างดื้อดึงพร้อมทั้งลงมือถอดรองเท้าของ
เพ่ยเจินออกมาได้สำเร็จ โดยมิได้ให้ความใส่ใจสายตาอยากจะฆ่าแกงของ
เพ่ยเจินแต่อย่างใด
พลันเท้าเล็กขาวผ่องดุจน้ำนมก็ปรากฏต่อสายตาของ
ซ่งเว่ยหยาง ถึงแม้เขาจะพยายามรวบรวมสติและสมาธิของตนให้จดจ่ออยู่กับการทายานวดแก้อาการปวดฟกช้ำที่ข้อเท้าของเพ่ยเจินมากเพียงไร แต่
ซ่งเว่ยหยางเองก็ยังคงมือไม้สั่น และมีเหงื่อเม็ดโตผุดซึมขึ้นมาตามไรผมอยู่เป็นระยะ ด้วยมีความคิดวาบหวิวลอยเข้าหัวอยู่เป็นระยะว่า
'หากตนร่วมรักกับเพ่ยเจินไปด้วย ได้ละเลียดดูดชิมนิ้วเท้าขาวผ่องเรียวเล็กเข้าไปในอุ้งปากด้วย จะสุขสมซาบซ่านรัญจวนใจขนาดไหนกันนะ?’