ค่ำวันเดียวกัน
กลิ่นกระเทียมเจียวอบอวลไปทั่วครัว เสียงซู่เบา ๆ ดังขึ้นทันทีที่ไข่เจียวหมูสับสัมผัสน้ำมันร้อนจัด ไอร้อนแตะปลายจมูก ฉันยืนอยู่ข้างเขา... แค่ไม่กี่คืบ มือถือจานเปล่าไว้เฉย ๆ
...ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
พูดให้ถูกคือ แอบมอง มองเขาในเสื้อยืดสีเทาโคร่งที่แนบไปกับแผ่นหลังเปียกเหงื่อ แขนข้างที่ถือตะหลิวเกร็งเล็กน้อย เส้นเลือดไล่ไปตามกล้ามเนื้อชัดเจนขึ้นเพราะหยาดเหงื่อที่ผุดบนผิวอุ่น ๆ ...เผลอกลืนน้ำลายอย่างห้ามไม่ได้
ถึงเขาจะนิ่งกว่าเดิม เย็นชากว่าในความทรงจำ แต่บางอย่างยังเหมือนเดิม เรย์ยอมให้ยืนเกะกะ ทั้งที่ไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ ...และนั่นก็เพียงพอจะทำให้หัวใจดวงน้อย... สั่นไหวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
อย่ามองนานสิค็อกเทล เดี๋ยวโดนจับได้
“ไม่รู้เลยว่าเรย์ทำกับข้าวเก่ง” เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ... และเบี่ยงสายตาจากท่อนแขนเขา
“แค่ไข่เจียวเทล” เขาตอบโดยไม่ละสายตาจากกระทะ เสียงทุ้มราบเรียบ ไม่เย็นชาแต่ก็ไม่อบอุ่น น้ำเสียงแบบนั้น... เหมือนรู้ว่าโดนแอบมอง มากกว่าจะใส่ใจในบทสนทนา
ฉันกลบเกลื่อนด้วยเสียงหัวเราะ “แต่เทลทำไม่เป็น เคยทำทีหนึ่ง ไฟเกือบไหม้บ้าน หลังจากนั้นก็กินแต่บะหมี่”
แล้วเงยหน้ามองเขาอีกนิด “แต่เรย์เก่งจริงนะ เทลไม่ได้แกล้งชมเลย” เอียงหน้านิด ๆ แล้วยิ้มอ้อนใส่
“กลัวไม่มีใครทำให้กิน”
เจ้าของคำถามเลิกคิ้วสูง แววตาไม่ได้เปลี่ยน แต่การขยับเพียงเล็กน้อยนั้นก็พอจะบอกได้ว่า... เขาฟังอยู่
“เบื่อคนรู้ทัน” ทำแก้มป่องใส่แบบเด็กโดนจับได้ เรย์ส่ายหน้าหันกลับไปสนใจไข่เจียวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หัวใจฉันเริ่มเต้นแรงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล
“....” ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งก่อนเรย์จะถามขึ้น
“ที่บอกว่าอยู่คนเดียว...”
ฉันขมวดคิ้ว “หือ?”
“อยู่บ้านคนเดียวบ่อยเหรอ?”
“อือ ก็บ่อยนะ พ่อแม่ต้องออกต่างจังหวัด สองสามวันถึงจะกลับ ทำไมเหรอ?”
“เปล่า” เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจกระทะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนถามไปงั้น... แล้วก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรต่อ
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันมองเขาไม่วางตา ด้วยความสงสัย
จนกระทั่ง...
“มองเรย์ทำไม”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นทำเอาสะดุ้งเฮือก กะพริบตาถี่เผลอหลุดเสียงออกไปแบบลนลาน
“เปล่ามอง!”
ดวงตาคมของเรย์ยังจ้องมาไม่ละสายตา เขาไม่พูดอะไร... แต่แววตานิ่ง ๆ คู่นั้นกลับบอกทุกอย่าง โดยเฉพาะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตรงมุมปาก ที่เหมือนกำลังสนุกกับอาการลนของฉัน
“เทลว่า... ไปรอข้างนอกดีกว่า” สิ้นเสียงรีบหันหลังให้เขา แล้วก้าวออกจากครัวแทบจะวิ่ง
ไม่กี่นาทีต่อมา... เขาเดินตามออกมา พร้อมกับจานข้าวในมือ
...แค่จานเดียว?
“แล้วของเรย์ล่ะ?”
“ยังไม่หิว”
“แต่นี่จะสองทุ่มแล้วนะ…”
เขาไม่พูดอะไร แค่นั่งลงข้าง ๆ แล้ววางจานข้าวตรงหน้า
ฉันก้มมองอย่างอึดอัด ก่อนพึมพำเบา ๆ “…ใครจะกล้ากินคนเดียวล่ะ”
หันไปสบตาเขา แล้วยิ้มอ่อน อ้อนเสียงเบา “กินด้วยกันนะ…”
เขาเงียบไปนิด ก่อนพยักหน้า “อือ”
“งั้นเดี๋ยวเทลไปเอาจานมาแบ่งนะ”
หมับ! มือฉันถูกคว้าไว้กลางทาง แรงบีบไม่แรงมาก แต่พอจะหยุดฉันได้ทันที โดยไม่ต้องใช้พูดอะไรสักคำ
“กินด้วยกันนี่แหละ”
เขาพูดเรียบ เหมือนเป็นเรื่องปกติ
...แต่สำหรับฉันมันไม่ปกติเลยสักนิด
“เรย์กินก่อนสิ”
“ป้อนหน่อย”
“...หะ?”
ฉันเงยหน้าขึ้น กะพริบตาถี่ ๆ อย่างงง ๆ เขาแค่ยกมือเท้าคาง แล้วจ้องฉันอยู่แบบนั้น ไม่พูดอะไร แต่สายตานั่น... รู้ทันไปหมด
“ก็แค่ป้อนข้าวเพื่อน จะเป็นอะไรไป” น้ำเสียงเรียบ ๆ เหมือนไม่คิดอะไร แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตรงมุมปากนั่นคืออะไร...
“ไหนว่าไม่คิดอะไร” ประโยคนั้นเบาราวกระซิบข้างหู แค่คำพูดสั้น ๆ แต่ทำเอาลมหายใจสะดุด ใจสั่น... แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“อือ…”
แค่เพื่อน แค่ป้อนข้าวเพื่อน...
เพื่อนกัน เพื่อนกัน เพื่อนกัน!
ตักข้าวคำเล็ก ยื่นไปให้คนตรงหน้าอย่ากล้า ๆ กลัว ๆ
“อ้าปากสิ…”
เขารับข้าวเข้าปากอย่างว่าง่าย สายตายังจ้องฉันไม่วางจนต้องรีบเบือนหน้าหนี
กลัว... ว่าแค่สบตา เขาจะรู้หมด ว่าเพื่อนคนนี้คิดกับเขามากกว่าแค่เพื่อนมาตลอด...